WEEKLYNCT : สัมผัสพิเศษ
NON-PAIRING : JAEMIN
RATE : Gมันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเสียจนบางครั้งก็กลัวว่าการกะพริบตาหนึ่งทีเรื่องราวทั้งหมดอาจเลือนหายไปเหมือนกับความฝัน แต่ความเป็นจริงแล้วแม้จะกะพริบตา หรือจะหยิกตัวเองเสียสามทีก็ปรากฎว่ามันยังคงเกิดขึ้นและกำลังดำเนินอยู่จนถึงตอนนี้
สาบานได้ว่าทั้งหมดนี้ นา แจมิน ไม่ได้เพ้อฝันไปเองแต่อย่างใด...
หลายต่อหลายครั้งที่แจมินสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างไม่มีเหตุผล บางทีอาจเป็นเพราะอยากเข้าห้องน้ำ หรือ... อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่ชินกับการนอนในที่ที่ไม่คุ้นเคยก็ได้
00:25 A.M.
ตัวเลขบนนาฬิกาดิจิตัลเหนือหัวเตียงเรืองแสงสีเขียวในความมืด แจมินถอนหายใจก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อ พร้อมนึกรำคาญตัวเองที่มักจะสะดุ้งตื่นแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง
ก๊อกแก๊ก...
เสียงกุกกักดังจากนอกห้องทำให้เด็กหนุ่มต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย มันไม่ได้ดังเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ยังคงดังเรื่อย ๆ เหมือนมีใครกำลังทำอะไรอยู่
หรือว่าแม่จะกลับมาแล้ว? แจมินตั้งคำถามกับตัวเอง ถ้าจำไม่ผิดแม่ไปท่องทริปกับเดอะแก๊งค์ตั้งแต่สองวันที่แล้วและจะกลับมาในอาทิตย์หน้า ซึ่งถ้านับจากวันนี้ก็อีกห้าวันเต็ม ๆ นอกเสียจากจะมีอะไรผิดปกติ
แจมินตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วตรงไปที่ประตูห้องนอน เอาหูแนบไปกับเนื้อไม้ แต่ก็ยังได้ยินเสียงนั้นอยู่ บางทีอาจจะเป็นหนู สิ่งมีชีวิตที่แจมินเกลียดมากที่สุดในโลกกำลังวิ่งเล่นอยู่ก็ได้
ทว่าพอก้าวออกไปข้างนอกห้องแล้วเปิดสวิตซ์ไฟตรงบันได กวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง ก็ไม่พบการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตใด ๆ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงร้องจี๊ด ๆ ที่ชวนให้ขนลุก แจมินเดินลงบันไดมายังชั้นล่างของบ้านแล้วก็ตรวจดูทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่พบความผิดปกติ เลยตัดสินใจเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาก่อนขึ้นไปนอน แต่แล้วจู่ ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็ทำให้รู้สึกขนลุกชันพาให้หน้ามืด เมื่อเงยหน้าจากอ่างล้างมือก็ตกใจเสียแทบช็อก
บนกระจกที่ควรจะสะท้อนภาพใบหน้าของแจมิน มันกลับมีภาพของใครคนหนึ่งอยู่ด้วย ใบหน้านั้นมีสีขาวซีดดูน่ากลัวมีเลือดอาบอยู่เสียครึ่งหนึ่ง นัยน์ตาสีขุ่นมัวกลอกกลิ้งจนเหลือกค้างเห็นแต่ตาสีขาว ริมฝีปากกำลังคลี่ยิ้มให้อย่างเย็นชา
แจมินตกตะลึงตัวแข็งกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด และวินาทีนั้น... โลกทั้งโลกก็เหมือนดับลง
“หนุ่มน้อยจ๊ะ”
แรงเขย่ากับเสียงที่เข้ามากระทบหูแจมินเงยหน้าขึ้นมามองอย่างมึนงงก็พบว่าเป็นหญิงวัยสูงอายุท่าทางใจดีคนหนึ่งกำลังจ้องหน้าแจมินอยู่ “หน้าซีดมากเลย ไม่สบายหรือเปล่า”
“เปล่าครับ” แจมินบอกกับเธอแต่ก็ต้องรู้สึกประหลาดว่าเสียงแหบแห้งผิดปกติ จากนั้นก็ระลึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่เห็นเมื่อครู่นี้เป็นเพียงแค่ความฝัน และโชคร้าย... ดูเหมือนว่าแจมินจะเผลอหลับไปหลังระหว่างที่นั่งรถโดยสารทำให้ตอนนี้แจมินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน
“ไหวมั้ยจ๊ะ?” คุณป้าถามแจมินอีก
แจมินไม่ตอบทันทีแต่เอามือลูบหน้าผากตัวเองซ้ำ ๆ เพื่อหวังว่าจะลบมโนภาพอันแสนน่ากลัวนั่นออกไปได้บ้าง ช่วงนี้เขานอนไม่ค่อยหลับ และรู้สึกแปลก ๆ อยู่เสมอ จนบางครั้งแจมินก็เริ่มรู้สึกกลัวความมืด แต่ก็ไม่คิดว่าจะหนักถึงขนาดแจมินเก็บเอามาฝันระหว่างเดินทางแบบนี้ด้วย
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ง่วงเฉยๆ”
แจมินส่งยิ้มให้กับเธอเพื่อยืนยันว่าเขาหมายความว่าอย่างงั้นจริง ๆ แล้วจึงรีบบอกคนขับพร้อมกับขอโทษว่าเผลอหลับไป โชคดีที่ลุงคนขับไม่ได้ว่าอะไร นอกเสียจากจอดให้แจมินนอกป้ายโดยสาร แจมินคิดว่ามันคงเป็นโชคดีในโชคร้าย
แต่ทว่าการที่ต้องเดินย้อนกลับนี่สิ... ลำบากเอาเรื่องเหมือนกัน
เด็กหนุ่มคิดขณะเดินย้อนกลับไปตามถนน เวลานี้เป็นเวลาห้าโมงกว่า ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงเหมือนกับเป็นสัญญาณว่าดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แต่แล้วจู่ ๆ เมฆดำทะมึนก็พัดผ่านทำให้ดวงอาทิตย์หรี่แสงลงไปชั่วขณะหนึ่ง และจังหวะนั้นเองเสียงเครื่องยนต์รถก็แผดเสียงลั่น แจมินสะดุ้งสุดตัวกระโดดหลบแทบไม่ทัน
เสียงล้อรถเบรคดังเอี๊ยด พร้อม ๆ กับเสียงรถยนต์คันอื่นส่งเสียงแปร๋นดังลั่น แจมินหันหน้าไปมองรถที่เกือบวิ่งชนตัวเองก็พบว่าเป็นรถกระบะ คนขับเลื่อนหน้าต่างรถลงเหมือนจะกล่าวคำขอโทษ
แต่ไม่มีคำขอโทษ... มีเพียงแค่ใบหน้าซีดเซียวศพเท่านั้น เขาแสยะยิ้ม จนทำให้แจมินขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
แค่นั้นจริง ๆ แจมินสาบานได้... จากนั้นรถคันนั้นก็วิ่งหายลับไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แจมินยังคงยืนแข็งค้างอยู่อย่างนั้น
แสงอาทิตย์เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เมฆสีดำทะมึนลอยเข้ามาครั้งหนึ่ง ใจของแจมินกระตุกวาบเมื่อเห็นภาพเช่นนั้น มันเหมือนเป็นสัญญาณอะไรสักอย่าง ราวกับเทพเจ้าแห่งความโชคร้ายกำลังยิ้มต้อนรับ
“พ่อหนุ่ม”
เสียงร้องเรียกทำให้แจมินต้องหันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ...
ชายชราคนหนึ่งกำลังกวักมือเรียกแจมิน แจมินเดินตรงไปหาเขาเหมือนถูกมนตร์สะกด อีกฝ่ายสวมหมวกใบใหญ่เหมือนพ่อค้าหาบเร่นั่นทำให้แจมินไม่เห็นหน้าตาของเขา
“สนใจไอ้นี่ไหม?” คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าถามขึ้น พลางควักห่อผ้าคลี่วางบนพื้นให้แจมินดู มีทั้งรูปปั้นสัตว์ต่าง ๆ ในเทพนิยาย มีดพับเล่มเล็ก ๆ แต่สิ่งที่สะดุดตาแจมินมากที่สุดคือแหวนวงหนึ่ง มันเป็นแหวนสีเงินเกลี้ยง ๆ ไม่มีลวดลายอะไรหรือสิ่งใดประดับอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแจมินถึงได้สนใจแหวนวงนี้มาก
“จะลองสวมดูหน่อยไหมล่ะ”
“แต่ผมมีเครื่องประดับเยอะแล้วครับ” แจมินปฏิเสธเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อมันกลับไป ทว่าชายชราตรงหน้ากลับส่ายหัว มือเหี่ยวย่นหยิบแหวนส่งให้แจมิน ซึ่งเหมือนมีอะไรบางอย่างดลใจทำให้เด็กหนุ่มรับแหวนมาดูแต่โดยดี
“ลุงยกให้ฟรี ๆ แล้วกัน” น้ำเสียงแหบแห้งบอก
แจมินหยิบแหวนขึ้นมาพิจารณาดูใกล้ ๆ ก็เห็นรอยตำหนิเล็ก ๆ รอยหนึ่งซึ่งเป็นจุดสีน้ำตาลเข้มแห้งกรังอยู่ด้านในของตัวแหวน เมื่อลองสวมดูก็พบว่าขนาดของมันพอดีกับนิ้วของเขาอย่างน่าประหลาด และถ้าไม่อุปทานไปเอง เขารู้สึกเหมือนมีกระแสบางอย่างแล่นเข้าสู่นิ้วด้วยโดยมีต้นกำเนิดมาจากแหวนวงนี้
“ลุงไปก่อนนะ รีบกลับบ้านล่ะ เดี๋ยวฝนจะตกเอาซะก่อน”
ชายแก่ตรงหน้าแจมินลุกขึ้นกระวีกระวาดเก็บข้าวของ ยังไม่ทันที่แจมินจะเอ่ยปากปฏิเสธเรื่องแหวน คุณลุงก็หายลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทิ้งให้แจมินยืนนิ่งพิจารณาเจ้าแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วอยู่อย่างนั้น
และจู่ ๆ ฝนก็เริ่มลงเม็ดทำให้แจมินต้องรีบวิ่ง กว่าจะถึงบ้านก็ทำเอาตัวเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า แจมินเดินเข้าห้องนอนเปิดลิ้นชักที่โต๊ะเขียนหนังสือเพื่อหยิบยาแก้ไข้ แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวหวีดร้องออกมาเมื่ออะไรบางอย่างได้ร่วงหล่นลงมาข้างหน้าพร้อมกับแสงจากโคมไฟส่องผ่านพอดี
มันคือใบหน้าที่อาบไปด้วยเลือดครึ่งหนึ่ง ดวงตาข้างหนึ่งกลวงโบ๋ อีกข้างหนึ่งเหลือกจนเห็นแค่ตาขาว ที่สำคัญ... ริมฝีปากกำลังแสยะยิ้มบิดเบี้ยวราวกับต้องการจะบอกถึงความรู้สึกที่เจ็บปวดทรมานจากฝันร้ายเสียเหลือเกิน…
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าดังสนั่น สติที่กระเจิดกระเจิงคล้ายกลับจะมีสติ
หน้าต่างถูกเปิดค้างเอาไว้!
แจมินกะพริบตา สายลมเย็นพัดกระโชกเข้ามาในห้อง ผ้าม่านวูบไหว กระดาษที่เขาวางไว้บนโต๊ะโดยไม่มีอะไรทับถูกลมพลัดปลิวให้หล่นลงไปยังที่พื้น พอเขาก้มลงเก็บ ก็ต้องสบถออกมาด้วยความประสาทเสีย
“บ้าเอ๊ย!”
เมื่อสักครู่นี้คือหน้ากากผีนั่นเอง ไม่ใช่สิ่งลึกลับเหนือธรรมชาติอย่างที่เข้าใจ และสิ่งที่ตอกย้ำความโง่เง่าที่สุดก็คือมันกำลังจ้องมาทางเขา ส่งยิ้มราวเยาะเย้ย
ใช่… มันเป็นหน้ากากของเล่นที่แจมินนึกแขวนเอาไว้ตรงผนังนี่แหละ
เดาเอาว่าเพราะการที่เขาลืมปิดหน้าต่างเลยทำให้ลมพัดแรงจนมันร่วงลงมา พอได้ข้อสรุปหลังจากนั้นเขาก็พาลโมโหจนอดไม่ได้ที่จะเขวี้ยงมันไปไกล ๆ
ป๊อก!
คล้ายมันกระแทกบางอย่างกลางอากาศ เพราะแทนที่มันจะตกลงอีกฟากหนึ่งของห้อง มันกลับถูกหล่นอยู่บนพรมกลางห้องนอนของเขาพอดี
แจมินขนลุกวาบ มีบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าขวางวิถีการเคลื่อนที่ของหน้ากากเอาไว้
“พระเจ้า” เขาอุทานออกมา ก่อนจะรู้สึกร้อนวูบที่นิ้ว จากนั้นก็…
วูบ!
นาฬิกาบ่งบอกตัวเลขเป็นเวลา 00:25 A.M. อีกครั้งหนึ่ง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in