Coolsculpting

ปัญหาไขมันส่วนเกินไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้าท้อง สะโพก ต้นแขน ต้นขา ล้วนเป็นจุดที่ลดได้ยาก การทำ CoolSculpting จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมและต้องการกำจัดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยผลลัพธ์ที่น่าพอใจและปลอดภัย เทคโนโลยีนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในตัวช่วยยอดนิยมในการปรับรูปร่างให้สวยงาม และเสริมความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ

Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น คืออะไร ?

หลังทำ Coolsculpting จะสลายเซลล์ไขมันได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง โดยจะเริ่มเห็นผลสัดส่วนลดลง กระชับขึ้น ในสัปดาห์ที่ 3-4 เห็นผลเต็มที่ใน 3 เดือน

รวมจุดทำ Coolsculpting มีที่ไหนบ้าง ?

Coolsculpting สามารถช่วยลดไขมันส่วนเกินได้ในหลายจุดของร่างกาย ทำให้เป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างในบริเวณเฉพาะ สำหรับจุดที่ได้รับความนิยมในการทำ Coolsculpting มีดังนี้

หน้าท้อง

ปัญหาหน้าท้องและไขมันรอบเอว เป็นปัญหาที่หลายคนกังวล เพราะทำให้รูปร่างดูไม่สมส่วน เหมือนมีห่วงยางรอบเอว จะสวมเสื้อผ้าก็ไม่พอดีตัว และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

Coolsculpting สามารถช่วยลดปริมาณไขมันในบริเวณนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้หน้าท้องลดลง เอวคอดขึ้น รูปร่างดูสมส่วนมากขึ้น ช่วยให้รู้สึกมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้าได้สวยงาม

ใต้ท้องแขน

ไขมันใต้ท้องแขนทำให้แขนดูใหญ่และหย่อนคล้อย ส่งผลให้ไม่มั่นใจเวลาสวมเสื้อแขนกุดหรือเสื้อรัดรูป ซึ่ง Coolsculpting สามารถลดปริมาณไขมัน ทำให้แขนดูเรียวเล็กลง กระชับขึ้นได้

เหนียงใต้คาง

การมีเหนียงใต้คางหรือคางสองชั้นส่งผลให้ใบหน้าดูอ้วน อายุมากกว่าความเป็นจริง และทำให้กรอบหน้าไม่ชัด Coolsculpting เป็นเครื่องสลายไขมันด้วยความเย็น ที่สามารถช่วยลดไขมันส่วนเกินบริเวณใต้คางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้กรามชัดเจนขึ้น ใบหน้าดูเรียว อ่อนเยาว์ ดูสมส่วนมากขึ้น

สะโพก

ไขมันที่สะโพกทำให้รูปร่างดูไม่ได้สัดส่วน และอาจทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในการสวมใส่กางเกงหรือกระโปรงรัดรูป การทำ Coolsculpting ที่สะโพกช่วยลดปริมาณไขมันส่วนเกิน ทำให้สะโพกดูกระชับ มีรูปทรงที่สวยงามมากขึ้น และช่วยให้รูปร่างโดยรวมดูมีสัดส่วนที่เหมาะสมมากขึ้น

ต้นขา

ปัญหาขาใหญ่เป็นปัญหาหนักใจของสาว ๆ หลายคน ทำให้ไม่มั่นใจเวลาสวมกระโปรงสั้นหรือกางเกงขาสั้น และอาจส่งผลให้รู้สึกอึดอัดเวลาเดินหรือวิ่ง การสลายไขมันด้วยความเย็น ด้วยเครื่อง Coolsculpting ที่ต้นขาสามารถช่วยลดปริมาณไขมัน ทำให้ขาเรียวเล็กลง มีรูปทรงที่สวยงามมากขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัวและการใช้ชีวิตประจำวันได้

เปิดข้อดี-ข้อเสียของ Coolsculpting

การทำ Coolsculpting เป็นหัตถการความงามที่ช่วยแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นนาน หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที

อย่างไรก็ตาม Coolsculpting ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งเราได้รวบรวมมาเป็นข้อมูลให้พิจารณาก่อนตัดสินใจทำ

ข้อดีของ Coolsculpting

- ไม่ต้องผ่าตัด ลดความเสี่ยงจากการดมยาสลบและการติดเชื้อ

- ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที

- ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ สวยงาม

- สามารถกำจัดไขมันเฉพาะส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- ผลลัพธ์คงทนถาวร เมื่อทำร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

- มีความปลอดภัยสูง

- ไม่มีอาการเจ็บปวดรุนแรงระหว่างและหลังการทำ

- เห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 1-3 เดือน

ข้อเสียของ Coolsculpting

- อาจมีอาการปวด บวม หรือชาบริเวณที่ทำการรักษาในช่วงแรก

- ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและการดูแลตัวเองหลังการรักษา

- คนที่มีปริมาณไขมันมากเกินไป หรืออ้วนมาก ๆ จะไม่เหมาะกับการทำ Coolsculpting

Coolsculpting เหมาะกับใครบ้าง ?

การทำ Coolsculpting เป็นการสลายไขมันด้วยความเย็นที่ช่วยลดปริมาณไขมันแบบเฉพาะส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเหมาะกับหลาย ๆ คน ดังนี้

- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวปกติหรือใกล้เคียงปกติ แต่มีไขมันส่วนเกินในบางจุดที่ต้องการกำจัด

- ผู้ที่ไม่สามารถลดไขมันในบางจุดได้ แม้จะออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว

- ผู้ที่ต้องการลดไขมันแบบไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น

สรุป

Coolsculpting หรือการสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกิน โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นเป็นเวลานาน

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียอย่างรอบคอบ และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมกับตนเอง และสามารถให้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังได้

นอกจากนี้ การรักษาผลลัพธ์ในระยะยาวยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการรักษาน้ำหนักให้คงที่ร่วมด้วย จะช่วยให้มีรูปร่างที่สวยงามมากขึ้นหลังการทำ Coolsculpting