เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวนิยายฉบับคนชอบดองChadang
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน รีวิว Walk on Water เล่ม 3-4 (จบ)



  • Walk on Water เล่ม 3-4

    ผู้เขียน Jangmokdan

    ผู้แปล ณิชา

    ผู้วาด Pazran

    สำนักพิมพ์ Rose

    เรื่องย่อ

    --ขอยกไปในความเดิมค่ะ—



    ถ้าสนใจอยากรู้แนวและไม่อยากโดนสปอยล์มาก ๆๆๆ

    >> รีวิว Walk on Water เล่ม 1

    >> รีวิว Walk on Water เล่ม 2


    ความเดิม Walk on Water เล่ม 2

    เอ็ด รู้แล้วว่าตนรู้สึกอย่างไรกับ เกล็น แม็คควีน และเขายอมรับตัวเองได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันแม็คควีนที่ดูสับสนก็เลือกจะสารภาพรักกับเอ็ดออกมา พวกเขาตอบรับความรู้สึกของกันและกัน เริ่มคบหาดูใจ เวลาเดียวกันนั้น งานถ่าย GV ที่เอ็ดตอบรับเล่นกับแม็คควีนไว้ก็ยังดำเนินการ เอ็ดรู้สึกตั้งคำถามทุกครั้งเมื่ออยู่ฐานะของการทำงาน แม็คควีนสามารถให้เขานอนกับคนอื่นได้ โดยที่เจ้าตัวอยู่หลังกล้องหรือ? แน่นอนว่าไม่ GV นี้มีเพียงเขาสองคนที่ถ่ายทอดเรื่องราวของคู่รักออกมา เอ็ดตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่านี่จะเป็นงานสุดท้ายที่เขาจะทำ พร้อมทั้งทำใจไว้แล้วว่า แม็คควีนในสถานะคนรักของเขา คงจะไม่ออกจากวงการนี้เพียงแค่คบกับเขา …ความรักกำลังเริ่มต้น เฉิน ก็กลับมาจากการทำภารกิจต่างประเทศ และสงสัยที่มาของเงินจำนวนมากที่เอ็ดใช้หนี้อย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาชวนแกมบังคับให้เอ็ดไปช่วยงานเพื่อให้ได้ค่าตอบแทนเป็นการหักหนี้ ซึ่งเอ็ดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เขายิ่งอึดอัดมากขึ้นเมื่ออยู่ภายใต้สายตาจับผิดของเฉินที่มองเข้ามายังผู้คนรอบตัวใหม่ ๆ ของเอ็ด สิ่งที่เขาตัดสินใจเพื่อหาเงินใช้หนี้ในตอนจวนตัว เอ็ดทราบดีว่าตัวเขาไม่อาจหันหลังกลับหรือเปลี่ยนอะไรได้ ทุกอย่างประหนึ่งรอยเท้าบนพื้นทราย รอเวลาที่จะถูกตามรอยจากด้านหลังอย่างช้า ๆ เพื่อค้นพบความจริงในที่สุด



    ความรู้สึกหลังอ่าน (สปอยล์มาก ๆ ค่ะ)

             และแล้ว เราก็มาปิดจ็อบกับ Walk on Water เล่ม 3-4 ค่ะ ต้องขอบคุณทางพี่นาคด้วยนะคะที่ส่งมาให้จนถึงเล่มจบเลย ความจริงแล้ว…เราพลิกจบเนื้อเรื่องหลักตั้งแต่วันที่ได้มาเลยค่ะ (กลับจากงานหนังสือ แกะซองจดหมาย อ่านเดี๋ยวนั้นเลยค่ะ) แต่ในรายละเอียด เรารู้สึกอยากลองอ่านนิ่ง ๆ อีกสักรอบ เพื่อย่อยอะไรหลาย ๆ อย่าง เล่ากันตามความรู้สึก นิยายเรื่องนี้พาเราติดตามชีวิตของเอ็ด และเกล็น (หลักช่วงหลัง+ช่วงตอนพิเศษ) ทำให้เราเห็นมุมมองของตัวละคร มุมมองของคนรอบตัวพวกเขา และมุมมองของสังคมหลากหลายมากค่ะ ทุกครั้งที่เราหงุดหงิดกับความคิดตัวละครนี้ คุณนักเขียนก็จะเผยแง่มุมอีกแบบกับอีกตัวละครหนึ่ง ทำให้เราได้เข้าใจว่า ทุกอย่างเป็นแพลนที่คุณนักเขียนวางเพื่อจะสื่อออกมาไว้หมดแล้ว และเขาไม่ได้ให้คำตอบอะไรกับเราแบบฟันธงด้วยค่ะ เพราะทุกความคิดของตัวละคร มาจากพื้นหลังของพวกเขา…เป็นภาพสะท้อนสังคมขนาดย่อที่เกิดจริงสักที่ใดที่หนึ่งและนำมาให้เราได้อ่านในนิยายเรื่องนี้

          สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราได้คำตอบจากเรื่องนี้ คือ คำถาม…คำถามว่าแล้วตัวเราละคิดยังไงกับการตัดสินใจของแต่ละตัวละคร ชีวิตของพวกเขา ถูกตัดสินใจโดยคนนั้นคนนี้ว่าผิดหรือถูก…แล้วตัวเราล่ะ คิดยังไง…

            มาค่ะ โค้งสุดท้ายนี้เราคงไม่ได้เล่าละเอียด คงไปชวน Talk ยาวหน่อย แต่จากความรู้สึกตรงนี้เลยว่า ถ้าเป็นไปได้ อ่านแล้วมาคุยกันได้นะคะ…เราเชื่อว่าในนิยายหนึ่งเรื่องไม่มีใครคิดเห็น หรือตีความได้เหมือนกัน ดังนั้นจะดีหรือแย่ จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือผิด หงุดหงิด หรือเห็นพ้อง เราอยากให้คนที่ตั้งใจจะลองอ่าน หรืออ่านมาจนใกล้ถึงเล่มสามแล้ว ได้สัมผัสก่อนมา Talk กันค่ะ แต่ต้องมั่นใจว่ารับได้กับเนื้อหาต่อไปนี้นะคะ


    คำเตือน ก่อนอ่านนะคะ เล่มนี้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการข่มขืน ภาวะจำยอม มีการบรรยายภาวะกดดันทางจิตใจ จิตตก การดูถูกเหยียดหยาม ความรู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่ การถูกกลั่นแกล้ง ความหยาบโลนและการบรรยายฉากบนเตียงอย่างเปิดเผย ผู้มีอายุต่ำกว่า 25 ปี และผู้ที่อ่อนไหวต่อเรื่องประมาณนี้พิจารณาก่อนอ่านนะคะ

    (คำเตือนอย่างละเอียดอยู่ที่หน้าปกหรือลองอ่าน รีวิวเล่ม 1 ได้ก่อนค่ะ ถ้าไม่โอเคห้ามฝืนนะคะ จะไม่ดีต่อหัวใจค่ะ ;---;)

    และในช่วง Talk จะมีการกล่าวถึงสภาพจิตใจของผู้ถูกกระทำนะคะ ดังนั้นการเล่าในช่วง Talk อยากให้หลีกเลี่ยงหากไม่โอเคกับเนื้อหาเหล่านี้ค่ะ




    มุมเล่าแบบพยายามไม่สปอยล์มากเยื้องย่างเหนือวารี

          ความรักระหว่างเอ็นและแม็คควีนเป็นไปอย่างลงตัว เอ็ดเลิกทำงานสายนี้อย่างเป็นทางการ โดยหลงเหลือผลงานเดบิวต์มืออาชีพเป็นชิ้นสุดท้าย คือ ที่ถ่ายกับแม็คควีน …บันทึกการเปลี่ยนแปลง…เทปนี้เป็นเหมือนรวมการเปลี่ยนแปลงของ ทอมมี่ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวิดีโอชิ้นสุดท้ายไว้ทั้งหมด และเป็นผลงานที่เอ็ดไม่อยากเห็นมันมากที่สุด เขาไม่ได้รู้สึกดีกับงานชิ้นนี้แม้เงินจะดีก็ตาม ความรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกที่เห็นมันทำให้เขาพยายามจะลืมสิ่งที่ตัวเองทำ แม็คควีนก็เข้าใจว่าเอ็ดอึดอัดที่จะพูดเรื่องนี้ เขาจึงมักหลีกเลี่ยง ไม่กล่าวถึงผลงานอำลาวงการนี้กับเอ็ด พวกเขาคบหากันโดยพยายามเข้าใจอีกฝ่าย ซึ่งหนึ่งในนั้น คือการที่แม็คควีนยังคงต้องถ่ายทำ GV ต่อไป เรื่องราวมาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อเฉินรู้ความจริงเรื่องที่เอ็ดถ่ายทำ อีกฝ่ายรับไม่ได้ สุดท้ายจึงทำการแฉแม็คควีนออกทางสื่อหลัก จนพวกเขาตั้งรับกันไม่ทัน คลื่นความวุ่นวายถาโถม แม็คควีนต้องรับมือกับกระแสสังคมและการเมือง…เอ็ดเองก็ต้องถูกคนรอบตัวรู้ความจริง เพื่อนและงาน ไม่มีใครยอมรับเขาได้ สิ่งที่เกิดขึ้นแม้จะคาดไว้ล่วงหน้าว่าสักวันต้องเกิด แต่เมื่อมันมาถึงกลับไม่ทำให้สามารถรับมืออะไรได้เลย เอ็ดติดต่อแม็คควีนไม่ได้ ยังดีที่ช่วงเวลานี้การกลับบ้านมาพบกับไรอันและเซซิล ยังเป็นพื้นที่ปลอดภัย…แต่ค่ำคืนที่แม็คควีนขาดการติดต่อไปนานนี้เอง เอ็ดก็ได้ถามเบื้องหลังความเกลียดชังของไรอันที่มีต่อแม็คควีน

         ผืนน้ำที่ใสกระจ่าง หากความรักของพวกเขาเสมือนเดินบนผืนน้ำนั้น จะก้าวอย่างไร ให้ไม่พากันจมลงไป และที่จุดสิ้นสุดของขอบทะเลนั้น พวกเขายังคงจับมือกันต่อไปได้ใช่หรือไม่…



           Walk on Water เราคงเล่าถึงจุดเปลี่ยนเพียงเท่านี้และบอกทุกคนได้แต่ว่า เรื่องนี้จบแฮปปี้ค่ะ เนื้อเรื่องหลักจบต้น ๆ เล่มสี่ ที่เหลือเป็นตอนพิเศษ ซึ่งจะเป็นมุมมองบุคคลที่สามผ่านแม็คควีนและคนอื่น ๆ เราจะได้รู้ถึงความรู้สึกคุณเกล็นต่อเอ็ดตั้งแต่ฉากแรกถึงปัจจุบัน ...ในท้ายที่สุด เกล็น แม็คควีน ก็เลือกจะวางมือเพื่อเดินไปกับเอ็ด และเริ่มต้นความฝันของเขาอีกครั้ง ส่วนเอ็ดก็ขอแค่ชีวิตนี้มีความสุขเหมือนคนอื่น ๆ บ้างก็เพียงพอแล้ว…จริง ๆ ตอนอ่านประโยคนี้เราเจ็บจี๊ดมากเลยนะคะ ;---; ส่วนตัวละครที่เราเอาใจช่วยอีกคู่ คือไรอันและเซซิล เขาคือ ผลพวงของความแตกสลายในวงการและสังคมอีกมุมหนึ่งที่ได้รับผลสุดท้ายต่างจากเอ็ด แต่เพราะลูกสาวของเขา เพราะเขาเปลี่ยนมามีรูมเมทชื่อ เอ็ดที่คอยช่วยเขาดูแลลูกและบ้าน ทำให้เขาอยากมีความหวังลองตั้งต้นตัวเองใหม่เพื่อลูกอีกสักครั้ง เราเชื่อว่าเอ็ดจะอยู่สนับสนุนเขาไปจนสุดทาง ร่วมกันกับแม็คควีนที่ตั้งแต่ตั้งจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังคงไม่ทิ้งสองพ่อลูกไปไหนค่ะ

           เรื่องราวของ Walk on Water ส่วนตัวไม่ใช่เรื่องที่อ่านง่าย ในแง่ของความหนักหน่วงหลาย ๆ จุด แต่ขณะเดียวกันก็สามารถย่อยเนื้อหาหลาย ๆ อย่างได้ง่าย เพราะเนื้อเรื่องสื่อออกมาให้มองเห็นอย่างชัดเจนหมดแล้ว อาจจะขึ้นอยู่กับนักอ่านแล้วล่ะค่ะ ใช่แนวไหม ถ้าอ่านจบแล้ว ได้คำตอบสุดท้ายของเรื่องนี้ว่าอย่างไร สำหรับใครที่ลังเลว่าใช่แนวหรือไม่อยากให้ลองทดลองอ่านดูก่อนนะคะ หรือลองมองหาแนวเรื่องจากรีวิวดูก่อนได้ค่ะ ในส่วนการเล่าของเราคงจบลงตรงนี้ พร้อมกับความรู้สึกถอนใจเบา ๆ อย่างคนโล่งอกค่ะ สถานีต่อไป…แบบมังฮวาค่ะ!



    >> ชวน Talk ส่งท้าย สปอยล์มากจริง ๆ ค่ะ

    By Chadang



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in