IYF (International Youth Fellowship) เป็นโครงการอาสาสมัครแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ โดยเราจะเลือกไปในประเทศไหนก็ได้กว่า 80 ประเทศที่เข้าร่วมโครงการ และการที่จะไปเป็น volunteer ที่ต่างประเทศได้เนี่ยเราจะต้องเข้าแคมป์ของเค้าก่อน ซึ่งก็คือแคมป์ที่เรากำลังจะเล่านี่เลย
เริ่มต้นจากแคมป์นี้มีพี่เค้ามาตั้งบูธโปรโมทใกล้ ๆ คณะของเรา เรากับเพื่อนเลยเดินเข้าไปถามรายละเอียด แล้วก็มีพี่ที่บูธเค้าก็ตามพี่ผู้ชายคนนึงให้มาเล่าให้เรากับเพื่อนฟัง เพราะพี่เค้าเป็นคนเกาหลีที่เคยมาเป็น volunteer ก่อนจะย้ายมาเรียนในไทย พี่เค้าก็เล่านู้นเล่านี้ ขายตรงไปเรื่อย เรากับเพื่อนก็ตั้งใจฟังกันมาก มีถามพี่เค้ากลับบ้าง จนซักพักนึงพี่เค้าก็เงียบไป เพื่อนเราเลยบอกว่า พี่พูดต่อเลยค่ะ พี่เค้าเลยสวนกลับมาว่า เนี่ย น้องรู้มั้ย ถ้าเป็นคนอื่นฟังมาจนถึงขนาดนี้เค้าจ่ายเงินค่าเข้าเรียบร้อยแล้ว ฮาาาาาาา
วันก่อนไปแคมป์เรากับเพื่อนเริ่มมีความรู้สึกว่าไม่อยากไป เพราะมันทิ้งช่วงจากตอนที่ลงชื่อไว้ค่อนข้างนาน แถมปีนี้ดันจัดวันจันทร์ถึงวันพุธอีกและทำให้ยิ่งขี้เกียจไปเข้าไปใหญ่ แต่สุดท้ายก็เก็บกระเป๋าไปกันโดยให้เหตุผลว่า จ่ายเงินแล้ว
Day - 1
ความที่บ้านเรากับเพื่อนอยู่โซน ม.บางมด กันแต่สถานที่จัดแคมป์อยู่ที่ธรรมศาสตร์ รังสิต ทำให้ต้องเผื่อเวลาไว้พอตัวและต้องไปลงทะเบียนตอน 8 โมงเช้าที่นู้น เราเลยลุกตั้งแต่ตี 5 แต่ถึงอย่างนั้น ใช่ค่ะ เราสาย เราไปถึงแคมป์เกือบ 9 โมงงง
กิจกรรมในค่ายวันแรกมีหลาย ๆ แบบปนกัน ทั้งช่วงบรรยาย ช่วงแสดงโชว์เกี่ยวกับตัวแทนจากต่างประเทศและกิจกรรมที่เค้าจัดให้เราเล่นเกมกับเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ไปเข้าค่าย สำหรับเราช่วงบรรยายเป็นช่วงที่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้ามาก มากแบบมากกกกกก เป็นความรู้สึกที่ฟังแล้วเข้าใจนะ แต่เราไม่อินเอง ฮืออออออ เป็นการบรรยายเกี่ยวกับเรื่องจิตใจ การให้กำลังใจ positive thinking อาจมีเรื่องศาสนาเข้ามาเกี่ยวด้วย ซึ่งผู้บรรยายก็คือ อาจารย์ชาวเกาหลีผู้ก่อตั้งโครงการนี้
มาที่ช่วงเข้ากิจกรรม อันนี้เราชอบมากกก เค้าเลือกเกมมาจัดกิจกรรมโอเค มีเกมทั้งหมดประมาณ 30 เกมแบบไม่ซ้ำกันเลยและที่ต้องมีเกมเยอะขนาดนี้เพราะมีคนมาเข้าแคมป์ประมาณ 3500 คน โดยจะสลับโซนกันเข้ากิจกรรมครั้งละ 1500 คน แต่ละฐานจะมีการจับเวลาและเปลี่ยนฐานพร้อม ๆ กัน ทุุกกลุ่มเลยได้เล่นกันกลุ่มละ 3 ฐาน
พอหมดเวลาก็สลับให้อีกโซนนึงเข้ามาและโซนของเราออกไปเล่นกิจกรรมอีกที่ โดยโซนนี้จะเกี่ยวกับภาษาและวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ ให้แต่ละคนแยกย้ายกันเข้าตามห้องที่สนใจกันได้เลย
พอถึงเวลากินข้าวทุกคนก็จะเข้ามารวมกันที่อีกห้องนึง และต่อแถวรับอาหารที่ staff เค้าตักให้ ขอบอกเลยว่า คน 3500 คนต่อแถวรับอาหารพร้อม ๆ กัน แต่ระบบการจัดการของ staff ดีมาก เราได้อาหารเร็วกว่าสั่งข้าวกินที่ม. อีก ที่สำคัญกับข้าวอร่อยมาก ประทับใจมากเวอร์
ห้องที่ทั้ง 3500 คนใช้กินข้าวด้วยกันและจุดที่ staff ให้ต่อแถวรับอาหาร
และในช่วงเย็นหลังเสร็จกิจกรรมตามตารางหมดแล้ว ก็จะแยกกลับที่พักกันตอนประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง โดยพี่ staff แจ้งว่าให้เราจับกลุ่มกันมาเองเลย ห้องละ 5 คนกลุ่มไหนครบก่อนก็ไปต่อแถวรอขึ้นรถก่อน ซึ่งตอนแรกเราคิดเอาไว้ว่า โห้ กว่าจะรันคิวเสร็จ กว่าจะถึงที่พัก ดึกชัวร์ แต่ที่ไหนได้ staff รันคิวเร็วมาก ทั้ง ๆ ที่เราคิดเอาไว้แล้วว่าคนขนาดนี้น่าจะใช้เวลาเยอะพอตัว
ปริมาณคนตอนต่อแถวรันคิวห้องนอนกับขึ้นรถ
พอถึงที่พักก็มาต่อแถวเอาบัตรประชาชนมาแลกกับกุญแจห้องนอนอีกที
ด้วยความที่ห้องนอนอยู่ชั้น 8 แน่นอนว่าไม่เดินขึ้นบันไดค่ะ
เมื่อพี่ staff บอกว่าห้องไหนไม่มีรีโมทแอร์ให้ยืมห้องข้าง ๆ เพื่อนเราเลยลองเปิดเองก่อน สรุปก็ไม่ได้ต้องไปยืมอยู่ดี
เราขอรีวิวที่พักเลยอะ ถึงห้องจะดูเก่าหน่อย แต่เราไม่ติดเรื่องที่นอนมาก ขอแค่สะอาดกับมีห้องน้ำในตัวก็พอแล้วและที่สำคัญใต้หอของกินเพียบบบ อันนี้เรา Proud to present สุด ๆ คือนอกจากจะมีเซเว่นแล้วยังมีร้านข้าวอย่างอื่นในละแวกนั้นอีกหลายร้านเลยและแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนึง เสียดายมากไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ตอนนั้นหิวเลยรีบกินไปนิดนึง เราสั่งก๋วยเตี๋ยววุ้นเส้นต้มยำหมูมะนาวกินหลังกลับถึงที่พักทั้งสองวันเลย ประทับใจของกินมากและที่ร้านเค้าก็จะมีแบบใส่ถ้วยโฟมให้เอาขึ้นไปกินบนห้องได้ด้วย
Day - 2
ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตี 5 สลับกันอาบน้ำด้วยความเร็วแสง 5 คนลงมาขึ้นรถทันก่อนล้อหมุนตอน 6 โมงเช้าพอดี ความจริงคือเราตั้งเอาไว้ที่ตี 4.40 แต่นาฬิกาเรามันไม่ดัง 55555555555555555 สรุปก็รอนาฬิกาของน้องในห้องดังเหมือนเดิม
6 โมงล้อหมุนออกจากที่พักไปทำกิจจกรรมต่อ
วิถีของคนที่ตื่นแล้วก็หิวเลยคือรีบไปกินข้าว
บรรยากาศด้านในหอประชุม
ช่วงบรรยายจะมีอยู่ในตารางทุุกวันเลย ครั้งละประมาณ 1 - 1 ชั่วโมงครึ่ง เราจะเจอหน้าอาจารย์ที่มาบรรยายประมาณ 3 เวลาหลังอาหารกันเลยทีเดียวนะคะ ซึ่งส่วนตัวในช่วงนี้เราจะกึ่งหลับกึ่งตื่น 5555555555555 คือมีช่วงที่วูบแล้ววาร์ปไปเลยกับช่วงที่ฟังละขำกับที่อาจารย์เค้าบรรยาย แต่ที่ล่ามที่ค่อยแปลน่ารักมากนะคะ โดนอาจารย์แกล้งพูดยาว ๆ ละชิ่งพูดขึ้นมาก่อนล่ามจะแปลจบประโยคบ่อย ๆ
ขอแนบภาพประกอบของช่วงวูบแล้ววาร์ปมาโลกอนาคต
และเมื่อการนั่งบนเก้าอี้ในยิมไม่สบายอีกต่อไป เก้าอี้นั่งนาน ๆ แล้วเมื่อยมาก ฉะนั้นการนั่งพื้นจึงตอบโจทย์ที่สุด
วันนี้จะมีช่วงเข้าบูธกิจกรรมของแต่ละประเทศ ที่มีสาขาของแคมป์ในประเทศนั้นด้วย จะมีตั้งแต่ขนมที่ staff ตัวแทนแต่ละประเทศหอบมาด้วย ของที่ระลึก ที่หอบมาด้วยเหมือนกัน ของทำมือหรือการเขียนชื่อเราเป็นภาษาในประเทศนั้น ๆ หรืออาหารเครื่องดื่มที่ขนกันมาทำในงานร้อน ๆ กันเลย ไหนจะมีการเพ้นท์หน้า เพ้นท์มือ ที่ฮอตมากต่อแถวกันยาวเหยียดและมุมเปลี่ยนชุดถ่ายรูปครื่องแต่งกายของแต่ละประเทศก็แถวยาวพอ ๆ กัน
China
บูธนี้หม่าล่ากลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งงานเลยและยังมีของที่ระลึก ของใช้และงานศิลปะแบบจำลอง อุปกรณ์การละเล่นต่าง มาตั้งไว้ให้ดูกันถ่ายรูปกันด้วย
Thailand
ของไทยเรามาในธีมงานวัดกันเลยทีเดียว มีปาลูกโป่งและรางวัลคือตุ๊กตา มีโชว์ตีขิมอยู่ข้าง ๆ บูธ แถมยังมีการตามเทรนด์ละครบุพเพสันนิวาสอีกต่างหาก
Japan
ญี่ปุ่นมาพร้อมกับทาโกะยากิที่ทำกันร้อน ๆ ในบูธเลย กับชุดยูกาตะที่ให้เปลี่ยนถ่ายรูปด้วย
Oceania
บูธนี่ถึงไม่มีของกิน แต่มีพร็อพเอาไว้ถ่ายรูปเยอะมากกกก
Myanmar
บูธนี้เค้าขนทานาคากันมาแน่นบูธมาก เดิน ๆ อยู่ในงานเห็นคนทาเดินผ่านไปกันเพียบ
Vietnam
บูธของเวียดนามก็ต้องมาคู่กับอาหารขึ้นชื่ออย่าง Bánh mì หรือ บั๋นหมี่ ลักษณะจะคล้าย ๆ ขนบปังที่ผ่าตรงกลางออกและยัดไส้เข้าไปแบบแซนด์วิช
Philippines
ที่บูธนี้จะมีของจำลองต่าง ๆ ให้ดูกัน คล้าย ๆ กับบูธของจีนเลย
India
บูธของอินเดียขนมาทั้งขนมกินเล่น ของที่ระลึก เครื่องประดับต่าง ๆ มากองเต็มโต๊ะและโต๊ะที่คนต่อแถวกันเข้าไปเพ้นท์มือยาวเหยียดดด
Ukraine
ในบูธมีขายของที่ระลึกต่าง ๆ รวมถึงดอกไม้ที่ระลึกแบบทำมือด้วย
Korea
บูธของเกาหลีจะมี staff ที่เป็นคนเกาหลีแต่งเครื่องแต่งกายของเกาหลีแล้วค่อยถ่ายรูปกับคนที่เข้าไปชมบูธด้วยและที่แถวยาวขนาดนี้ แน่นอนว่ามีของกินชัวร์ 555555555555 เท่าที่เห็นคนถือจานเดินผ่านไปรู้สึกว่าจะเป็นจาจังเมียนหรือว่าบะหมี่ดำนั่นเองงง ที่ถ่ายไกลไม่ใช่อะไรนะคะ คนเยอะเข้าไม่ถึงบูธเลย ยอมมมมม
America
ที่บูธของเมกามีของที่ระลึกต่าง ๆ กับพร็อพตั้งไว้ให้ถ่ายรูปอีกเหมือนกันนน มาเป็นกระโจมกับกองไฟกันเลยและถ้ามี 2 อย่างนั้นแล้วจะขาดสมอร์ไปได้ยังไงงง
Latin America
บูธนี้มาพร้อมกับน้ำโซดาสีสด ๆ กลิ่นฟุ้งไปทั้งโซนนั้นเลย
Africa
และบูธนี้ก็ฮอตไม่แพ้กันเลย คือมีทั้งของที่ระลึกกับเครื่องประดับขาย เพ้นท์หน้าและพร็อพกับเครื่องแต่งกายแบบแอฟริกาให้เปลี่ยนถ่ายรูปอีกด้วย
Day - 3
วันสุดท้ายจะมีช่วง Talk ที่ให้พี่ ๆ ที่มาเป็น volunteer ในไทยแล้วมารีวิว Culture Shock ต่าง ๆ ที่เจอให้ฟัง ช่วงนี้เป็นช่วงฟังบรรยายที่เราชอบมากที่สุด แต่ทางแคมป์เค้าจัดเวลาให้ช่วงนี้น้อยไปหน่อย ทั้ง ๆ ที่ถ้าให้เวลาเท่ากับตอนฟังอาจารย์บรรยายคงจะไม่มีทางวูบแล้ววาร์ปไปแน่ ๆ 5555555555555555555
คนแรกที่เล่าเลยคือพี่ที่มาจากเคนย่า เค้าเล่าว่า ตกใจตัวเหี้ยในศิลปากรมาก เพราะตอนแรกพี่เค้าคิดว่าเป็นหมา ถึงได้ตกใจว่าหมาอะไรทำไมหน้าตาเป็นแบบนี้และอีกเรื่องนึงคือ ตกใจว่าทำไมคนไทยถึงกินกะเพรา เพราะที่เคนย่าเค้าใช้กะเพราะไล่ผีกัน ฮาาาาาาา
พี่คนที่สองที่มาจากเกาหลีเล่าว่า ตอนมาถึงไทยครั้งแรกปวดขี้มากและพอเข้าห้องน้ำเสร็จก็ค้นพบว่า ในห้องน้ำไม่มีกระดาษทิชชู่... แต่ในห้องน้ำนั้นมีสายฉีด แล้วพี่เค้าดันเข้าใจว่า เออ คนไทยนี่เค้าก็สะอาดดีเนอะ มีอุปกรณ์เอาไว้ล้างทำความสะอาดห้องน้ำครบทุกห้องเลย ห้องละอัน สรุปคือ พี่เค้าไม่ได้เอาถุงเท้าเช็ดนะคะ มีคนที่ฟังทันบอกมาขออนุญาตแก้ เขินเลยยย พี่เค้าให้เพื่อนเอาทิชชู่มาให้ เกือบไม่รอด โอ้ยยยยยย เอ็นดู
ละพอถึงช่วงที่ต้องเข้า Academy (การเข้ากิจกรรมเกี่ยวกับภาษาที่จัดเอาไว้ในแต่ละห้อง) เรากับเพื่อนเข้าไปที่ห้อง K-Pop Song ซึ่งเพลงที่ใช้สอนร้องกันในห้องคือ นายานา (나야 나) ตามเทรนด์สุด ๆ นอกจากจะฟังมาตั้งแต่รายการ Ep. แรกแล้วยังตามมาหลอกหลอนถึงในแคมป์ 555555555555
และพี่ staff ที่สอนร้องเพลงเค้าก็พอร้อง พาอ่านออกเสียงทีละคำ แถมตอนที่พี่เค้าร้องเพลงยังไม่ได้เปิดทำนองใส่ยังเพราะอีกต่างหาก ไม่มีเสียงเพี้ยน แถมสุดท้ายพอทั้งคลาสร้องจนจบท่อนสุดท้าย เค้ายังสอนท่าเต้นให้อีกด้วย แถมยังบอกอีกว่า ท่านี้จะตัวแข็ง ๆ แบบนี้ไม่ได้ด้วยนะ ต้องเต้นแบบ Popping ด้วยซิ แล้วพี่ staff เค้าก็ทำให้ดูอีกหลายรอบ พี่เค้าดูแบบ OMG ทำไมถึงเต้นแบบ Popping กันไม่ได้ละ ดูเป็นเรื่องแปลกมาก ตอนนั้นก็คิดนะว่า คนเกาหลีนี่เค้าเกิดมาแล้วร้องเพลงเพราะกับเต้นเก่งกันหมดเลย
เหรอ ฮืออออออ ทุกคนไม่ได้เต้น Popping ได้นะคะพี่ 55555555555555555555555555
พอถึงช่วงตอนเย็นที่เค้าปล่อยให้กลับบ้านกันได้แล้ว ก็จะมีพี่ staff ประกาศว่า ใครจะไปลงแถวฟิวเจอร์พาร์คบ้าง เค้าก็จะให้ลงชื่อ แล้วก็รับตั๋วสำหรับเอาไว้ขึ้นรถกลับให้จากนั้นรถก็จะพามาส่งเพื่อให้เราต่อรถเมล์กลับกันสะดวกขึ้น
ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ที่เรารีวิวมาทั้งหมดนี้แค่ส่วนนึงในแคมป์เท่านั้นอะ อ่านผ่าน ๆ สไลด์สองทียังรู้เลยว่ามันไม่ละเอียด 5555555555555555555 แต่อันนี้คือ เขียนเท่าที่จะนึกออกเอามาเขียนได้ ส่วน Detail อย่างอื่น ถ้าถามมาเราคิดว่าก็คงจะตอบได้
P.s. ช่วงสุดท้ายนี้จะขอเป็น Feedback จากเราเองล้วน ๆ
- อันนี้แอบประหลาดใจนิดหน่อยตรงที่ในแคมป์ไม่มีแจกน้ำเปล่าเป็นขวด ๆ เหมือนเวลาเราไปเข้าค่ายที่อื่น อะ อย่างสมมติว่า เวลาเราไปเข้าค่ายที่ไหนก็ตามไม่ว่าจะเป็นค่ายที่เสียเงินไปเข้าหรือว่าเป็นค่ายฟรี ปกติจะมีแจ้งน้ำดื่มเป็นขวดอย่างน้อย ๆ เลยคือวันละขวด แต่ของที่นี่จะเป็นบูธขายเครื่องดื่มแทน
- ขอชมเรื่องแสงบนเวทีกับเสียงคือ ต้องยอมว่าใช้ของดีมีคุณภาพมาก ถ้าเทียบกับลำโพงที่โรงเรียนหรือที่ม. ที่พอนั่งไกล ๆ แล้วจะฟังไม่รู้เรื่องว่าพูดว่าอะไรเพราะเสียงมันแตก ๆ ยิ่งตอนร้องเพลงนะ โห้
- การรันคิว การต่อแถว หรือการทำกิจกรรมตอนอยู่ในแคมป์ เป็นอีกอย่างนึงที่เรารู้สึกว้าวมากๆ เพราะคนไปแคมป์ประมาณ 3500 คน แต่ staff เค้าสามารถรันคิว ระบายคนกันได้เร็วมาก อะ ถ้าอยากรู้ว่าเร็วขนาดไหนเราจะเปรียบเทียบให้ฟังง่าย ๆ เลยคือ รุ่นพี่ที่คณะเราเรียกประชุมคนในคณะที่มีไม่กี่ร้อยคน ยังปล่อยไปกินข้าวช้ากว่า 3500 คนในแคมป์ต่อแถวกินข้าว หรือถ้ายังนึกไม่ออกอีก ก็เป็นไปกินข้าวที่ร้านอาหารแถวม. สั่งรออาหารที่สั่งนานกว่า 3500 คนในแคมป์ต่อแถวกินข้าว
- กับข้าวอร่อยมาก ดีทุกมื้อ ขอบคุณมากที่ไม่ใช่อาหารกล่อง (ประทับใจเรื่องกินสุด) คือทางแคมป์เค้าจะทำอาหารใส่ถาดเหล็กมาเหมือนในโรงแรมมื้อละ 1 อย่าง แล้วมี staff คอยตักให้ ที่สำคัญเลยคือ ข้าวอร่อย คือปกติถ้าเป็นอาหารกล่องหรือข้าวที่ร้านอาหารแถวโรงเรียน แถวม. จะเป็นข้าวแบบ จะว่ายังไงดีละ แบบไม่ดีเหมือนข้าวที่เราหุงกินที่บ้านอะ เค้าเรียกว่า ข้าวไม่เรียงเม็ดป่ะ นั่นแหละ แต่ข้าวอันนี้คือเหมือนหุงกินที่บ้าน ขอพื้นที่ให้โม้เรื่องอาหารการกินเยอะหน่อยนะคะ ประทับใจมาก
- เพราะเกาหลีคือประเทศที่เป็นศูนย์หลักของแคมป์นี้ ทำให้ในงานมี staff ที่เป็นคนเกาหลีเยอะมาก ทุกคนดูมีเซนส์ด้านแฟชั่นกันหมดและเหมือนเกิดมาเพื่อเต้นจริง ๆ ค่ะ ฮือออออ น่าเอ็นดูมากกก หนูลูกกก
- รู้สึกโอเคกับ staff ทุกคนในงานตั้งแต่ staff ตามกิจกรรม ตาม Academy ร้านขายน้ำ จุดตักอาหาร หรือพี่ staff ตอนช่วง Group Meeting ทุกคนดูใส่ใจ ดูตั้งใจกันมาทำ ตอนจบ Group Meeting แล้วเราแยกไปถามพี่เค้าหลังไมค์ พี่เค้าดูดีใจมากที่มีคนสนใจมาถาม 5555555 เพราะในกลุ่มเราตอนพี่เค้าถามว่ามีใครที่สนใจไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศมั้ย คือคนยกมือน้อยมาก ที่ถามไปเค้าก็แนะนำมา อันนี้ดีกว่านะ แบบนี้น่าจะเวิร์กกว่า แล้วพี่เค้าก็บอกว่า เนี่ย เอา Contact พี่ไปมั้ย สงสัยอะไรก็มาถามพี่ได้เลย
- ตอนเย็นเรากลับมาถึงที่พักแล้วขึ้นไปอาบน้ำก่อนจะลงมาหาวุ้นเส้นต้มยำกินเหมือนเดิม ระหว่างที่เราต่อแถวรอสั่ง เพื่อนเราเลยเข้าไปซื้อเป็ปซี่กับน้ำแข็งรอในเซเว่น แต่พอออกมาเพื่อนบอกว่า น้ำแข็งหมดนะ เราเลยบอกว่า เดี๋ยวลองไปขอซื้อน้ำแข็งที่ร้านน้ำเต้าหู้กับนมสดละกัน เราเลยเดินเขาไปถาม ขอซื้อน้ำแข็งเปล่า 2 แก้วว่าเค้าขายรึเปล่า แต่ตอนนั้นป้าเค้าติดลูกค้าอยู่เลยให้พี่ในร้านตักให้แล้วยื่นให้เรา เราเลยถามป้าเค้าว่า เท่าไหร่คะ ป้าเค้าตอบมาว่า ไม่เป็นไรลูก เธอออฮือออ ป้าเค้าไม่เก็บตังค์ด้วย ใจดีมาก เรากับเพื่อนเลยรีบขอบคุณป้าเค้ากันใหญ่
ขออนุญาตแนบรูปประกอบความประทับใจ
แต่ขอแก้นิดนึง culture shock พี่เค้าไม่ได้เอาถุงเท้าเช็ดเด้อ เค้าให้เพื่อนเอาทิชชู่มาให้ เกือบไม่รอด เค้าว่างั้น 555555