ทุกครั้งที่เขียนหนังสือ สิ่งที่ยากที่สุดและน่าเบื่อที่สุดคือการเขียนคำนำ
ทำไมโลกนี้ต้องมีคำนำด้วยวะ? มันเขียนยากรู้มั้ย
เขียนต้นฉบับยี่สิบกว่าตอน ก็เหนื่อยมากแล้ว ยังต้องมาเขียนคำนำอีก
ไม่เขียนไม่ได้เหรอวะ?
ไม่ได้ใช่มั้ย?
เออ…งั้นเขียนก็ได้
วันก่อน ผมประชุมเขียนบท เพื่อถ่ายทำงานชิ้นหนึ่งกับ เบ๊น—ธนชาติ ศิริภัทราชัย ตามท้องเรื่อง มันจะมีตัวละครตัวหนึ่งที่ต้องออกมาพูดเรื่องโคตรไร้สาระ แต่เราต้องการความจริงจังในระดับที่ทำให้คนดูมีความรู้สึกว่า “เฮ้ย มันจริงเหรอวะ?”
ด้วยเวลาเพียงสามวินาที เราสองคนมีมติว่าตัวละครสำคัญตัวนี้ต้องเป็นนักแสดงญี่ปุ่น
เหตุผลก็คือ เวลาคนญี่ปุ่นพูดอะไรมันดูน่าเชื่อถือมาก ถึงแม้เรื่องที่พูดจะไม่น่าเชื่อถือก็ตาม เพราะพวกเราเคยชินกับความจริงจังในเรื่องไร้สาระของประเทศนี้อยู่แล้ว
วันก่อน (อีกแล้ว) ไปกินข้าวแกงกะหรี่กับ บัฟโฟ่ ที่ร้าน CoCo Ichibanya ซึ่งสามารถปรับระดับความเผ็ดได้ 5 ระดับ
บัฟโฟ่บอกว่า ได้ยินมาว่าร้านนี้ที่ญี่ปุ่นสามารถปรับความเผ็ดได้ 20 ระดับ
…จะบ้าเหรอวะ มึงจะเผ็ดไป 20 ระดับให้ได้เหรียญทองโอลิมปิกเหรอครับ
แต่นั่นแหละครับ ประเทศญี่ปุ่น
ผมเคยดูเกมโชว์ญี่ปุ่นรายการหนึ่ง เป็นรายการพาชิมอาหารแปลกๆ โดยเทปที่ผมดูนั้น เขาพาไปกินทาโกะยากิ ร้านนึงที่มีให้เลือก 50 รส ซึ่งแต่ละรสแปลกประหลาดมาก มีตั้งแต่เนื้อวัว เนื้อแกะ รสกุหลาบ ไปจนถึงรสข้อศอกดารา (คือจำรสแน่นอนไม่ได้น่ะครับ แต่มันเป็นรสชาติที่มนุษย์โลกไม่สามารถปรุง และไม่น่าจะกินกันแน่ๆ)
ด้วยรสชาติประหลาดโลกแบบนี้ ร้านเขาทำยังไง?
พิธีกรก็สั่งรสกุหลาบมา พ่อครัวก็เริ่มทำทาโกะยากิด้วยวิธีปกติ ใส่แป้ง ใส่ปลาหมึก แล้วก็นำมาเสิร์ฟแบบธรรมดาๆ แต่ก่อนที่ลูกค้าจะเอาทาโกะยากิเข้าปาก คนขายมองหน้า...ดีดนิ้ว และพูดว่า “นี่คือทาโกะยากิรสกุหลาบ!”
พิธีกรเอาทาโกะยากิเข้าปาก แล้วมันก็กลายเป็น ‘รสกุหลาบ’ จริงๆ ด้วย! พิธีกรลองทาโกะยากิอีกหลายรส ซึ่งก็ได้รสประหลาดๆ อย่างที่โฆษณาจริงๆ
มันไม่ใช่การแหกตา แต่พ่อครัวไปฝึกมาจริงๆ ไม่ใช่ฝึกการทำอาหารนะ แต่ฝึกการสะกดจิต!
สะกดจิตให้สมองผลิตรสชาติที่ต้องการโดยตรง!
“มึงทำไปทำไมวะ?” ผมอุทานเบาๆ
“ผมอยากให้คนได้กินทาโกะยากิหลายๆ รสชาติน่ะครับ” เจ้าของร้านตอบในทีวี
“เออ กูยอม!” ผมคิดในใจ
นั่นแหละครับ...ประเทศญี่ปุ่น
ผมชอบประเทศญี่ปุ่น
นอกจากจะชอบเหมือนกับที่คนอื่นเขาชอบกัน ผมยังชอบความจริงจังของประเทศนี้
ญี่ปุ่นมีความจริงจังในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ความมีระเบียบ การออกแบบ หรือกระทั่งเรื่องที่ดูเหมือนไร้สาระงี่เง่าอย่างทาโกะยากิสะกดจิต
หลายอย่างเราดูแล้ว ต้องอุทานออกมาเบาๆ ว่า “มึงจะทำไปเพื่ออะไร”
แต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าเรื่องนั้นจะไร้สาระแค่ไหน เมื่อถูกเติมด้วยความจริงจังแบบคนญี่ปุ่นเข้าไป มันจะดูสนุกขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว
ด้วยความจริงจังในเรื่องไร้สาระแบบนี้ ผมเลยมีโจทย์ในการไปเที่ยวญี่ปุ่นว่า จะไปกินอาหารจานยักษ์ให้ได้
โดยการหาข้อมูลงูๆ ปลาๆ เท่าที่หาได้ แล้วไปเสี่ยงดวงเอาดาบหน้าที่ประเทศญี่ปุ่น โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะเป็นไปได้จริงๆ หรือเปล่า
ผมพบว่าทั้งหมดเป็นทริปที่น่าจดจำมาก
ไม่ได้น่าจดจำเพราะเราได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแฟน
แต่มันน่าจดจำเพราะครั้งหนึ่ง เราตั้งใจทำเรื่องที่ไม่รู้ว่าเป็นไปได้หรือเปล่า ให้เป็นไปได้จริงๆ
ถึงแม้มันจะเป็นแค่เรื่องไร้สาระอย่างการไปไล่กินอาหารชามยักษ์ก็ตาม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in