ฉันเดินออกจากห้อง แล้วคิดว่าอะไรๆมันก็แย่ไปหมดไหม แม้แต่เสียงนกตัวเล็กๆที่แว่วเค้ามาในหูในตอนเช้ามันก็น่ารำคาญในหัวของฉันเอาแต่คิดว่าตอนที่เดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อนกำลังนินทาอะไรฉันอยู่บ้างทุกครั้งที่คนอื่นทำตัวแปลกๆ หรือมองฉันแปลกๆ ความกลัวก็เริ่มกัดกินฉันทีละน้อย"มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ เมื่อกี้นี้ฉันพูดอะไรผิดไปรึเปล่า ทำไมเธอถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ?"ฉันกลัวมาก กลัวมากจริงๆ ว่าเพื่อนจะเกลียดฉัน หรือฉันอาจจะกำลังทำเรื่องหน้าสมเพชอยู่ มันน่ากลัวยิ่งกว่าขึ้นไปเก็บผ้าที่ตากไว้ตอนห้าทุ่มโดยที่ไม่มีไฟซะอีก
มันเลยทำให้ฉันเริ่มคิดว่าคำวิจารณ์ของเพื่อนสามารถฆ่าฉันได้เลยด้วยซ้ำเพื่อนเคยถามฉันว่า ทำไงถึงจะมองทุกอย่างแย่ไปหมดเหมือนเธอ ฉันว่ามันเหมือนกับเวลาเธอมองไปที่เสื้อลายดอกที่แขวนอยู่ ทุกครั้งที่ฉันมองไป ฉันจะไม่เห็นความสวยของเสื้อตัวนั้นเลย ฉันเห็นเพียงแต่ลายดอกนั้นมันดูฉูดฉาดและดูรก ยุ่งเหยิงทำให้ปวดหัวไปหมดจริงๆ
มันช่างทรมาน ที่ไม่สามารถมองอะไรให้สวยได้เลย บนโลกใบนี้คงเหลืออยู่ไม่กี่อย่างแล้วที่ทำให้ฉันมีความสุข แต่อย่างน้อยการท่องไปในโลกอินเทอร์เน็ตมักจะทำให้ฉันลืมความเป็นจริงไปได้สักพักใหญ่เพราะฉันแทบไม่ต้องทนเห็นสิ่งที่ฉันไม่อยากเห็น มันน่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่ต่อชีวิตฉัน ฉันจมปลักอยู่กับมันและทำให้ฉันละเลยภาระหน้าที่ของตัวเอง ฉันสับสน พอฉันทำพลาด ฉันโทษทุกสิ่งอย่างโดยเฉพาะตัวเอง
ที่โรงเรียน ในกลุ่มเพื่อนฉันเป็นไอตัวขี้เกียจและตัวตลกสมัครเล่น ที่เล่นได้แต่มุกไร้สาระและพ่นแต่ถ้อยคำหยาบคาย ฉันไม่ค่อยทำการบ้านส่งทันเวลาหรอก ฉันใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระเพราะฉันไม่ค่อยเรียนรู้เรื่องและมีสมาธิเหมือนเพื่อนคนอื่นๆเท่าไหร่ หลายคนรวมถึงเพื่อนฉันบอกกับฉันว่า เธอน่ะหัวดีนะ แต่ขี้เกียจไปหน่อย มันดูเหมือนจะเป็นคำชม แต่ก็ด่าไปด้วย แต่คำพูดพวกนั้นมักจะทำให้ฉันกลับมานอนเศร้าที่บ้าน ฉันก็อยากจะขยันนะ แต่แค่จะลุกไปหยิบน้ำมาดื่มฉันยังต้องต่อสู้กับตัวเองตั้งนาน ฉันสามารถนั่งๆนอนๆแล้วก็รู้สึกเหนื่อยได้ พอล้มเหลวฉันก็เริ่มเศร้าหนักกว่าเดิม นานๆกว่าฉันจะคิดได้ซักครั้ง จากกนั้นก็กลับมาวนลูปเดิมอีก ขี้เกียจ --> ล้มเหลว-->เศร้า-->ขี้เกียจ มันเป็นโคจรที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น ลึกๆแล้วฉันคิดว่าฉันขยันได้มากกว่านี้ ด้วยอาการหลายๆอย่างของฉันทำให้ฉันลองทำแบบทดสอบโรคซึมเศร้าดู ปรากฏว่าคะแนนฉันเกินมาตรฐานไปหลายคะเเนน ช่วงแรกที่ทำแบบทดสอบก็ยังอยู่ในเกณฑ์เกินมาตรฐาน เมื่อไม่นานฉันเพิ่งไปลองทำใหม่ ตอนนี้ฉันอยู่ในกลุ่มเสี่ยงแล้ว ฉันเกลียดตัวเองที่ชอบเอาโรคนี้มาปนกับการเรียนของฉัน มันทำให้ฉันดูขี้แพ้ ฉันเลยอยากไปพบหมอและตรวจให้ชัดเจน ว่าตอนนี้ซโรโทนิน (serotonin) และนอร์เอพิเนฟริน (norepinephrine) ในร่างกายฉันลดลงหรือเปล่า ลึกๆฉันหวังว่าถ้าได้กินยาอาจจะดีขึ้นก็ได้ แต่ฉันก็กลัวการไปหาหมอ ฉันไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใคร แม้กระทั่งแม่ ฉันกลัวว่าแม่อาจจะมองว่าฉันเอาแต่โทษโรคไม่โทษตัวเอง แล้วแม่ก็จะเพ่งเล็งฉันมากขึ้น ฉันกลัวไปหมด กลัวว่าคนอื่นจะไม่เชื่อฉัน ฉันก็แค่ไม่อยากเป็นไอ้ขี้แพ้...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in