เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Short story.Twentyeight_A
แด่ตะวัน, ผู้เป็นเจ้าของทานตะวัน
  • ถึง นายตะวัน

    หนึ่ง;

    หญิงสาวคนหนึ่งเคยพูดเตือนเธอไว้เกี่ยวกับความสัมพันธ์

    ‘อย่ารึอาจมีแฟนในวัยเรียน’ เธอคนนั้นบอกแบบนี้

    ผู้หญิงคนหนึ่งที่เลี้ยงเธอมาด้วยตัวคนเดียวตีเส้นขึ้น



    เธอไม่ได้พังมัน เธอแค่กำลังเดินอยู่บนเส้นนั้น

    มองใครคนหนึ่งที่เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอคู่ควร แต่เธอจะไม่มีทางเป็นมากกว่าสถานที่ขีดเอาไว้ในตอนนี้ เธอจะไม่ออกนอกเส้นที่หญิงสาวผู้ซึ่งเลี้ยงเธอมาขีดเอาไว้

    เพียงมอง

    ขอแค่มอง



    เธอกุมถุงปาท่องโก๋ที่ดูท่าว่ามันต้องเป็นหมันแน่ๆ จ้องมองใครบางคนจากบนกรอบ เขาที่มีรอยยิ้มเจิดจ้า จ้าจนคนที่อยู่ในมุมมืดมาตลอดอย่างเธอมองเห็น แต่เสียดาย เจ้าของไม่ได้รู้ตัวถึงความกว้างขวางของรัศมีความเจิดจ้าของตัวเอง เขาเพียงแผ่กระจายมันไป ไม่ใยดี ไม่มีทีท่าจะสนว่ามันจะตกกระทบใครบ้าง

    เธอถอนหายใจให้กับความรักที่ไม่มีทางสมหวัง ไม่ได้วาดฝันถึงการได้อยู่คู่กันในตอนจบด้วยซ้ำ เธอจะไม่ออกนอกเส้นที่หญิงสาวที่บ้านตีไว้ให้ ไม่ข้ามเส้นของความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนร่วมห้อง

    อยู่ตรงนี้แหละ อยู่ด้วยกัน ถึงคนละที่ก็ตามที

    เสียงออดดัง เราถอนหายใจพร้อมกัน เขาถอนหายใจที่เวลาเล่นซนในตอนเช้าของเขาหมดแล้ว ส่วนเธอถอนหายใจที่เวลาเฝ้ามองเขาเล่นสนุกจบลง เธอยืนขึ้น เก็บของลงกระเป๋า ทิ้งปาท่องโก๋ลงทั้งขยะ ถ้าไม่มีความกล้ามากพอจะให้เขาก็ทิ้งมันไปเถอะ เธอคิดแบบนั้น เดินหน้าหงอยไปเข้าแถว



    สอง;

    เป็นช่วงเวลาไม่ก็ช่วงของวันที่เธอยืนนำอยู่ข้างหน้าเขา หญิงสาวผู้มองหาเขาตลอดอย่างเธอจึงต้องเอี้ยวตัวมองไปข้างหลังบ่อยๆ มองเพื่อย้ำเตือนเธอว่าเขายังอยู่ เขายังยืนเหงื่อซก เธอกวาดสายตา ผมที่เริ่มยาวยุ่งเหยิง เสื้อหลุดลุ่ยนอกกางเกง ถุงเท้าข้อสั้น มือที่ต้องยกขึ้นมาพนมมือสวดมนต์ก็จับปากกาแทน หนุ่มตัวสูงกำลังใช้งานเพื่อนตัวเตี้ยกว่าเป็นโต๊ะตอนที่เรากำลังสวดมนต์ เพื่อลอกการบ้านที่ต้องส่งในคาบแรก

    เธอมองเขา มือยังพนมอยู่ข้างนั้นแม้บทสวดจบลงแล้ว

    เขาคนที่ไม่มีส่วนไหนจะที่อยู่ในกรอบเลย



    หลังจากนั้น,

    เป็นช่วงเวลาอันราบเรียบ บรรเลงโดยแสงแดดและเสียงหัวใจของเธอ ในวันนี้ เขายังคงเป็นสิ่งที่สายของเธอจับจ้องมากกว่ากระดานดำ ชายหนุ่มโต๊ะข้างหน้าต่างตัวที่สองกำลังแอบกินขนมใต้โต๊ะ ยิ้มดีใจที่ไม่มีใครจับได้

    ชายหนุ่มไม่รู้

    มีเธอ เธอที่จับเขาได้ทุกวัน

    แน่นอน ชายหนุ่มไม่เคยรู้

    เธอกลั้นขำ นายตะวันแสนตลก ตะวันที่คิดว่าเวลาตอนนี้เป็นกลางคืน กลางคืนที่ไม่มีตะวัน แต่ตะวันยังมีสิ่งที่ไม่รู้อยู่หลายอย่าง และหนึ่งในอย่างนั้นก็คือ

    ชีวิตของเธอไม่มีกลางคืน

    กลางคืนที่ไม่มีตะวันน่ะ ไม่มีเลย

    แต่เธอจะไม่ขอโอกาสที่อยู่ข้างตะวัน ไม่ได้ หญิงสาวคนนั้นขอไว้

    โอกาสที่เธอไม่เคยร้องขอต่อสิ่งที่เธอไม่มีวันเปิดเผย ชายหนุ่มต้องไม่รู้

    ความรักของเธอต้องไม่ถูกสังเกต



    สาม;

    “แทนจะปลูกอะไร”

    ครั้งแรกที่เรามองหน้ากัน ครั้งแรกที่เราคุยกัน แต่เขาเรียกชื่อเธอได้ไม่ติดขัด เก้าอี้ข้างหน้าเธอถูกเขาเติมเต็มแทนที่จะเป็นเพื่อนสนิท แขนเขากอดก่ายพนักพิง วางคางลงบนนั้นด้วยท่าสบายๆ จ้องมองเธอที่กำลังทำตัวไม่ถูก ได้แต่หยิบสมุดวิชาคณิตศาสตร์มาเปิดหน้าหลังเอาไว้แล้วปล่อยความไม่สงบของอารมณ์ลงในนั้น

    โชคชะตาช่างจุ้นจ้าน เธอผิดเองที่มักจะร้องขอโชคชะตามาตลอด วันที่เขาส่องแสงหาเธอ แต่เธอมันขี้ขลาดสิ้นดี

    เธอกำลังรวบรวมสติ

    “เดหลี เราอยากปลูกเดหลี”

    “อยากปลูกทานตะวัน” เขาบอก

    “ทำไม เพราะเธอชื่อตะวันเหรอ”

    “เปล่า เราว่ามันคล้ายเธอ”



    เขากำลังสร้างความปั่นป่วน

    เป็นครั้งแรกที่เธออยากออกนอกเส้น คำพูดของหญิงสาวที่บ้านกำลังไร้อิทธิพล เธออยากออกนอกเส้นนั้น มันจะเป็นอย่างไร หญิงสาวคนนั้นจะเสียใจมากไหม หรือจะกลัวว่าเธอต้องเสียใจมากกว่า

    “ยังไง”

    “สีเหลืองๆ” เขาบอก ชี้ไปหากระเป๋าผ้าเน่าๆ ที่เธอวางมันอย่างไม่ใยดี “เธอสะพายกระเป๋าผ้านั่นมาโรงเรียนทุกวัน”

    เธอน่ะเหรอ

    อย่างเธอน่ะเหรอที่เขามองเห็น

    พอได้อยู่ในสายตาของเขาสักครั้งมันอยากอยู่ต่อไปเรื่อยๆ

    อยากรู้ว่าเขาเริ่มมองเห็นมันตอนไหน จุดสีเหลือง จนเห็นเป็นรูปร่าง จนเห็นว่ามันเป็นประเป๋าผ้า จนกระทั่งรู้ว่าเธอคือเจ้าของของมัน

    หรือว่าทั้งหมดของจุดเริ่มต้นนั้นมาจากเธอ

    “อยากปลูกเดหลีจริงๆ”

    อยากให้เขารู้ อยากให้ความขี้ขลาดวิ่งหนี เผื่อสุดท้ายแล้วมันจะแฮปปี้เอนดิ้ง

    ความรู้สึกที่เธอมีจะถูกมองเห็น มันจะถูกทดแทน และเธอไม่โดนแม่ตี



    เธอจะโดนแม่ตีไหม

    อยากให้มันงอกเงย

    ความรักของเธอ

    “เสิร์ชแปป” เขาว่าอย่างนั้น “ขี้เหร่ว่ะ หน้าตาเหมือนดอกหน้าวัว”

    “มันขี้เหร่เหรอ”

    “อือ ทานตะวันเถอะ”

    มันจะไม่ทางงอกเงยเลยเหรอ

    ทั้งดอกเดหลี

    ทั้งความรู้สึกของเธอ



    สี่;

    ตอนเธอเป็นเด็กน้อย ในวิชาศิลปะครูมักจะให้เธอระบายสีรูปภาพที่มีแต่เส้น ยิ่งใครระบายสีออกนอกเส้นเยอะ ก็ยิ่งสูญเสียดาวไป

    เธอไม่อยากสูญเสียดาว พยายามแทบตายให้ได้ดาวครบสามดวงทุกครั้ง

    แต่ตอนนี้ เธอระบายสีออกนอกเส้น

    และสูญเสียดวงดาวไป

    “ตะวัน” เธอกำลังสูญเสียดวงดาว

    “ต้นทานตะวันกำลังจะตาย”

    เป็นครั้งแรกที่เธอเข้าไปหาเจ้าของโต๊ะข้างหน้าต่างตัวที่สองด้วยตัวเอง ต้นไม้ของเราที่เขาไม่เคยใยดีกำลังจะตาย ต้นไม้ที่เธอรดน้ำทุกวันกำลังจะตาย ดอกไม้ที่มักจะมองพระอาทิตย์ตลอดกำลังจะตาย

    ตะวันกำลังโดนแสงของใครบางคนตกกระทบ

    นั่นไม่ใช่เธอ



    เพียงแค่ได้มองไปเรื่อยๆ ไม่มีจริง เมื่อเขามองใครอีกคนและเธอคนนั้นมองเห็นมัน

    “มันตายเพราะเธออยากปลูกมัน”

    เธอที่มองแต่ตะวันมาตลอดกำลังจะตาย

    “ขอโทษ” เขาบอกแค่นั้น เหมือนรู้ว่าเรื่องราวมันหนักหนาเกินกว่าต้นทานตะวันกำลังจะตาย

    เขาแค่ขอโทษ ในเรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่เธอเอามันมารวมกัน



    เส้นที่ผู้หญิงคนนั้นขีดเอาไว้โดนทับรอยจากสีที่เธอระบาย

    “รู้มาตลอดเลยใช่ไหม เรื่องที่มากกว่าทานตะวัน”

    “อือ”

    เขาผู้ไม่เปิดโอกาสให้เธอออกนอกเส้นของผู้หญิงคนนั้น

    คนที่จะโอบกอดเธอในวันนี้



    เธอร้องไห้

    เธอเติบโตจากการร้องไห้

    และเธอยังรู้สึกต่อเขา



    ห้า;

    การออกนอกเส้นของเธอล้มเหลว

    แต่เมื่อเห็นสภาพของเธอเมื่อกลับถึงบ้านในตอนเย็น ผู้ขีดเส้นนั้นเอาไว้กลับไม่ยินดี

    เธอคนนั้นโอบกอด

    “ตอนโดนตีเพราะดื้อก็ไม่เคยจะร้องไห้” หญิงคนนั้นพูด

    เธอไม่โดนตีที่คิดจะออกนอกเส้น

    เธอผละออก พยายามเช็ดน้ำตา บอกตัวเองให้หยุดร้องไห้ กับอีแค่ต้นไม้ตาย กับอีแค่ไม่มีคะแนนเสริมวิชาเกษตร ทำไมเธอต้องร้องไห้

    กับอีแค่คำตอบที่เธอรู้มาตลอดถูกยืนยันโดยเจ้าของ

    “สงสัยเพราะโดนตีจนชิน”

    แม่เดินไปในห้องครัว เธอหยุดร้องไห้แล้ว และหญิงคนนั้นคงเดินไปทำอะไรให้เธอกินเหมือนกับทุกวัน

    “งั้น ก็อกหักบ่อยๆ” หญิงใจร้ายพูด กำลังสาปแช่งลูกสาวอยู่แน่ๆ “จะได้ชิน”

    ไม่มีเส้นอีกต่อไป



    นายตะวันผู้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เส้นหายไป ไม่มีเส้นที่วาดโดยแม่ของเธออีกต่อไป แต่ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ไม่สามารถออกนอกเส้นอีกเส้นที่ถูกเขียนขึ้นใหม่ได้

    เส้นจากนายตะวัน

    เส้นที่บอกว่าเธอจะเป็นเพื่อนร่วมห้องตลอดไป



    แม้ต้นทานตะวันจะตาย แต่มันก็ยังจะมองดวงตะวันอยู่ดี



    นั่นแหละ, ทั้งหมดของป็อปปี้เลิฟของเธอ.
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in