ใครที่เป็นคอหนังโรแมนติก คงจะพลาดเรื่องนี้ไปไม่ได้ About Time ภาพยนตร์โรแมนติก ดราม่า ที่ทำให้เราได้ค้นพบนิยามของคำว่า “ความสุข” ในฉบับของตนเอง เชื่อว่าถ้าใครได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ ด้วยตัวบทที่ไม่ได้มีความสลับซับซ้อนมากมาย ดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยเรื่องราวดี ๆ ระหว่างทาง ที่จะทำให้คนดูอย่างพวกเราก็ได้รับรู้ความรู้สึกดี ๆ จากเรื่องราวเหล่านั้นด้วยเช่นกัน จึงไม่แปลกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าไปอยู่ในใจของใครหลายคนได้อย่างไม่ยาก
เรื่องราวเริ่มต้นที่บ้านของพระเอกของเรา ทิม (รับบทโดย Domhnall Gleeson) ที่ได้รู้ควาบลับของครอบครัวจากพ่อของเขา (รับบทโดย Bill Nighy) ว่าผู้ชายในบ้านนั้นสามารถเดินทางย้อนเวลาได้ นั่นทำให้ทิมใช้ความสามารถนั้นในการย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ที่เคยผิดพลาดในอดีต รวมถึงการย้อนเวลาไปเพื่อทำให้ แมรี่ (รับบทโดย Rachel McAdams) ตกหลุมรักเขาอีกครั้ง หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องราวของความรักระหว่างทิมและแมรี่เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์ ระหว่างครอบครัวและเพื่อนด้วย
ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้มองเห็นเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านทิม นั่นทำให้เราได้รับรู้ถึงความสุขและความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเขา โดยหนึ่งสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์มาก คือ ตัวบทที่ไม่ได้นำเสนอแค่เรื่องราวความรักแบบแฟนหรือคนรักเพียงอย่างเดียวเหมือนหนังรักเรื่องอื่น ๆ แต่หนังเรื่องนี้ได้นำเสนอเรื่องราวความรักระหว่างทิมกับเพื่อน รวมถึงครอบครัวของเขาด้วย ประกอบกับความสามารถในการย้อนเวลา นั่นทำให้คนดูอย่างพวกเราเหมือนได้ร่วมเดินทางย้อนเวลาไปเอาใจช่วยทิมในการแก้ไขเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีต และลุ้นไปกับเขาว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นจะทำให้เขามีความสุขหรือไม่
ถ้าดูมาถึงท้ายเรื่อง เราจะเห็นเลยว่า ตลอดทั้งเรื่องทิมได้ใช้ความสามรถประจำตระกูลของเขา เดินทางย้อนเวลาไปแก้ไขเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผิดพลาดในอดีต เพื่อที่จะให้ทั้งตัวเขาและคนรอบข้างพบเจอแต่ความสุข อย่างที่ทุกคนได้เห็น การแก้ไขเรื่องราวในอดีตของทิมแต่ละครั้งไม่ได้ทำให้เรื่องราวในอนาคตดีขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลให้เรื่องราวในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปในหลายครั้งด้วย ทำให้เขาต้องทำแบบเดิมอยู่ซ้ำ ๆ เพื่อที่จะทำให้ชีวิตของเขาและคนรอบตัวเขาลงตัวที่สุด ในท้ายที่สุดแล้วการย้อนเวลาก็ไม่สามารถทำให้เราหลีกหนีความจริงบางอย่างได้ นั่นก็คือ “การจากลา” ช่วงท้ายเรื่องของหนังทำให้คนดูอย่างเราได้เสียน้ำตา กับความพยายามของทิมในการที่จะหาทางแก้ไขเรื่องราวของพ่อเขา เพื่อที่อยากจะให้คนที่รักเขาและรับฟังเขาที่สุดได้อยู่กับเขาไปนาน ๆ
สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากความพยายามในการย้อนเวลาไปแก้ไขอดีตของทิม คือ ความจริงที่ว่า เราไม่สามารถปฏิเสธอาการเจ็บป่วยและการจากลาได้ สิ่งทีี่่เราทำได้ คือ การยอมรับมัน รวมถึงเราควรจะใช้ชีวิตในปัจจุบันให้มีคุณค่า และมีความสุขให้มากที่สุด ความสุขในที่นี้ไม่ได้มีมาตรวัดหรืออะไรที่เป็นมาตรฐาน ดังนั้นอย่าไปกังวลว่าเราจะต้องมีความสุขขนาดไหน แต่ควรจะตั้งคำถามว่า เรามีความสุขแล้วหรือยัง สุดท้ายคงอยากฝากบอกว่า “ถ้าเราทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้ว การย้อนอดีตก็คงจะไม่จำเป็น”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in