- สมัครเรียน fellowship (ถ้าใครไม่ใช่สายแพทย์ คือจะอธิบายก่อนว่า พอเรียนแพทย์จบ 6 ปี บางคนก็ไปเป้นแพทย์ใช้ทุน บางคนก็เรียนต่อ คนที่เรียนต่อเรียกว่า resident ซึ่ง resident จะเรียนกี่ปีขึ้นกับสาขา ส่วนใหญ่ประมาณ 3-6 ปี หลังจากจบ resident จะกลายเป็นแพทย์เฉพาะทางหรือ specialist และถ้าเรียนต่อเป้นแพทย์เฉพาะทางต่อยอดก็จะเรียนอีก 1-2 ปี จะเรียกว่า Fellowship) ที่ canada, US, Aus สมัครไปประมาณ 8 ที่
- แคนาดา ปีแรกบอกว่ามีคนแล้ว ให้ติดต่อกลับมาใหม่ ที่เมกาหายไปเลย ถถถ
- ที่ AUS จะเอา IELTS 7.0 all area ซึ่งไม่ได้โว้ยยย ยากไป๊ เราได้แค่ 7.0 Overall Writing กับ Speaking ได้น้อย (เดี๋ยวว่าง ๆ จะเขียนเรื่อง IELTS อะ)
*TIPS เตรียมภาษาอังกฤษให้พร้อมจาาาา สำคัญเสมอ
- ปีนี้เลยติดต่อไปที่เดิม
- ได้ติดต่อกับ อ.J อ.เลยแนะนำ ว่ามีที่นึงเพิ่งเปิดรับสมัคร fellowship ปีนี้ เลยลองสมัครไป
- ส่ง mail ไปวันเดียว เขาตอบกลับเลย ตกใจเว่อออออ
- คุยเมลกันไปมา ประมาณวีคนึงเขาก็นัดดูตัว แอร๊ยยยย
- นัด 9.00 am eastern standard time พฤหัส ถึงกับ google ดูเลยนะว่าคือเวลาที่เราเข้าใจ (คือสามทุ่มบ้านเรา)มั้ยนะ 555
*TIPS ถ้าไม่ได้มีธุระคอขาดบาดตาย กรุณาเคลียร์คิวให้เขาเถอะ แสดงถึงความตั้งใจจริงในการเรียนต่อของเราด้วย อย่าไปอิ๊อ๊ะเพราะคิดว่าเป็นแค่การสัภาษณ์ online จงยก priority ให้เหมือนการสัมภาษณ์แบบเจอตัวเสมอ
- แต่งหน้าทำผมทั้งที่ไม่เคยทำเลยเน่อ แต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดรองเท้า ทั้งที่จริงๆ ก็สัมภาษณ์เห็นแค่หน้าอะเนาะ แต่ก็เผื่อไว้ก่อน ไม่เสียหาย ตอนแรกก็คิดนะว่าต้องแต่งเต็มประมาณไหน เขาจะถามมั้ยว่าสามทุ่มแล้วทำไมยูยังแต่งเต็มขนาดนี้ 55 แต่เขาไม่ถามอะแก แต่ง ๆ ไปเถอะ ให้เขาเห็นว่าเราตั้งใจนะ
*TIPS เสื้อผ้าหน้าผมการแต่งตัวควรจะทางการ เรียบร้อย แม้เป็นการสัมภาษณ์ทาง skype ที่เห็นครึ่งตัวก็ตาม เผื่อแกจำเป็นต้องลุกไปหยิบนั่นนี่ ให้เขาเห็นเสื้อลอยชายหรือรองเท้าแตะก็ไม่งามเด้อ
- เลือกที่ในการสัมภาษณ์ ตอนแรกเราจะไปสัมภาษณ์ที่ห้องพักภาควิชา แต่มี อจ คนอื่นอยู่ อินี่ก็เขินไง้ ยังไม่กล้าบอกว่ามาสัมภาษณ์ เลยย้าย 55 มาใช้ห้องประชุมเล็กแทน แปะป้ายว่ากำลังใช้ห้อง ห้ามรบกวน ล็อคห้องพร้อม (จริง ๆ กลางคืนก็ไม่มีคนใช้หรอก แต่เผื่อแม่บ้งแม่บ้านเห็นไฟเปิดแล้วนึกสงสัยจะเปิดเข้ามาดูงี้ เพื่อกันความเหวอควรป้องกันไว้ก่อน)
*TIPS ควรเป็นที่ที่เน็ตเร็ว แรง ไม่ควร lag เงียบ สงบ ไม่มีคนบุกมาจับตัวประกันระหว่างสัมภาษณ์ แสงสว่างเพียงพอ สะอาดเรียบร้อยเป็นระเบียบ ถ้าล็อคห้องได้ควรจะล็อคซะ เลือกมุมที่ด้านหลังไม่มีรูปภาพหรืออื่น ๆ ที่จะดึงความสนใจ ให้เราเด่นที่สุดคนเดียวเท่านั้น อย่าลืมเปิดแอป Skype เช็คกล้อง (เข้าไปที่ setting กดตรง camera) และไมค์ (มีให้อัดเสียงตัวเองแล้วมันจะ playback มาให้ อยู่ตรง contact เลย แนะนำให้ใช้หูฟังจะดีกว่าลำโพง) ก่อน หามุมกล้องสวยๆ ที่ดูไม่มีเหนียง 5555
- 21.00 ใจสั่นตุบ ๆ ...
21.00 เงียบ
21.01 เงียบ
เฮ้ย เฮ้ย นี่ถึงกับกลับไปเปิด email เช็คอีกทีว่าถูกแน่นะ วันเวลา นอยด์เลยผ่านไปนาทีนึง เฮ้ยมันก็ถูกนะเว้ย
21.02 prof. ส่งสติกเกอร์โบกมือมา ว้ายยยยยยย
นี่เลยส่งกลับไปพร้อมบอกว่า "Good morning Dr...."
แล้วเขาก็ start video call มาเลยจ้า
ของเราจะเป็นแนวชวนคุย สัมภาษณ์พอเป็นพิธีเฉย ๆ ไม่ได้มีถามอะไรลองเชิงเลยแม้แต่น้อย ถามแนวว่า คณะสนับสนุนทุนให้เท่าไหร่ ไปแล้วอยากทำอะไรบ้าง มีผู้ติดตามไปด้วยมั้ย (ไม่ค่ะ ..I'm single มาก ๆ) ชื่อเราออกเสียงยังไงนะ บลาบลาบลา พอเขาพูดถึงวีซ่าเราก็รีบปิดการขายด้วยว่า เอ อิฉันว่า ถ้าจะขอวีซ่าน่าจะต้องมี invitation letter จากสถาบันคุณน้าาาา เขาก็บอกว่า ได้ๆ เดี๋ยวจะรีบทำให้วันนี้แหละ ฮัดช่าาา เรียบร้อย 55 แอบดีใจได้นิดนึง เขาแอบชมด้วยว่า Surprise นะที่ภาษาอังกฤษเราดีมาก ๆ อย่างนี้น่าจะไปอยู่ที่นั่นได้โดยไม่ลำบาก แต่อากาศมันหนาว ยูต้องเตรียมตัวนะ เคร ก็ดีใจได้นิดนึงละว่าโอเค น่าจะได้ไปชัวร์ๆ เนาะ
คือเราแบบแต่งเต็มมากแก แต่ prof เขาคือชิล ๆ อยู่บ้าน มีคนมาเคาะประตูบ้านงี้ 55 สัมภาษณ์อยู่ประมาณ 20 นาทีก็เรียบร้อยละ
*TIPS ของสาขาอื่นเราไม่รู้น้า แต่ถ้าทางการแพทย์ เราแนะนำให้เตรียมข้อมูลพวกนี้ไปด้วยเผื่อโดนถาม หรือเราอาจแทรก ๆ ในบทสนทนาด้วยให้เขารู้สึกว่าเรารู้จริง
- U ที่เราสมัคร ว่าเขาเด่นด้านไหน มีผลงานอะไรสำคัญ ๆ บ้าง ทำไมเราถึงอยากไปที่นั่น มี Prof ที่มีชื่อเสียงเป็นใครบ้างมั้ย
- สาขาที่เราสมัคร เด่นมั้ยที่นั่น มีผลงานอะไรหรือใครที่เด่น ๆ บ้าง (เขาอาจจะถามว่าทำไมมาสมัครที่นี่ล่ะ อะไรประมาณนี้)
- ถ้ารู้ว่าใครจะสัมภาษณ์เรา ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาไว้ด้วย เดี๋ยวนี้ข้อมูลมัน public มาก ควรอ่าน paper ด้วยว่าเขาทำหรือสนใจเกี่ยวกับเรื่องไหน อย่าง prof เรา publish 39 paper เราก็ไล่อ่าน conclusion จนหมด แต่ไม่โดนถามเลย 555
- ข้อมูลเกี่ยวกับทุน ทุนที่เราได้ cover อะไรบ้าง กี่ปี กี่บาท (อาจ convert เป็นหน่วยของประเทศเขาเลยเผื่อเวลาเขาถามจะได้ตอบได้)
- ศึกษาข้อมูล curriculum ของเขาไว้ก่อนถ้ามี หรืออิงจากสถาบันอื่น เผื่อเขาถามว่าเราอยากทำอะไรบ้าง จะได้ไม่ดู blank จนเกินไป
- ส่วนข้อมูลอื่น ๆ พวกคุณเป็นใคร ทำอะไรมาบ้าง ทำไมสนใจ attitude อะไรงี้ขอไม่พูดถึง เพราะเป็นพื้นฐานที่ต้องเตรียมอยู่แล้วนาจา
ของเราพอคุยเรียบร้อย เขาก็ email curriculum มาให้และบอกว่ากำลังทำเรื่อง invitation letter ให้อยู่นะจ๊ะ อันนี้ก็เป็นอันเรียบร้อย รอ Chapter ต่อไปกันจ้า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in