ในฐานะที่ผู้เขียนเคยอยู่โรงเรียนคริสต์มาก่อน ทำให้ได้เห็นอะไรมาเยอะที่เป็นด้านอันไม่โสภาของคริสตจักรคาทอลิก
อย่างที่รู้กัน ว่าศาสนา เป็นหนึ่งใน soft power ในการปกครอง ศาสนจักรใช้วิธีการส่งมิชชันนารีไปยังประเทศต่างๆ ที่อยู่ห่างไกล บ้างก็ไปกับนักเดินเรือเพื่อเผยแผ่ศาสนาคริสต์ให้แก่ชาวพื้นเมืองในระแวกนั้น
การเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในประเทศไทยที่เห็นชัดที่สุดคือสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรตุเกสเป็นชนชาติแรกที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย จำได้ว่าสมัยนั้น การเข้ารีตเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่นโยบายทางการทูตที่ดี ทำให้การเจรจาประสบความสำเร็จ ประเทศไทยจึงยังคงมีสัดส่วนประชากรในประเทศนับถือศาสนาพุทธมากที่สุดมาจนถึงทุกวันนี้
ศาสนจักรมีความสัมพันธ์ยาวนานอันดีกับประเทศไทยมาเป็นเวลาช้านาน และมีบทบาทสำคัญในการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กไทย เริ่มจากการตั้งโรงเรียนคอนแวนต์เพื่อการกุศลในระยะแรกของการดำเนินโครงการ ทำให้เด็กไทยในสมัยนั้นมีโอกาสได้เรียนหนังสือและรู้ภาษาอังกฤษ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป องค์การการกุศลก็กลายเป็นองค์กรพาณิชย์อยู่กลายๆ จากโรงเรียนขยายโอกาส ที่ให้โอกาสเด็กๆ ได้เรียนโดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ ก็กลายเป็นโรงเรียนเอกชนสุดหรูที่มีการเก็บค่าแป๊ะเจี๊ยะแรกเข้า (ในปี 2544 เราอยู่ป.1)
การกลายสภาพเป็นองค์กรเอกชน ทำให้โรงเรียนในเครือคริสตจักรมีภาพลักษณ์ที่สวยหรู ดูแพง เป็นโรงเรียนของลูกเศรษฐีคนมีกะตังค์ เปลี่ยนภาพลักษณ์จากอดีตไปโดยสิ้นเชิง
นั่นจึงส่งผลให้คณะคริสตจักรในไทย กลายเป็นองค์กรระดับใหญ่ และมีอิทธิพลมากขึ้นในประเทศนี้ คณะคริสตจักรมีความสัมพันธ์อันดีกับราชวงศ์ไทยมาช้านาน โรงเรียนเราเคยมีการทูลเชิญเจ้านายมาทำพิธีเปิดอาคารเรียนด้วย
ด้วยความที่โรงเรียนอยู่ในเครือคริสตจักร ทำให้มีกิจกรรมการกุศลมากมาย และแน่นอนว่าผู้บริจาคหลายๆ ท่านก็ย่อมเป็นคนใหญ่คนโตอยู่แล้ว และถ้าหากบริจาคเพื่อการกุศลกับองค์กรที่มีความใกล้ชิดกับราชวงศ์ไทยแล้ว ย่อมส่งผลดีต่อหน้าตาทางสังคมของผู้มีอันจะกินทั้งหลายด้วย การสร้างคอนเน็คชั่นกับทางโรงเรียนจึงเป็นวิธีการที่ดีทางหนึ่ง
ยกตัวอย่างเช่น การประกวด Miss Charity ที่มาในคอนเซ็ปต์ว่า "เราไม่ได้ตัดสินคุณที่คุณที่ความสวย เราไม่ได้ตัดสินคุณที่ความสามารถ เราไม่ได้ตัดสินคุณจากความป็อปปูลาร์ แต่เราตัดสินคุณที่ความรวยล้วนๆ ครัช"
เป็นโอกาสอันดีที่ผู้ปกครองจะได้แสดงออกถึงศักยภาพความรวยผ่านกิจกรรมนี้ การทุ่มเงินจำนวนมากไปกับการบริจาคเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมมาก แถมลูกของคนก็จะได้มีหน้ามีตาในสังคมสืบต่อไปอีกด้วย ไม่ต่างอะไรกับการเล่นเกมส์แบบ Pay to win อย่างไร คนที่มีทุนหนากว่าก็ย่อมเป็นผู้ชนะอยู่แล้ว
นี่เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ผู้เขียนไม่ค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของมันเท่าไหร่ ตั้งแต่สมัยเด็กที่เก็บงำความสงสัยมาโดยตลอด มาจนถึงนาทีที่พิมพ์บทความนี้ การได้พิมพ์ออกมา ทำให้เราเชื่อมโยงเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ได้ และเข้าใจความเป็นไปของระบบคริสต์พาณิชย์ของคริสตจักรมากขึ้น
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของบทความซีรีส์ 'คนดี ผู้ไม่มีศาสนา' ที่ดูเป็นงานเป็นการสุดแล้ว > <
สามารถอ่านบทความทั้งหมดของซีรีส์ 'คนดี ผู้ไม่มีศาสนา' ได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้
https://www.readawrite.com/a/51c9cc6cfefac0c5c7331ab0a25202e6
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in