เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Drabble Minwoonnixsummer0531
007 Hogwarts
  • Jeong Sewoon Part :


    ฮัฟเฟิลพัฟ คือบ้านที่มักถูกลืมเลือนอยู่เสมอ

    พวกเขาไม่ได้ แข็งแกร่ง กล้าหาญ เท่ากริฟฟินดอร์

    ไม่ได้ เจ้าเล่ห์ น่าดึงดูด เท่าสลิธิลีน

    ไม่ได้ ฉลาด มีไหวพริบ เท่าเรเวนคลอ

    ก็แค่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบ้าน ที่ดูเป็นมิตรกว่าสามบ้านที่เหลือรวมกัน

    แต่เป็นมิตรแล้วมันยังไง ถ้าไม่ได้อยู่ในสายตาคนคนนั้น มันก็เท่านั้นแหละ!


    จองเซอุน เด็กบ้านฮัฟเฟิลพัฟปีสี่ ยืนหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ด้านหลังเสาหิน พยายามแอบมองรุ่นพี่ปีหกจากบ้านกริฟฟินดอร์เดินตัดผ่านสนามควิดดิชเพื่อฝึกซ้อม ผมสีแดงเพลิงราวกับสีของเปลวไฟ ร่างสูงใหญ่และไหล่กว้างหนา ต่อให้มองจากระยะไกลก็ยังคงเด่นชัด

    “เซอุน! ทำอะไร!” เสียงทักทายจากด้านหลัง พร้อมกับแรงตบที่ไหล่ ทำให้จองเซอุนถึงกับสะดุ้งโหย่งร้องดังลั่นด้วยความตกใจ แต่พอเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก คนตัวเล็กกว่าก็ชกเข้าที่ท้องด้วยความหมั่นไส้

    “โอ๊ย! อะไรน่ะ” จองเซอุนโวยวาย หลังรู้สึกเจ็บแปลบที่มือเหมือนกับชกกระดานไม้แทนที่จะเป็นกล้ามเนื้อท้อง

    “หนังสือที่ยืมไปไง อ๊ะ! เอามาคืน” คิมดงฮยอนกลั้วหัวเราะ ล้วงตำราปรุงยาเล่มหนาที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อส่งคืนให้

    “เกลียดพวกรู้ทันชะมัด” คนผมน้ำตาลบ่นอุบเมื่อโดนดักทาง สะบัดมือไปมาทั้งที่ยังคงเจ็บอยู่ ก่อนจะยื่นมือไปรับหนังสือมาถือ พร้อมกับชะเง้อขอมองรุ่นพี่ผมแดงไปด้วย พอเห็นว่าอีกฝ่ายเดินหายไปจนไม่เห็นเงา เขาก็ถอนหายใจด้วยความเสียดายทันที

    “มองหาพี่ยองมินอีกแล้วเหรอ” คิมดงฮยอนที่เป็นเด็กบ้านกริฟฟินดอร์เหมือนกับอิมยองมินถาม

    “บ้า มองที่ไหน ไม่ใช่” จองเซอุนแสร้งตีหน้านิ่ง ปฏิเสธรัวเร็ว

    “อย่าโกหก ตอนนั่งกินข้าวที่โถง ฉันเห็นนายจ้องพี่ยองมินตาไม่กะพริบ”

    “ก็มองไปเรื่อย ก็แค่ชอบสีผม อยากลองย้อมดู” จองเซอุนอุบอิบเบาๆ ไม่อยากยอมรับมากนักว่าแอบมองคนผมแดงจริงๆ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกลายเป็นสตอล์กเกอร์กลายๆ ของอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไร แต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้เขารู้จักอิมยองมิน คือตอนที่ขี่ไม้กวาดเล่นในสนามควิดดิช ตอนนั้นเขาไปดูรุ่นพี่ยูกีฮยอนที่เป็นเด็กบ้านเดียวกันซ้อมแข่ง ในระหว่างที่ทีมพัก เขาขอยืมไม้กวาดรุ่นพี่ขี่เล่นในสนาม ไม่แน่ใจว่าเพราะไม่ใช่เจ้าของไม้กวาดหรือว่าผิดพลาดทางเทคนิกตอนขี่ อยู่ๆ เจ้าไม้กวาดนิมบัสก็พยศอย่างแรง คุมยังไงก็คุมไม่อยู่ พวกรุ่นพี่ที่เห็นก็รีบขี่ไม้กวาดเข้ามาช่วย แต่เหมือนทุกอย่างจะสายไป เขาผลัดตกจากไม้กวาดเสียก่อน

    ตอนนั้นมั่นใจ ว่าตัวเองคงกระดูกหักได้ไปนอนห้องพยาบาลแน่ๆ ทว่าอยู่ๆ ร่างของเขาก็หยุดค้างกลางอากาศ ก่อนจะค่อยๆ ลอยลงไปอยู่ในอ้อมแขนของนักกีฬาควิดดิชประจำบ้านกริฟฟินดอร์ที่เตรียมมาใช้สนามซ้อมต่อ หรือก็คือ ในตอนนั้นอิมยองมินเป็นฝ่ายช่วยเขาเอาไว้ และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้ใช้ยาเสน่ห์หรือว่าเวทมนตร์อะไรกับเขาด้วยหรือเปล่า ตั้งแต่นั้นมา เขาเลยมักมองหาอีกฝ่ายอยู่เสมอ ซึ่งทุกครั้งที่มอง หัวใจของเขามักจะเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ บางครั้งใบหน้าก็ร้อนวูบวาบจนเหมือนจะเป็นไข้ 

    พอไปปรึกษาพวกรุ่นพี่ยูกีฮยอน ทุกคนต่างบอกว่ามันคือ ไข้ใจ อาการร้ายแรงที่ไม่มีวันรักษาได้ จนกว่าจะได้จูบกับอีกฝ่าย แน่นอน หลังได้ฟังคำตอบ เขาก็ไล่ทุบพวกพี่ๆ เรียงตัว เขาไม่ใช่เด็กน้อยสี่ห้าขวบเสียหน่อยที่ไม่รู้ว่าไข้ใจคืออะไร รวมถึงปิดปากสนิทไม่ยอมเฉลย ว่าใครเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีอาการแบบนี้

    มันก็อาจจะจริงที่เขาอาจเป็นไข้ใจก็ได้ แต่สาเหตุอาการ มันไม่น่าจะมาจากตกหลุมรัก ก็แค่... ปลื้ม ประทับใจ 

    ใช่ๆ ก็แค่รู้สึกประทับใจ ที่อีกฝ่ายเคยช่วยเหลือเขาไว้ก็เท่านั้น





    “วันนี้อากาศหนาวชะมัด อยากกลับไปนอนที่ห้อง ไม่อยากไปเรียน” อีกวังฮยอน ฮัฟเฟิลพัฟปีสี่บ่นงึมงำไม่หยุด

    “ไม่เอาสิ เดี๋ยวก็โดนหักคะแนนบ้านเหมือนกับคราวก่อนหรอก” จองเซอุนกลั้วหัวเราะ รู้สึกขำเมื่อเพื่อนตัวเล็กพยายามหดคอมุดเข้าไปในผ้าพันคอและเสื้อคลุมของตัวเองเพื่อหาความอบอุ่น “ไปเรียนๆ หลับๆ เอาในห้องก็ได้ เดี๋ยวฉันแอบหลับเป็น...เอ๊ะ?”

    จองเซอุนชะงักคำพูด ดวงตากลมโตสีน้ำตาลใต้กรอบแว่นวงกลมเบิกกว้างตกใจ เมื่ออยู่ๆ ปลายผ้าพันคอผืนหนาสีเหลืองน้ำตาลก็กระดุ๊กกระดิ๊กไปมาราวกับมีชีวิต ยังไม่ทันได้หาสาเหตุ ผ้นพันคอก็ขยับหมุนวนรอบตัวเพื่อคลายตัวออก จากนั้นก็ลอยดิ่งไปตามระเบียงทางเดินอย่างรวดเร็ว

    “ตามไปสิ!” เสียงตะโกนของอีกวังฮยอนทำให้คนผมน้ำตาลได้สติ

    เด็กหนุ่มรีบวิ่งสุดชีวิตเพื่อไล่จับผ้าพันคอของตัวเอง พร้อมกับตะโกนขอทางนักเรียนที่เดินสวนทางมาไม่หยุด

    “หยุดก่อนนน!!! จะหนีไปไหนเนี่ย!!!” จองเซอุนตะโกนลั่น กระหือกระหอบหายใจลำบากแบบคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เด็กหนุ่มหักเลี้ยววิ่งออกไปด้านนอกตัวอาคาร มุ่งสู่ลานกว้างที่เป็นสนามหญ้า เอื้อมมือไขว้คว้าเพื่อยึดจับส่วนปลายของผ้าพันคอ

    เด็กหนุ่มยกยิ้มในใจแทบทันที เมื่อปลายนิ้วแตะสัมผัส 

    พอเห็นว่าความเร็วของผ้าพันคอลดลง เขาก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายเท่าที่มีกระโจนตัวเพื่อคว้าผ้าพันคอเอาไว้

    “ได้ละ!” จองเซอุนตะโกนก้องดีใจด้วยรอยยิ้มกว้าง พลันเขาต้องหุบยิ้มหน้าซีดเผือดทันที หลังรับรู้ได้ว่าตัวเองกระโจนมานอนบนตัวของใครบางคน พอไล่สายตาขึ้นมอง เขาก็ต้องหน้าซีดหนักยิ่งกว่าเก่า หลังพบว่าคนที่เขานอนทับอยู่ คือ อิมยองมิน! 

    “ขะ...ขะ...ขะ...ผะ...” จองเซอุนตะกุกตะกักหาคำพูดของตัวเองไม่เจอ รู้สึกว่าอุณหภูมิใบหน้าของตัวเองพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกวินาทีที่จ้องดวงตาเรียวยาวของอีกฝ่าย

    ไม่รู้ว่าอ้ำอึ้งนานเกินไปหรือเปล่า คนที่โดนทับอยู่เลยคลี่ยิ้มหวาน เอ่ยขึ้นเอง

    “เจอกันอีกแล้วนะเรา ตัวหนักเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย”

    “ขะ...ขอโทษครับ” จองเซอุนหน้าแดงวาบหนักกว่าเก่า รีบยันตัวลุกขึ้น 

    แต่ยังไม่ทันได้วิ่งหนีด้วยความอายปนเขิน คนแก่กว่ากลับคว้าข้อมือรั้งเอาไว้ก่อน

    “พูดเล่น ไม่หนักหรอก จะรีบไปไหน คุยกันก่อนสิ”

    ฮัฟเฟิลพัฟหนุ่มเม้มปากแน่น หัวใจเต้นรัวแรงไม่เป็นจังหวะ ทว่าก็ยอมพยักหน้า ย่อตัวลงนั่งเพื่ออยู่คุย

    “คราวก่อนวุ่นวายไปนิดเลยไม่ได้คุยกัน น้องชื่ออะไรเหรอ พี่ชื่อยองมิน อิมยองมิน กริฟฟินดอร์ปีหก”

    “จองเซอุนครับ ฮัฟเฟิลพัฟปีสี่” คนโดนถามแนะนำตัวสั้นๆ 

    คำว่า คราวก่อน ที่อิมยองมินพูดถึง คือเหตุการณ์ช่วงที่อีกฝ่ายได้ช่วยเขาเอาไว้ หลังจากตกจากไม้กวาดและคนผมแดงรับร่างของเขาไว้ได้ พวกรุ่นพี่ยูกีฮยอนก็พุ่งเข้ามาถามไถ่อาการซะชุลมุน จนทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสได้คุยกันมากนัก ได้แต่บอกรุ่นพี่ผมแดงกลับไปว่า “ขอบคุณครับ” เท่านั้น ซึ่งอิมยองมินเองก็เพียงยกยิ้มเหมือนบอกว่า ‘ไม่เป็นไร’  ส่งมาให้แล้วก็เดินจากไป

    “แล้วคราวนี้เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย เห็นวิ่งหน้าตาตื่นมาทางพี่” อิมยองมินถาม

    “ไม่รู้เหมือนกันครับ อยู่ๆ ผ้าพันคอของผมก็วิ่งหนีผมเฉย พอไล่ตามก็มาเจอพี่เนี่ยแหละ”

    “โดนใครแกล้งหรือเปล่า คราวก่อนก็ตกไม้กวาด” 

    “ไม่น่าใช่หรอกครับ ผมไม่เคยไปมีเรื่องกับใครสักหน่อย แต่ก็...” จองเซอุนทำหน้ายุ่ง เริ่มมีความคิดว่าเขาโดนใครบางคนแกล้งอย่างที่อีกฝ่ายสันนิษฐานเอาไว้หรือเปล่า หากไม่อย่างนั้นคงไม่มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นแบบนี้ พลันคนตัวเล็กต้องหน้าซีดเผือดทันที หลังนึกเรื่องบางอย่างได้ “ผม...ผม...ผมเคยเดินชนรุ่นพี่คังแดเนียล”

    “แดเนียล? สลิธิลีนปีหก ที่เป็นพรีเฟ็ค นักกีฬาควิดดิช แล้วก็เป็นตัวเต็งแข่งไตรภาคีปีหน้า ใช่ไหม”

    จองเซอุนพยักหน้าถี่รัวจนเส้นผมกระดกไปมา เพื่อสื่อว่า คังแดเนียลคนดังคนนั้นนั่นแหละ!

    “แต่เดินชนคงไม่น่าโกรธถึงขั้นลงไม้ลงมือกับนายหรอกมั้ง”

    “ผมทำไอศกรีมหกเลอะเสื้อด้วย กระเด็นโดนหน้าด้วย” จองเซอุนเล่ารายละเอียดให้ฟังเสียงสั่น ถึงจะไม่ค่อยได้สุงสิงกับพวกเด็กสลิธิลีนก็เถอะ แต่ใครต่างก็รู้ว่าเด็กบ้านนั้นน่ากลัว ไหนยังหลงใหลในศาสตร์มืดขั้นสุด ถึงตอนนั้นคังแดเนียลจะบอกว่า “ไม่เป็นไร ไม่ได้ถือโกรธ” แต่มันก็ไม่ได้มีหลักประกัน ว่าอีกฝ่ายจะไม่เอาคืนอย่างที่เคยว่าไว้

    “โดนหน้าเลยเหรอ แย่เลยนะนั่น รู้ใช่ไหมว่าแดนแฟนคลับเยอะจะตาย จริงอยู่ว่าแดนอาจไม่โกรธเรื่องที่นายทำไอศกรีมหกเลอะเสื้อ แต่มันก็ไม่แน่ที่แฟนคลับพวกนั้นอยากจะเอาคืน นายเองก็คงพอจะได้ยินมาบ้างใช่ไหม สาวๆ สลิธิลีนเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น ยิ่งใครที่มาทำอะไรแดน พวกนั้นพร้อมจะสาปให้เป็นกบด้วยซ้ำ” อิมยองมินพึมพำ ส่ายหน้าไปมาด้วยแววตาสงสารปนเคร่งเครียด

    “งั้นผมควรทำไงดี” จองเซอุนถามเสียงสั่นยิ่งกว่าเดิม เริ่มรู้สึกใจไม่ดีเมื่อรู้ว่าอาจตกเป็นเป้าหมาย

    “มาอยู่กับพี่บ่อยๆ สิ รู้ใช่ไหมว่าพี่เองก็เป็นพรีเฟ็ค ถ้ามาอยู่ใกล้ๆ คงไม่มีใครกล้าทำอะไรแน่”

    “แต่ว่า...พี่เป็นกริฟฟินดอร์...” คนอ่อนกว่าหลุบสายตาลงต่ำ อ้อมแอ้มเสียงเบา 

    “กริฟฟินดอร์แล้วยังไง มีกฎข้อไหนห้ามสนิทกับเด็กบ้านอื่นรึไง พี่ยังเคยเห็นนายไปไหนมาไหนกับดงฮยอนเลย”

    “เอ๊ะ?” จองเซอุนช้อนสายตาขึ้นมอง อดคิดไม่ได้ว่าเขาเคยอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายด้วยเหรอ

    แต่พอนึกขึ้นได้ว่า คิมดงฮยอนเป็นรุ่นน้องบ้านเดียวกับอิมยองมิน เขาก็เลิกสำคัญตัวผิดทันที

    “อีกอย่าง พี่สนิทกับแดน ถ้านายอยู่กับพี่บ่อยๆ และคนอื่นเห็นว่านายรู้จักและสนิทกับแดนเหมือนกัน คนที่แอบแกล้งนายอยู่ จะต้องเลิกแกล้งแน่นอน” อิมยองมินเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง

    “สนิทเหรอ” จองเซอุนทวนด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ เขาเฝ้ามองอิมยองมินมาตลอดหลายเดือน แต่ไม่เคยเห็นคนตรงหน้าพูดคุยกับเด็กสลิธิลีนคนดังคนนั้นเลยสักครั้ง

    “พี่กับแดนรู้จักกันมาก่อนที่จะเข้าเรียนฮอกวอตส์น่ะ พวกเราเกิดเมืองเดียวกัน ทุกๆ ปีผู้วิเศษในเมืองจะมีนัดประชุมแล้วก็สังสรรค์ ยิ่งเล่นควิดดิชและเป็นพรีเฟ็คเหมือนกัน เลยยิ่งสนิทได้ง่าย เวลาที่เข้าเรียนวิชาเดียวกันพี่ก็คุยกันนะ แต่นอกห้องเรียนไม่ค่อยเจอ เลยไม่มีโอกาสได้คุยกันเท่าไร” 

    “อย่างนี้นี่เอง” คนอ่อนกว่าพยักหน้าหงึกๆ หลังได้ฟังคำอธิบาย

    “เพราะงั้นมาอยู่กับพี่บ่อยๆ สิ แล้วพอนายรู้จักแดน จะไม่มีใครกล้าแกล้งอีก ครั้งก่อนกับครั้งนี้นายโชคดีที่พี่อยู่ใกล้ แต่ครั้งหน้าถ้าโดนแกล้งหนักกว่านี้ มันคงแย่ใช่ไหมล่ะ” กริฟฟินดอร์หนุ่มยังคงกล่อมต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มฟังสบาย ไม่รู้ว่าต้องในมนตร์สะกดของน้ำเสียง หรือเป็นเพราะสายตาเป็นประกายวาววิบวับน่ามองของคนตรงหน้ากันแน่ ฮัฟเฟิลพัฟหนุ่มเลยพยักหน้าเออออไปเรื่อยๆ “อาทิตย์หน้าพวกพี่กับพวกแดนนัดกันไปเที่ยวที่ฮอกส์มี้ด ไปร้านไม้กวาดสามอัน เซอุนไปกับพวกพี่สิ”

    พอได้ยินคำชวนว่าให้ไปเที่ยวด้วยกัน จองเซอุนก็ทำหน้ายุ่งทันที

    “ผม...ไม่กล้าหรอกครับ ถ้ารุ่นพี่แดเนียลไม่พอใจละก็ บางที...” พลันลมหายใจของจองเซอุนต้องสะดุด เมื่อคนแก่กว่าตรงหน้าเคลื่อนมือมาประคองใบหน้าของเขา และใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือไกล่เกลี่ยแก้มของเขาเบาๆ

    “ไม่เป็นไร ก็อยู่กับพี่ไงครับ พี่ปกป้องนายได้แน่นอน”

    คำกล่าวหนักแน่นและมุ่งมั่นที่เอ่ยออกมา ทำให้คนผมน้ำตาลเงยหน้าขึ้น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย

    เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นทันที เมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกของคนผมแดงตรงหน้า

    มั่นคง กล้าหาญ และหนักแน่น สมกับที่เป็นกริฟฟินดอร์

    “ผม...ไม่รบกวนพี่ใช่ไหม” จองเซอุนกระซิบถามเพื่อความแน่ใจ พอเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าสื่อว่าไม่รบกวน เขาก็เอ่ยถามถึงสิ่งที่สงสัยต่อ “แต่ทำไมพี่ต้องช่วยผมละ พวกเราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ไหนยังอยู่คนละบ้านอีก”

    อิมยองมินนิ่งไปพัก จากนั้นจึงอมยิ้มบาง อธิบายเสียงใส

    “เซอุนเป็นเพื่อนดงฮยอนไม่ใช่เหรอ ในฐานะพรีเฟ็ค การปกป้องเพื่อนของน้องในบ้าน มันก็เรื่องปกตินี่”

    สมกับที่เป็นเด็กกริฟฟินดอร์... จองเซอุนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชม ทั้งที่เขาอยู่ต่างบ้านก็ยังช่วยปกป้อง

    “เพราะงั้น ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ช่วงพักกลางวัน ตอนเย็น หรือว่าตอนว่าง มาอยู่กับพี่บ่อยๆ นะครับ แล้วอาทิตย์หน้าก็ไปเที่ยวด้วยกันด้วย เดี๋ยวพี่แนะนำให้รู้จักกับแดน โอเคไหม” อิมยองมินถามด้วยน้ำเสียงและแววตาอบอุ่น

    “ครับ โอเคเลย” จองเซอุนพยักหน้าตกลงด้วยรอยยิ้มกว้าง

    แม้จะแอบงงๆ กับสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นอยู่บ้าง แต่หากการทำไอศกรีมหกเลอะคังแดเนียลจนโดนหมายหัวจากแฟนคลับ บางที มันก็ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ไม่เลวสักเท่าไร เพราะอย่างน้อย มันก็ทำให้เขาได้รู้จักกับอิมยองมิน และได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวด้วยกัน

    คำกล่าวที่บอกว่า ในโชคร้าย บางครั้งก็มีโชคดีซ่อนอยู่ มันอาจจะจริงก็ได้






    Kim Donghyun Part :


    “ดงฮยอน บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่านัดเจอตอนดึกๆ แบบนี้ ถ้ามีใครมาเจอ เดี๋ยวพวกเราก็โดนทำโทษหรอก” อีกวังฮยอนพึมพำเสียงระแวง หลังเดินมายังจุดนัดพบที่พวกเขาได้นัดกันไว้

    “สนุกดีออก ไม่เห็นเป็นไรเลย” คิมดงฮยอนยกยิ้มกว้างอย่างไม่รู้สึกผิด ก่อนหัวใจกระตุกวูบอย่างแรง รีบดึงคนตัวเล็กกว่ามาหลบหลังเสาหินริมระเบียงทางเดินด้วยกัน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา

    “รุ่นพี่คังแดเนียล? ปกติมาเดินตรวจดึกๆ แบบนี้ด้วยเหรอ เคยได้ยินว่าพี่เขาไม่เดินตรวจ ปล่อยให้รุ่นน้องทำแทน” ฮัฟเฟิลพัฟหนุ่มกระซิบ หลังชะเง้อคอมองว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

    “นิสัยเลิกอู้คงหายไปแล้วมั้ง หรือไม่ก็...เดี๋ยวนะ นั่นพี่ยองมินใช่ไหมน่ะ” คิมดงฮยอนสะกิดต้นแขนเพื่อนต่างบ้านเบาๆ เมื่อเห็นรุ่นพี่ผมแดงคุ้นหน้าคุ้นตา

    ทำไมนัดเจอกัน ปกติเห็นกัดกันแทบตาย... เด็กหนุ่มผมดำขมวดคิ้วย่น เพราะความทรงจำตลอดที่ผ่านมา เขามักเห็นอิมยองมินชักสีหน้าและพูดแรงๆ ใส่คังแดเนียลเกือบตลอด เพราะพยายามกันไม่ให้อีกฝ่ายมาวอแวองซองอูที่เป็นเพื่อนสนิท (ส่วนหนึ่งคือองซองอูขอให้ช่วยกันให้ด้วย โดยแลกกับช่วยทำการบ้านบางวิชา)

    “เรียกออกมามีธุระอะไร” คังแดเนียลถามขึ้นเสียงห้วนแทนคำทักทาย

    “อาทิตย์หน้าไปฮอกส์มีตกับพวกฉัน” อิมยองมินตอบด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรไม่ต่าง

    “ทำไมต้องไป” คังแดเนียลเชิดหน้าสูงท้าทาย

    “ซองอูไปด้วย” สิ้นคำของอิมยองมิน มุมปากของคนผมบลอนด์ผุดสูงขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายวิบวับ พร้อมกับพยักพเยิดหน้าให้พูดต่อ “ฉันจะหาจังหวะให้พวกนายได้อยู่ด้วยกันสองคน ส่วนหลังจากนั้นก็แล้วแต่นายเลย ว่าจะทำอะไร”

    “ก่อนหน้านี้นายกันฉันออกจากเพื่อนนายแทบตาย แล้วไหงวันนี้ถึงมายื่นข้อเสนอดีๆ ให้ฉันละ”

    “ไม่จำเป็นต้องรู้ เก้าโมงวันเสาร์ หน้าลานน้ำพุ ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยทำตัวสนิทกับฉันหน่อยแล้วกัน” อิมยองมินตอบ หมุนตัวเตรียมเดินกลับทางเดิน แต่ยังไม่ทันก้าวเขาต้องชะงัก เมื่อได้ยินประโยคคำถามถัดมา

    “เพราะเด็กจากฮัฟเฟิลพัฟใช่ไหม ตัวเล็กๆ ผมน้ำตาล ใส่แว่นหนาๆ ถ้าจำไม่ผิด เจ้าเด็กนั่นทำไอศกรีมหกเลอะฉันด้วยสิ เดินไม่ระวังเอาซะเลย”

    “อย่ายุ่งกับเด็กนั่น” อิมยองมินขู่เสียงเย็นยะเยือก หมุนตัวมาเผชิญหน้าตรงๆ

    “นั่นมันคำพูดของทางนี้มากกว่าไหม คิดว่าฉันไม่รู้เรื่องแผนชั่วๆ ของนายเหรอ”

    “แผนชั่วอะไรเหรอ ดงฮยอนรู้ไหม” อีกวังฮยอนที่แอบฟังมาตลอดกระซิบ ซึ่งคิมดงฮยอนก็ส่ายหน้าสื่อว่าไม่รู้เหมือนกัน ทั้งส่งสายตาว่าให้เงียบก่อน เพื่อจะได้แอบฟังทั้งคู่คุยต่อ

    “ถึงฉันจะไม่รู้จักเจ้าเด็กนั่นตรงๆ แต่ก็เคยได้ยินมาบ้างว่าจองเซอุน ฮัฟเฟิลพัฟปีสี่ขี่ไม้กวาดเก่งมาก แต่ทุกคนในบ้านถนอมเกินไปเลยไม่ยอมให้ลงชื่อเป็นนักกีฬาควิดดิช” คังแดเนียลเอ่ยไปเรื่อยๆ พอเห็นคนตรงหน้ายังตีหน้าเรียบนิ่ง เขาก็แสยะยิ้มร้ายเอ่ยต่อ “นายคิดว่ามันแปลกไหม ที่อยู่ๆ ไม้กวาดที่เด็กคนนั้นขึ้นขี่อยู่ๆ ก็พยศอย่างแรงจนถึงขั้นพลัดตกไม้กวาด และก็เหมือนจะบังเอิญเหลือเกิน ที่นายเป็นฝ่ายช่วยเอาไว้ได้ทัน”

    “พูดซะเหมือนกับว่าอยู่ในเหตุการณ์” อิมยองมินเหยียดยิ้มน้อยๆ

    “เหมือนอย่างที่บังเอิญได้ยินนายร่ายคาถาเรียกของเพื่อให้ผ้าพันคอของเด็กคนนั้นลอยมาหานายนั่นแหละ” คังแดเนียลกลั้วหัวเราะ ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์สมกับเป็นเด็กบ้านสลิธิลีน แต่แทนที่คนโดนกล่าวหาจะเกรงกลัว คนผมแดงกลับผ่อนท่าทีลงเป็นสบายๆ พร้อมกับไหวไหล่น้อยๆ ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ไม่ต่างกัน

    “ก็นะ ถ้าถูกใจแล้วอยากได้ มันก็ต้องลงไม้ลงมือกันบ้างใช่ไหมล่ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ช่วยเล่นตามน้ำไปให้สุดแล้วกัน ฉันขู่ไปเล่นๆ ว่า เรื่องซวยๆ ที่เกิดคงเป็นเพราะโดนแฟนคลับสาวๆ ของนายแกล้ง ถ้ามาอยู่ใกล้ฉันที่สนิทกับนาย คงไม่มีใครกล้ามารังควาน”

    “สงสัยจริง ทำไมคนแบบนายถึงได้ไปอยู่กริฟฟินดอร์” คังแดเนียลถามยิ้มๆ พยักหน้าสื่อว่าตกลงรับเงื่อนไข

    “ไปถามหมวกคัดสรรเอาเองสิ” อิมยองมินตอบด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับ หมุนตัวสาวเท้าเดินกลับไปยังทางที่เป็นหอพักของกริฟฟินดอร์ โดยไม่ลืมเอ่ยย้ำเป็นครั้งสุดท้าย “อย่าลืมข้อตกลง ถ้านายเล่นละครตามน้ำจนเซอุนเป็นของฉันได้ ฉันยกซองอูให้นายเอาไปเล่นเลย”

    “ดีล” คังแดเนียลตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินกลับหอของตัวเองบ้าง

    เมื่อโถงทางเดินไม่มีใคร อีกวังฮยอนก็เดินออกจากที่ซ่อน หันไปมองคนที่อยู่ด้วยกันด้วยใบหน้าซีดเผือด

    “พวกเราควรเตือนเซอุนเรื่องพี่ยองมินไหม เตือนพี่ซองอูด้วย”

    “อยากโดนสาปให้เป็นกบไหมล่ะ” คิมดงฮยอนถามกลับเสียงสั่นไม่ต่าง ถึงจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร แต่ช่วงที่รุ่นพี่ทั้งสองคุยกัน มีอยู่วินาทีหนึ่งที่อิมยองมินหันมาสบตาเขาราวกับรู้ตัวว่าโดนแอบลอบมองอยู่ นอกจากจะไม่ตกใจหรือโวยวาย อิมยองมินยังส่งสายตาขู่ว่าห้ามเอาเรื่องที่ได้ยินไปบอกคนที่กำลังพูดถึง หากพูดละก็ รับประกันว่าจะมีเด็กบ้านกริฟฟินดอร์(และอาจมีฮัฟเฟิลพัฟ)หายไปจากฮอกวอตส์อย่างไม่ทราบสาเหตุหนึ่งคน(หรือสองคน)แน่นอน

    เคราเมอร์ลินเป็นพยาน หมวกคัดสรรส่งไอ้คุณพี่ยองมินมาผิดบ้านชัดๆ!!!

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in