แสงจันทร์ลอดผ่านรอยแยกของแผ่นไม้ผุผังกระทบเปลือกตาล้าที่เพิ่งจะได้พักไม่กี่ชั่วโมงก่อนนั้น นัยน์ตาสีเข้มกวาดมองรอบกายอย่างหวาดระแวง ก่อนที่ความสนใจจะถูกเบนไปที่ละอองฝุ่นระยิบระยับในแสงสีนวล
บางอย่างที่ดูไร้ค่ากลับกลายเป็นสิ่งงดงามที่สุดในชีวิตของเขาตอนนี้
ชายหนุ่มถอนหายใจ พลางเสยเรือนผมสีเข้มที่เริ่มยาวปรกหน้าปรกตาอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่ต้องสัมผัสตามใบหน้าก็พอจะรู้ว่าไรหนวดเองคงไม่ต่างกันเท่าไร เพียงอาทิตย์เดียว ชีวิตอาจารย์มหาวิทยาลัยอนาคตไกลกลับตาลปัตรได้ถึงขนาดนี้...
มือหนาที่เกรอะกรังไปด้วยคราบเลือดกำแน่น
มันไม่ควรเป็นแบบนี้
เขาหยิบแว่นสายตาที่บิดเบี้ยวขึ้นมาสวมด้วยมืออันสั่นเทา ความจริงที่น่าตระหนกเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน เรื่องสายตาของเขาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สายตาของเขาไม่สั้นเหมือนก่อน ทั้งที่ตั้งแต่เล็กจนอายุ 28 เขาต้องอาศัยแว่นสายตาหรือไม่ก็คอนแทคเลนส์เพื่อช่วยในการมองเห็น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว... สายตาเขาอยู่ในระดับดีถึงดีมาก ถึงอย่างนั้น เขาก็เลือกที่จะสวมใส่มันอยู่ดี
พยายามหลอกตัวเองว่าเขาคือคนปกติ
แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเคยเป็นก็ตาม
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาของใครบางคนดังมาจากข้างนอก พริบตาเดียวเจ้าของฝีเท้าก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา ดวงตาสีอำพันพราวระยับในความมืด แลดูงดงามแต่ไม่น่าวางใจ... ชายหนุ่มขยับถอยจนแผ่นหลังชิดฝาผนัง ไร้ซึ่งหนทางหลบหนีอีกต่อไป
แม้ชายผู้นี้เหมือนมนุษย์ทุกอย่าง แต่เขารู้ดีว่าไม่ใช่...
“ประสาทสัมผัสของเจ้ายังดีเยี่ยมไม่เปลี่ยน...” เขามองเจ้าของน้ำเสียงระรื่นอย่างไม่พอใจนัก แต่ใช่ว่าเจ้าตัวจะสนใจ เหมือนเช่นทุก ๆ ครั้ง แววตาเย็นเยียบเลือกที่จะมองเขานิ่งและเหยียดยิ้ม “
“ฉันเป็นคน! ไม่ใช่อะไรที่แกบอกทั้งนั้น!”
ชายผู้มาใหม่กรอกตาอย่างอ่อนใจ
“บางทีร่างนี้คงไม่ได้เอาสมองที่ปราดเปรื่องในอดีตมาด้วยสินะ มินฮยอนในร่างเจ้าคงร้องไห้โฮแล้วกระมัง” อมนุษย์หนุ่มเยื้องย่างอย่างเชื่องช้า ก่อนจะนั่งไขว่ห้างบนกล่องไม้ข้าง ๆ นั้น จับจ้องทุกปฏิกิริยาของชายหนุ่มที่เพิ่งจะค้นพบอีกร่างของตนไม่วางตา
“ข้าจะบอกอะไรให้ ยิ่งเจ้าพยายามจะกลับสู่โลกของเจ้า คนเหล่านั้นยิ่งผลักไสเจ้าออกมา... แทนที่จะปฏิเสธตัวตน ไยถึงไม่เลือกใช้ชีวิตอย่างที่เจ้าควรจะเป็นเล่า... มินฮยอนเป็นมากกว่ามดแมงเหล่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ทำให้เจ้ารู้สึกตัวอีกรึ?”
โทสะทำให้ดวงตาสีเข้มของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
อมนุษย์หนุ่มชะงักงัน เพียงครู่หนึ่ง... แล้วจึงขยับยิ้มยั่วเย้าชายที่คิดว่าตนเป็นมนุษย์ต่อ
“โกรธข้ามากสิท่า...”
นัยน์ตาสีอำพันวาบวับอย่างนึกสนุก อมนุษย์รูปงามยิ้มกว้างที่ได้เห็นคมเขี้ยวแหลมคมโผล่พ้นกลีบปากหนาของร่างเบื้องหน้า
“เจ้ารู้แก่ใจดีไม่ใช่หรือ ว่าใครกันแน่ที่ฆ่า—”
เสียงคำรามก้องดังลั่นพร้อมกับกรงเล็บคมตะปบเต็มแรงที่ลำคอของผู้พูดซึ่งไม่ทันระวังตัว ชายหนุ่มอาศัยส่วนสูงและพละกำลังที่เหนือว่ากดร่างของปีศาจที่เขาเกลียดนักหนากับผนังสีซีด
“หุบปากซะ...”
เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดที่ดังมาจากอมนุษย์หนุ่ม ไม่อาจเรียกความเมตตาใด ๆ จากเขาได้ ตรงกันข้าม ยิ่งได้กลิ่นหวานหอมกว่าเหยื่อรายไหน ๆ ที่เคยลิ้มรส ทำให้เขาออกแรงอีกจนร่างของอีกฝ่ายดิ้นพล่าน ริมฝีปากสีสดอ้าปากหอบหายใจอย่างบ้าคลั่ง พอ ๆ กับมือที่เคยสร้างบาดแผลให้แก่เขาก่อนหน้านั้นกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขายั้งมือ
“แกฆ่า...มุนอา...”
มือที่ปัดป่ายสร้างบาดแผลตามเนื้อตัวของเขาค้างชะงักพลัน เมื่อลิ้นสากไล้ไปตามบาดแผลบนลำคออย่างแช่มช้า ดวงตาสองสีสบประสานกันท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นให้ความสว่าง
แววตาของอมนุษย์หนุ่มสั่นระริกก่อนจะหลับตาลง พลางเชิดหน้าขึ้น เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มเล่น... กับลำคอของตนมากขึ้น
เลือดของปีศาจร้ายเคล้าอยู่ในโพรงปาก ไม่ว่าจะลิ้มลองกวาดรับรสสนิมเหล็กตามบาดแผลไปมากเท่าใดก็ไม่ยังพอกับความปรารถนาที่ประทุขึ้นมาไม่หยุด ดวงตาสีชาดมองเจ้าของร่างที่เขาดันให้นอนราบบนพื้นปูนเปลือย ความรู้สึกหนึ่งค่อย ๆ ก่อขึ้นมาในใจของเขา... ชายหนุ่มตัดสินใจฝังคมเขี้ยวบนลำคอของอมนุษย์ผู้นี้เต็มแรง
เสียงผะแผ่วหลุดมาจากริมฝีปากอิ่ม มือขยุ้มกลุ่มผมสีเข้มของเขาด้วยแรงที่ไม่เบานัก แต่ครั้งนี้ไม่มีเล็บแหลมคมให้ระคายผิว มีแค่ปลายนิ้วนุ่มนวลเฉกเช่นมนุษย์เท่านั้นจิกกระชากผมของเขาขึ้นมา
ชายหนุ่มคำรามในลำคออย่างไม่พอใจ แต่กลับต้องประหลาดใจเมื่อร่างตรงหน้ารั้งคอของเขาเข้าใกล้ พร้อมมอบจุมพิตร้อนแรงให้ ริมฝีปากนุ่มบดเบียด พลางสอดเรียวลิ้นลิ้มรสชาติหอมหวานของโลหิตตนอย่างหิวกระหาย
แว่นสายตาที่เกะกะถูกมือหนาถอดทิ้งไปอย่างไม่ใยดี
เขาหลับตาลงขณะก้มลงไปจูบอีกฝ่าย ปล่อยให้สัญชาตญาณดิบที่ถูกปลุกขึ้นมาดำเนินไปตามกระแสความเย้ายวนจากร่างข้างใต้ เขาฉีกกระชากอาภรณ์เนื้อดีของอสูรกายในคราบมนุษย์เสียขาดวิ่น พลางลูบไล้เนื้อกายผุดผาดท่ามกลางแสงจันทร์อย่างมัวเมา ความทรงจำกระท่อนกระแท่นซ้อนทับกับภาพตรงหน้าจนแยกไม่ออกว่าสิ่งใดคือความจริง...
เขากำลังร่วมรักกับคนตรงหน้าราวกับสัตว์ป่า กลิ่นคาวคลุ้งของโลหิตสลับกับกลิ่นหวานหอมแสนคุ้นเคยอบอวลทุกลมหายใจเข้าออก ดวงตางามหยดเฉดอำพันปรือมองเขา พร้อมแย้มยิ้มบาง ขณะใช้มือสั่นเทาของตนจับมือของเขาแล้วค่อย ๆ เลื่อนไปยังบั้นท้าย คล้ายเชิญชวน...
“ทำให้ข้าเป็นของเจ้าสิ... มินฮยอน” เสียงแผ่วกระซิบ พลางขบเบา ๆ ที่ใบหูของเขา “ทำให้ข้าเป็นของเจ้าอีกครั้ง... และข้า... จะไม่ยอมให้เจ้าจากข้าไปอีก...”
เสียงสะอื้นไห้ราวจะขาดใจดังก้องในหู ดวงตาคู่สวยที่น่าหลงใหลไม่ละจากเขาแม้แต่วินาทีเดียว หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มปนกับคราบเลือดเกรอะกรัง ท่อนแขนของอีกฝ่ายโอบกอดร่างของเขาไว้อย่างหวงแหน
“อย่า...ทิ้งข้า... ได้โปรด...”
เขาจูบอมนุษย์ตรงหน้าอีกครั้ง
.
.
.
กลิ่นควันบุหรี่ฉุนเสียจนชายหนุ่มนิ่วหน้า เขาลืมตาขึ้นมา... คราวนี้แสงที่ลอดแผ่นไม้ผุของโรงนาร้างไม่ใช่แสงจันทร์ แสงสีทองของดวงอาทิตย์กระทบละอองฝุ่นดูสวยงามเฉกเช่นทุกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้มีเขาคนเดียวที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้
เจ้าของดวงตากลมสวยเหลือบมองมายังเขา มือคีบบุหรี่ออกจากริมฝีปากและขยี้ลงกับพื้นอย่างเกียจคร้าน เจ้าของร่างโปร่งอยู่ในเสื้อเชิ้ตยับย่นของเขา เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนวาน กระดุมที่ควรจะมีได้ถูกกระชากขาดเสียหมด ไม่จำต้องอธิบายอะไรก็น่าจะรู้ว่าร่างที่นั่งข้าง ๆ เขาอยู่ในสภาพล่อแหลมเพียงใด แสงสีอ่อนอาบใบหน้าได้รูปซึ่งรับกับสีสว่างของนัยน์ตา รวมทั้งเรือนกายงามหมดจด ภาพเบื้องหน้าทำให้ชายหนุ่มนึกถึงผืนผ้าใบยามรัตติกาลที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีร้อนแรงของพระอาทิตย์...
“แก... ชื่ออะไร?”
“นึกว่าเจ้าจะจำข้าได้แล้ว น่าผิดหวังเสียจริง” เจ้าของแววตาซุกซนโน้มใบหน้าลงมาจนอยู่ในระดับเดียวกับเขา ประทับกลีบปากอิ่มช้ำบนริมฝีปาก แล้วค่อย ๆ ถอนออกมาโดยไม่ละสายตาจากใบหน้า “
ใบหน้าของชายหนุ่มร้อนผ่าว อีกฝ่ายรู้ดีว่าชื่อของตนยังติดที่ปลายลิ้นของเขา
“จงฮยอนของข้า...”
“...จงฮยอน?”
ชายหนุ่มไม่อาจรู้เลยว่าแววตาที่ใช้มองปีศาจร้ายซึ่งออกอุบายให้ตนฆ่าคนรักได้เปลี่ยนไป... พลันนั้น เขาสะดุดตากับรอยแผลเป็นกลางแผ่นอกเนียน ก่อนจะกลับไปสบกับดวงตาคู่สวยที่จ้องมองเขาอยู่แล้วอีกครั้ง
“ข้า...รักเจ้า...”
รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าอมนุษย์ตรงหน้าแทบทำให้เขาหยุดหายใจ งดงามและสว่างไหวไม่ต่างจากแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง อาจเป็นเพราะไม่ใช่รอยยิ้มเย็นของนักล่า หรือเย้ยหยันเรียกโทสะ
ความรู้สึกแสนโง่งมคล้ายตกหลุมรักไม่ควรจะเกิดขึ้นง่ายดายเพียงนี้...
“ใช่ จงฮยอนคือชื่อของข้า”
End
? มาทีเดียวสองวันติดเลยค่า อยากให้คุมโทน Dark Fantasy อีกนิด ตอนเขียนเรื่องนี้เขินมาก เหตุเกิดจากเห็นน้องเจกับคอนแทคเลนส์สีน้ำตาลอ่อน พี่ว่าพี่ต้องได้ซักเรื่องจากรูปนี้ /กราบขอบคุณแม่เลิฟเพ้นท์มา ณ ที่นี้
? ธีมของเรื่องคือกลับมาเกิดใหม่ค่ะ พล็อตที่วางไว้คือ มินฮยอนตายเพราะปกป้องจงฮยอน แล้วกลับมาเกิดในร่างของมนุษย์ในหลายร้อยปีต่อมา จำอะไรไม่ได้ซักอย่าง น้องก็เลยต้องมาฟื้นความทรงจำให้ /เขิน เราตั้งใจไม่เขียนบอกไว้ว่าทั้งสองเป็นตัวอะไรกันนะคะ เดากันไปก็แล้วกัน 55555
? เรื่องนี้มีแฝดคนละฝาด้วยค่ะ ธีมเรื่องเหมือนกัน แต่ต่างที่พล็อต /ยิ้ม
? ชอบเพลง In The Woods Somewhere มาก เนื้อหานี่หนังสยองขวัญดีๆเลย ในที่สุดก็ได้หยิบมาแต่งฟิคได้ซักที
❤️ สุดท้ายนี้มีอะไรติชมบอกได้ที่ #anonymfics หรือ @anonym23659040 นะคะ ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in