1
เมื่อเดินอยู่ในเมือง เรามักพบเห็นผู้คนคลาคล่ำ
คนเมืองมักห่อหุ้มตัวเองด้วยความสุข
หากเรามองจากเปลือกนอก พวกเขามักใส่เสื้อผ้าสวยงาม
หากเรามองจากเปลือกใน พวกเขามักแต่งแต้มใบหน้าด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนพลิกมุมอันงดงามของตนใส่คนอื่น
คนที่ไม่รู้จัก
คนแปลกหน้า
2
เมื่อปลานกกระจอกกระโจนขึ้นจากผิวน้ำ
มันจึงได้เห็นว่าน้ำคืออะไร
มันจึงได้เห็นว่าอากาศคืออะไร สายลมคืออะไร แผ่นฟ้าคืออะไร
แม้มันพยายามกระโจนตัวให้ไกล
แต่ที่สุดแล้ว มันก็ตกลงไปใต้น้ำอีกอยู่ดี
น้ำอาจเป็นทั้งที่ที่มันอยากหนีออกไปให้พ้น
แต่นาทีที่มันลอยตัวพ้นน้ำ
มันย่อมรู้,
ว่าเลยจากนี้ไปอีกนิด—มันจะตาย
มันจึงปล่อยให้ตัวเองร่วงหล่นลงไปในผิวน้ำอีกครั้ง
เพียงเพื่อจะกระโจนขึ้นใหม่
3
โลกหลายใบปะทะกันอย่างรุนแรงอยู่ในเมือง
พริตตี้สาวที่ยืนขายของอยู่หน้าซุ้ม
ดอกไม้ที่ปักอยู่ในแจกันบนโต๊ะของศูนย์อาหารราคาระยับที่ต้องบริการตัวเอง
ดวงดาวบนเพดานที่สร้างขึ้นจากสายร้อยดวงไฟ
สาวสวยที่หิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมกับรองเท้าส้นเข็ม
บันไดที่เลื่อนตัวเองพาผู้คนเคลื่อนคล้อยขึ้นลงเหมือนอยู่บนสรวงสวรรค์
เราต่างแสนสุขอยู่ในโลกแสนสุข
4
เราต่างมีความอดทนเป็นของตัวเอง
อดทนต่อความเฉยเมย
อดทนต่อการสร้างความสุข
อดทนต่อการนำความสุขของตนมาปะทะกัน
ทั้งนี้ก็เพราะ,
เรารู้ว่าเราไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้
หากปราศจากสิ่งที่เรียกว่าความสุข
แม้มันจะไม่ได้มีอยู่จริง
และเราเห็น, ว่ามันไม่ได้มีอยู่จริง
ในบางชั่ว
ขณะ เมื่อเราตื่นขึ้นกลางอากาศ
โตมร ศุขปรีชา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in