เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Empirepariysana
false memory
  • ฉันร้องไห้ตลอดการเก็บของวันนั้น เริ่มต้นมาจากแค่ได้เห็นลายมือครูประจำชั้นตอนประถมห้า เขียนชื่อเพื่อนสนิทคนที่สองของฉันไว้ในสมุดพก ฉันจำชื่อนั้นได้ดี ทุกวันนี้ฉันยังฝันถึงเขาบ่อยที่สุด ทั้งที่ไม่ได้ติดต่อกันนานมากแล้ว



    ความทรงจำที่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่แต่งขึ้นมาเองเมื่อได้เห็นสมุดพกเก่ากลับเข้ามา เป็นตอนที่ครูประจำชั้นคนนั้น ซึ่งเป็นครูที่อายุน้อยที่สุดในโรงเรียนและดูจะเข้าใจเด็ก ๆ กว่าครูคนอื่น ๆ ในโรงเรียน ถามฉันย้ำว่าอยากให้ครูเขียนชื่อเพื่อนสนิทคนที่สองลงไปหรือไม่ ทำนองนั้น แล้วฉันก็พยักหน้า หรือยืนยันบางอย่าง แล้วในสมุดพกของฉันจึงมีชื่อเพื่อนคนนั้น ทั้งที่ไม่มีชื่อของเธอเลยในตำแหน่งชื่อเพื่อนสนิทคนที่หนึ่ง ในทั้งหกปีการศึกษา และไม่มีปีการศึกษาไหนเลยที่คุณครูเขียนชื่อเพื่อนสนิทให้ฉันสองคน นอกจากตอนประถมห้า



    ฉันกับเขาเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่อนุบาล คงเพราะเราเป็นเด็กตัวเล็กที่สุดในห้องสองคนแรก จึงได้ยืนเข้าแถวข้างกันบ่อย ๆ และแม่ของเขายังสนิทกับญาติของฉัน ที่มารับส่งที่โรงเรียนบ่อย ๆ ด้วย แต่พอขึ้นชั้นประถม ฉันกับเขาก็ไม่ได้ตัวติดกันมากมาย เราต่างคนต่างเริ่มไปสนิทกับเพื่อนคนอื่น ๆ ในห้อง แต่ว่าสุดท้าย ดูเหมือนว่าเวลาเล่นอะไรบางอย่างด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ฉันกับเขาจะรู้ใจกันดีที่สุดเสมอ



    ฉันรู้สึกถึงความทรงจำที่ไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่จริงบ่อยครั้งเมื่อได้ตรวจดูบรรดาของเก่า ๆ ในบ้าน ความทรงจำแบบนั้นอ่อนจางจนไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง หรือเป็นเรื่องที่สมองแต่งขึ้นมาเองทันทีในตอนนั้นกันแน่ แต่มันก็อ่อนจางจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องที่สมองแต่งขึ้นมาเองทันทีได้เหมือนกัน ตอนที่ฉันรื้อเสื้อผ้าเก่า ๆ ของแม่ออกมา พอได้สัมผัสผ้าลื่น ๆ ไม่เหมือนเสื้อผ้าปกติประจำวันที่ใส่ ฉันนึกถึงฉากหนึ่งขึ้นมา คือตอนที่ฉันกำลังยืนรอแม่ที่ร้านขายเสื้อผ้า ระหว่างที่แม่พลิกเลือกเสื้อผ้าบนราวแขวนอย่างเรียกได้ว่าสนุกสนาน หมกมุ่น มุ่งมั่น หรือด้วยอารมณ์โหยหารุนแรงบางอย่าง ที่ฉันในตอนนั้นไม่เข้าใจ



    ปกติบางครั้งพ่อกับฉันจะไปรับแม่ที่ทำงานหลังเลิกงาน หลังจากฉันเลิกเรียน บางครั้งเราจะแวะที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในใกล้ที่ทำงานของแม่ เพื่อกินอาหารและอาจจะเดินซื้อของ คงเป็นที่ห้างนั้นที่แม่ซื้อเสื้อผ้า ฉันคิดว่าฉันจำความเบื่อหน่ายระหว่างรอแม่เลือกเสื้อผ้าได้ ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจว่า ทั้งที่ฉันก็เป็นผู้หญิงเหมือนแม่ แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกเบื่อหน่ายกับการเลือกเสื้อผ้าถึงขนาดนั้น เสื้อผ้าที่ฉันสนใจกับเสื้อผ้าที่แม่สนใจ หรือเสื้อผ้าที่แม่เลือกให้ฉันใส่ เป็นคนละแบบกัน ที่จริงตอนนั้นฉันฝันถึงเสื้อผ้าประเภทนักร้องไอดอลญี่ปุ่นที่เห็นตามมิวสิควิดีโอในโทรทัศน์ ประเภทชุดนักเรียนญี่ปุ่น กระโปรงลายสก็อตสีแดง ถุงเท้าลายทางยาวถึงหัวเข่า สายโซ่สายหนังห้อยตกแต่ง ซึ่งที่จริงในชีวิตประจำวัน ตอนนั้นแม่ยังเป็นผู้มีสิทธิ์เด็ดขาดในการเลือกเสื้อผ้าให้ฉันใส่ แม่มักจะเลือกเสื้อผ้าประเภทสีค่อนข้างฉูดฉาดให้ฉัน โดยให้เหุผลว่าฉันยังเป็นเด็ก จึงควรสวมเสื้อผ้าสีดใส และอีกเหตุผลหนึ่งที่แม่บอกคือเพราะผิวของฉันค่อนข้างขาว จึงควรสวมเสื้อผ้าสีสดใส และแม่ยังมักจะเลือกเสื้อผ้าที่ค่อนข้างใหญ่กว่ารูปร่างจริงของฉันเล็กน้อย เป็นการเลือกเสื้อผ้าเผื่อโตสำหรับเด็กวัยที่ร่างกายเปลี่ยนแปลงเร็ว



    แต่ความเบื่อตอนที่รอแม่เลือกเสื้อผ้าที่ฉันคิดว่าตัวเองจำได้นั้นอ่อนจางมาก จางมากกว่าตอนที่เราซ่อมบ้านกัน แล้วฉันต้องใช้เวลาวันเสาร์อาทิตย์สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า ติดสอยห้อยตามญาติ ๆ ไปตามร้านขายเฟอร์นิเจอร์และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งจะสนุกแค่โซนตู้เสื้อผ้าที่สามารถเปิดประตูตู้เข้าไปเล่นในตู้ที่ว่างเปล่าได้ และโซนโคมไฟซึ่งครอบครัวของเราไม่ได้ซื้อ แต่ก็ยังสนุกที่จะได้กดเปิดปิดโคมไฟเล่นจนกว่าจะโดนปราม และมองแสงสีต่าง ๆ หลากสีกันจากโคมไฟแบบที่บ้านเราไม่มี ฉันมักจะเบื่อเวลาที่ญาติต้องคุยปรึกษากับพนักงานเนิ่นนานเรื่องวัสดุ ในโลกยุคที่ยังหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตไม่ได้ เราใช้เวลาวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ทั้งวันเลือกกระเบื้องปูพื้น ไม้ปูพื้น สีทาบ้าน กระเบื้องห้องน้ำ ฝักบัว ตู้ในครัว และไม่รู้อะไรต่ออะไรอีกหลายอย่างในบ้านที่ญาติของฉันเป็นคนเลือกเองทั้งหมด



    ตอนนั้นฉันเบื่อจนโวยวายแล้วผลักญาติไปหนึ่งที เป็นหนึ่งในสถานการณ์ความเบื่อที่สุดวัยเด็กเท่าที่คิดออก เพราะในร้านวัสดุก่อสร้างนั้นไม่มีอะไรที่เด็กวัยเท่าฉันจะสนใจได้เลย และญาติก็สนใจแต่การเลือกซื้อของเท่านั้น แต่พอมาถึงตอนนี้ ฉันกลับสามารถเดินเล่นดูลายกระเบื้อง หน้าตาของฝักบัว ก๊อกน้ำ หรือแม้แต่ชักโครกได้สนุกสนานพอ ๆ กับการเลือกเสื้อผ้า หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ จนเคยนึกเสียดายที่เคยยอมแพ้ไม่เลือกเรียนคณะที่เกี่ยวกับการออกแบบ ด้วยเหตุผลคือไม่ได้ชอบอาคารเอาเสียเลย แต่หลายปีต่อมากลับมาสนใจความรู้เรื่องวัสดุ แต่ก็ไม่แน่ว่าถ้าหากฉันได้เรียนเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมหรือวิศวกรรมจริง ๆ ตอนเรียนจบฉันอาจจะไม่ได้รู้สึกสนใจเรื่องที่สนใจในตอนนี้เท่าที่เป็นอยู่ก็ได้


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in