เจาะทีละ Part เกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบ ทั้งนี้ แต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ควรปรับตามสไตล์ของตัวเองด้วยนะคะ
Listening
การสอบจะมี 4 part แต่ละ part จะมี pattern ของมัน
Part 1: 2 คนคุยกันเรื่องชีวิตประจำวัน เช่นสั่งโต๊ะเก้าอี้ จองตั๋วหนัง หางานพิเศษทำ สมัครฟิตเนส ศัพท์จะไม่ยากเท่าไหร่
Part 2: 1 คนพูดเกี่ยวกับเรื่องประจำวัน จะยาวขึ้นมาหน่อย เช่นการแนะนำการทำงานพิเศษ พาชมสถานที่ หรืออื่น ๆ
Part 3: 2 คนคุยกันเรื่องวิชาการ เช่น เตรียมการนำเสนอ topic, ถามเวลาเรียนวิชาในมหาลัย ศัพท์จะค่อนข้างทางการขึ้นมา มีศัพท์เฉพาะด้านเยอะขึ้น
Part 4: 1 คนพูดเนื้อหาวิชาการ อันนี้จะยากสุดละ เช่น Lecture เรื่องนั่นนี่ ถ้าเป็นเรื่องที่เราถนัดอยู่แล้วก็จะโอเค แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เราไม่คุ้นก็อาจจะยากหน่อย อย่างเราได้เรื่องกบทะเลทรายงี้ 55
การเตรียมตัวส่วนนี้ก็ฟังเลยจ้า ฟังให้เยอะ ๆ ฟังจากหลาย ๆ source จะได้ชินสำเนียงหลาย ๆ แบบ รวมถึงต้องหัดดูศัพท์เฉพาะทางอื่น ๆ ด้วย เช่นศัพท์เกี่ยวกับธรรมชาติ การแพทย์ การศึกษางี้ อย่างเราตกม้าตายตอนฟังมันสั่งโต๊ะ ได้ยินชัด ๆ ว่าเอาสีบีช แต่เขียนไม่เป็นว่ะ เขียนยังไงวะ (สรุปเขียนแบบนี้ - Beech) เพราะงั้น ฟังออกก็ต้องเขียนเป็นด้วย 55+
การฟังเราฟังจากหนังสือที่ซื้อมาจะมีซีดีแถมให้ด้วย แล้วก็ในอินเตอร์เน็ต ในยูทูปจะมีของฟรีดี ๆ มากมาย ลองดูแล้วก็ลองฝึกได้จ้า
เราเป็นพวกสมาธิสั้น มีปัญหามากคือชอบจิตหลุด เวลาฟัง ๆ อยู่เช่น กระเป๋าตังค์หาย ตำรวจถามว่าเงินในกระเป๋ามีเท่าไหร่ พอมันตอบนี่ก็จะใจลอยไปว่ามันอาจจะโกหกก็ได้ จริง ๆ อาจจะมีน้อยกว่านี้ หรือโทรไปสั่งเฟอร์นิเจอร์ เอาโต๊ะไม้ทอปสีขาว เราก็จะคิดว่ามันจะเข้ากันเหรอวะ แล้วกลับมาอีกทีคือข้ามคำถามไปแล้ว 55+ อันนี้ก็คือต้องฝึกสมาธิให้ตัวเองแหละ
Trick ทำข้อสอบ
- พอเปิดข้อสอบได้ก็อ่านคำถามก่อนเลย ว่าเขาอยากให้เราเติมอะไรลงไป เช่น ถ้ามี am ต่อท้ายก็ต้องรู้ว่าต้องฟังตัวเลขบอกเวลา หรือถ้ามีคำว่า Color.... ก็ต้องตั้งใจฟังชื่อสี (แต่ระวัง อย่าเขียนตัวแรกที่ได้ยิน มันชอบหลายใจแบบ สีนี้ เอ๊ะๆๆๆ สีนี้ดีกว่า งี้)
- บางทีข้อสอบใช้การ paraphrase คือการแปลงคำ เช่น เชาอาจพูดคำว่า sport complex แต่ในกระดาษคำตอบเป็นคำว่า gym ถ้าเราไปมัวโฟกัสคำว่ายิมอย่างเดียวเราอาจจะพลาด
- ข้อสอบ listening จะเรียงตามลำดับ ถ้าฟังไม่ทันข้ามเลย ไปฟังข้อต่อไป อย่าไปจม อย่าไปเสียดาย ตัดใจให้เร็ว #ความรักก็เช่นกัน
- อ่านโจทย์ด้วยว่าเขาให้เติมกี่คำ เช่น เขาเขียนว่า 1 word ก็อย่าไปเติม Time: Sunday morning ก็ตอบแค่ Morning ไป
- อันไหนไม่แน่ใจหรือฟังไม่ทัน ให้เขียนตัวอักษรตัวแรกย่อ ๆ ไว้ ถ้ามีเวลาตอนท้ายมาเดาๆ เอาได้ เช่น มันถามว่าจะลงวิชาอะไร เราสะกดไม่ค่อยถูกก็จะเขียนไว้ว่า M หรือ Math ถ้ามีเวลาค่อยมาเติมเป็น Mathematics ถ้าเรามัวไปนึกว่ามันสะกดถูกมั้ยเราจะพลาดข้อต่อไปอะ
- เขียน ลาย มือ ให้ อ่าน ง่าย
- บางตำราบอกให้เขียนตัวพิมพ์ใหญ่หมดเลย จะได้ไม่มีปัญหาในการสะกดคำ ซึ่งเราก็เขียนแบบนี้นะ
สรุป สำหรับ listening สมาธิเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด พยายามศึกษาคำศัพท์เอาไว้เยอะ ๆ
สำหรับ Part นี้เราได้ Band 7.5 จ้า
คะแนนไม่เยอะไม่น้อย ก็พอ ๆ กับที่คิดไว้ เพราะตอนที่ซ้อมทำข้อสอบก็ได้ช่วงคะแนนตั้งแต่ 28-36/40 คะแนน
เขียนไปเขียนมาก็ยาวเนอะ เดี๋ยว Part อื่นมาต่อวันหลังละกัน
ใครมีอะไรทิ้งคำถามไว้ได้ ถ้าเราตอบได้จะตอบให้จ้า (แต่จริง ๆ ก็คงตอบไม่ได้หรอกเพราะไม่โปร 555+) หรืออ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไง comment ไว้เป็นกำลังใจจะขอบคุณมากค่า <3
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in