คุณเคยได้ยินคำว่า Smart Road ไหมครับ
Smart Road หรือ Smart Highway คือ ‘ถนนฉลาด’ ที่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงแค่ถนน แต่ยังทำหน้าทื่อื่นๆ อีกมาก โดยเฉพาะการ ‘ผลิตกระแสไฟฟ้า’
อ้าว! ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ ถนนแห่งอนาคตจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้จริงๆ นะคุณ!
แนวคิดเรื่อง Smart Road ที่ผนวกเทคโนโลยีต่างๆ เข้ากับการใช้ถนนนั้น มีการนำเสนอกันมาหลายต่อหลายเจ้า แนวคิดสำคัญคือการใช้ ‘แผ่นพลังงานแสงอาทิตย์’ หรือ Solar Panel มาปูเป็นพื้นถนนและมีเป้าหมายแรกเป็นการใช้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า อีกทั้งมีเป้าหมายรองอีกมากมาย
ในคลิปนี้ (
min.ms/tkh/ref-1) อธิบายเรื่องราวของ Solar Road ไว้ได้อย่างสนุกสนานและ
ครอบคลุมดีทีเดียวครับ เขาบอกว่าการเปลี่ยนถนนทั่วไปให้เป็น Solar Road โดยใช้ Solar Panel นั้น คิดค้นขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเจ้าแผ่น Solar Panel นี้จะรับพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามา แล้วผลิตเป็นไฟฟ้าเหมือนแผงพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วไปนี่แหละ แต่ที่เจ๋งกว่านั้นคือ จะมีการติดหลอดไฟ LED เข้าไปในแผ่นด้วย ดังนั้น เราจึงสามารถสร้างแสงไฟจากพื้นถนนได้
คุณอาจจะสงสัยว่า เอ...แล้วจะสร้างแสงไฟขึ้นมาให้มันแยงลูกกะตาของคนขับรถทำไม แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้สร้างแสงไฟขึ้นมาให้มันรบกวนการขับขี่นะครับ แสงไฟที่อยู่ใน Solar Panel จะเรียงเป็นระเบียบตามแต่เราต้องการ เมื่อแต่ละแผ่นต่อเข้ากันเป็นถนน (หรือลานกว้างอะไรก็แล้วแต่) เราสามารถควบคุมแสงไฟเหล่านั้นได้ เพราะฉะนั้น เราจึงสามารถต่อให้แสงไฟเหล่านั้นกลายเป็น ‘เลน’ (อาจจะเป็นเส้นแสงไฟสีเหลืองเหมือนสีทาแบ่งเลนถนน) หรืออาจใช้ทำสัญลักษณ์อะไรก็ได้ เช่น สัญลักษณ์ที่จอดรถของคนพิการ ซึ่งสามารถ ‘ย้าย’ ไปตรงไหนก็ได้ตามแต่เราต้องการ ถ้ามีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรก็เพียงแค่กดปุ่ม ไม่ต้องหอบหิ้วสีไปทาให้ยุ่งยากเปรอะเปื้อน ขัดล้างออกยาก (อย่างที่เราเห็นเวลามีการเปลี่ยนแปลงเลนบนถนนว่าจะมีรอยจางๆ ติดค้างอยู่นานมาก จนบางทีก็เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ด้วยซ้ำ)
ไฟเหล่านี้ยังใช้ประโยชน์ได้อีกหลากหลายนะครับ เช่น ถ้าถูกใช้เป็นแผ่นปูลานกว้างที่จัตุรัสกลางเมือง เวลามีงานใหญ่ๆ อย่างงานนับถอยหลังปีใหม่ ก็สามารถสร้างแสงสีที่สวยงามได้ นอกจากนี้ถ้ามีการติดเซ็นเซอร์รับน้ำหนักเข้าไป เราก็จะตรวจจับรถน้ำหนักเกินที่แล่นอยู่บนถนนได้ทันที ทั้งยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้อีก เพราะ ‘ถนนฉลาด’ สามารถส่งข้อมูลล่วงหน้าได้ว่าตรงไหนของถนนมีปัญหาอะไรอยู่ เช่น มีดินหรือก้อนหินถล่มลงมาทับเส้นทาง มีฝูงสัตว์กำลังข้ามถนน
มีการซ่อมทาง หรือมีผู้ชุมนุมปิดถนนประท้วงกันอยู่ข้างหน้า ถนนจึงสามารถ ‘กะพริบ’ แสงเตือนให้ชะลอความเร็วหรือเปลี่ยนเส้นทางล่วงหน้าได้ เป็นต้น
สำหรับเมืองหนาว เจ้าแผ่น Solar Panel ก็มีประโยชน์อีกอย่าง เป็นการทำความร้อนได้ ดังนั้นเวลาหิมะตกก็ไม่ต้องกลัวว่าถนนจะลื่นเพราะหิมะเกาะตัวจนกลายเป็นน้ำแข็ง เพราะ Solar Panel สามารถละลายน้ำแข็งได้ตั้งแต่ต้น ผลก็คือไม่ต้องใช้รถไถหิมะออก (แต่ถ้าเกิดพายุหิมะขนาดใหญ่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ)
ในคลิปที่ว่า ยังอ้างด้วยว่าถ้าถนนทุกสายในสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้หมด จะทำให้อเมริกาผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันถึงสามเท่า นั่นแปลว่าจะช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการผลิตพลังงานได้มากโขเลยทีเดียว
ที่สำคัญก็คือ Solar Panel ถูกออกแบบให้ใช้วัสดุรีไซเคิลเกือบทั้งหมด (เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ solarroadways.com) Solar Panel จึงได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและจากมวลมหาประชาชนชาวอเมริกันที่มีความรู้และมองการณ์ไกลว่า ‘ถนน’ ไม่ควรปูลาดด้วยยางมะตอยหรือคอนกรีตอันไร้ประโยชน์อีกต่อไป แต่ควรใช้ Solar Panel ที่ทำให้เกิดประโยชน์มหาศาล จนทำให้เกิดการระดมทุนจากมวลมหาประชาชน (ที่เรียกว่า Crowdfunding) และในปี 2009 ทาง
Federal Highway Administration (คงเทียบเท่ากับกรมทางหลวงบ้านเราได้แหละครับ) ของสหรัฐอเมริกา ก็ติดต่อผู้ผลิตไปว่าอยากสร้างถนนพลังงานแสงอาทิตย์ต้นแบบขึ้นมาทดลองในอนาคต
ในขณะนี้ Solar Road Panel จึงก้าวจากขั้นตอนของการระดมทุน (Crowdraising) และการทดลอง—เข้าสู่ขั้นตอนของการผลิตจริง (Manufacturing) กันแล้ว!
เราจะเห็นได้ว่า ‘ถนนฉลาด’ ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการเรียนรู้ร่วมกันหลายฝ่าย ทั้งจาก ‘นักคิด’ ที่มี ‘ราก’ มาจากการเป็น ‘นักประดิษฐ์’ ผู้มองเห็นว่ามีปัญหาอะไรอยู่ในโลกใบนี้ และจะใช้ความคิดที่มีช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร ครั้นเมื่อคิดออกแล้วว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรบ้างก็ต้องนำเสนอความคิดออกไปในโลก ซึ่งปัจจุบันนี้มีที่ทางให้นำเสนอหลายช่องทาง โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่ไม่มีการปิดกั้น ไม่ว่าจะเป็นทางเว็บไซต์ เพจเฟซบุ๊ค ยูทูบ หรือเว็บไซต์ที่ช่วยริเริ่มความคิดต่างๆ เช่น Kickstarter และอื่นๆ
ถัดจากนั้น ถ้ามวลมหาประชาชน (ที่มีความหมาย ‘กว้าง’ กว่ามวลมหาประชาชนที่เราคุ้นเคย คือหมายถึงผู้คนมากมายทั่วไป) เห็นด้วย อยากสนับสนุนก็สามารถทำได้ โดยไม่ใช่แค่ตบหลังตบไหล่ให้กำลังใจ แล้วบอกว่าไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะต่างคนต่างก็ไม่มีทุนทรัพย์ทั้งคู่ จะให้ไปห้าบาทสิบบาทคงไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้น ทว่าในโลกยุคใหม่ นอกจากอินเทอร์เน็ตจะทำให้ ‘ความคิด’ สามารถแพร่กระจายไปถึงผู้คนได้แล้ว ผู้คนสามารถค่อยๆ รินไหลเงินน้อยนิดเข้ามาช่วยได้ถ้าเห็นประโยชน์ ซึ่งเงินน้อยๆ ของแต่ละคนเมื่อนำไปรวมกันก็จะกลายเป็นก้อนใหญ่ที่เพียงพอจะนำไปให้ผู้คิดค้นนำไปใช้ทดลองต่อยอดได้
เมื่อต่อยอดได้ ก็สามารถคิดสิ่งที่ดีขึ้นได้ ต้นทุนลดลง แถมเนื่องจากคนให้ทุนเป็นมวลมหาประชาชน ก็ต้องน้อมรับคำติชมจากผู้คนหลากหลาย จึงได้เรียนรู้ความต้องการใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงความคิดเดิมของตน เมื่อได้ผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคนช่วยประชาสัมพันธ์ต่อไป ที่สุดก็จะไปถึงมือของรัฐ รัฐก็สามารถเอื้อมมือเข้ามาทำให้ความฝันนี้เป็นจริงขึ้นได้ในระดับประเทศ
กระบวนการเหล่านี้กินเวลา และต้องอาศัยโชคในหลายหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความมุ่งมั่นอุตสาหะก็มีผลอย่างมาก การจะทำให้ความคิดของคน ‘ธรรมดาๆ’ คนหนึ่งที่ไม่มีอำนาจวาสนาอะไรได้โลดแล่นไปเป็นความคิดระดับชาติเพื่อทำให้ ‘ชาติเจริญ’ ได้นั้น ต้องอาศัยสังคมที่เป็นประชาธิปไตยอันมีทั้งความรู้และคุณธรรมประกอบกัน จึงจะสัมฤทธิ์ผลในที่สุด
ในสหรัฐอเมริกา ถนนฉลาดที่รัฐออกแบบ คือถนนฉลาดแบบที่ ‘ฉลาด’ จริง (คือมีทุกสิ่งอัน ตั้งแต่ระบบ GPS ระบบตรวจวัดสภาพอากาศ มีระบบควบคุมแสง ควบคุมรถยนต์ ฯลฯ) แต่เป็นความฉลาดแบบ ‘ใช้พลังงาน’ คือไม่ได้สร้างพลังงานขึ้นมาเอง (มีตัวอย่างอยู่ในรัฐเวอร์จิเนีย) ทว่า Smart Road แบบที่ใช้ Solar Panel นั้น เป็นความฉลาดอีกแบบหนึ่ง คืออาจจะไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง แต่ที่มันอยู่ได้ด้วยตัวเองเพราะสามารถ ‘ผลิต’ พลังงานขึ้นมาป้อนตัวเองได้ด้วย
แนวคิดแบบนี้ ‘ขัด’ กับความต้องการของผู้มีอำนาจเต็มที่อย่างรัฐ แต่หากมันได้รับความนิยมและเป็นเหตุเป็นผลกว่า (โดยเฉพาะเมื่อเกิด Climate Change อย่างทุกวันนี้) ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งที่รัฐจะรับไปปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความคิดของตัวเอง ซึ่งพูดได้ว่านี่คือวิถีอันงดงามของความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
ถนนฉลาดที่ทำให้ชาติเจริญนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยในสังคมที่เอาแต่ขัดแข้งขัดขากันเอง ไม่สนับสนุนความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่แท้จริง ชอบการลอกเลียนแบบ หรือไม่ก็พยายามแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัว ฉ้อฉลในทุกระดับ หรือมีการใช้อำนาจปิดกั้นความคิดโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ที่ปลายทางอันเป็นความสุขร่วมของสังคมมากเท่าการหลับหูหลับตากอดอุดมการณ์อะไรบางอย่างเอาไว้แน่นโดยไม่สนใจความคิดของคนอื่น
สังคมแบบนั้นไม่น่าจะเป็นสังคมที่ฉลาด (Smart) ไปได้,
เมื่อสังคมไม่ฉลาดเสียแล้ว เป็นไปได้หรือที่จะเกิดถนนฉลาดขึ้นมาได้ในสังคมเช่นนั้น!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in