เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#Firthgrantsean and his nightmares
one more minute | เหงาเท่าอวกาศ
  • Title: one more minute | เหงาเท่าอวกาศ

    Author:  Sean

    Pairing: Mark Darcy x Daniel Cleaver

    Rating: No Rate


    ติชม คอมเมนท์เป็นกำลังใจได้ที่ #seanfic ฮะ
     




     


     

    หิมะยังไม่หยุดตก – ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ .. เห็นได้ชัดจากเกล็ดหิมะเล็กจิ๋วที่ค่อยๆหย่อนตัวลงบนปลายจมูกที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อเนื่องจากการถูกขยี้อยู่บ่อยครั้ง จนดูขัดกันกับผิวสีขาวของเขาเมื่ออยู่ท่ามกลางอากาศที่ติดลบหลายองศา

     

    ริมฝีปากโผล่พ้นขอบของผ้าพันคอหนาที่พันอยู่หลายชั้นเริ่มขยับเป่าลมเบาๆลงบนอุ้งมือของตน สลับกับการถูมือไปมาเพื่อให้ความอบอุ่นของร่างกาย .. เช่นเดียวกันกับเท้าทั้งสองข้างที่สาวเดินไปข้างหน้า ที่ในตอนแรกมันไร้จุดมุ่งหมาย แต่ในตอนนี้เขาเลือกที่จะพักพิง ณ ร้านกาแฟหนึ่งตรงหัวมุมถนนนั้น

     

    ถ้าไม่อร่อยอย่างน้อยข้างในร้านก็น่าจะอุ่นล่ะวะ..

     

     


    ดวงตาสีฟ้ากลมโตที่แม้แต่ริ้วรอยแห่งกาลเวลาก็ไม่สามารถบดบังได้กำลังมองเข้าไปภายในตัวร้านที่เขากำลังหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า มีเพียงแค่ประตูกระจกบางๆเท่านั้นที่คั่นกลางอยู่

     

    เขาใช้แขนท่อนล่างและหัวไหล่ดันตัวกระจกเข้าไป แทนที่จะใช้ฝ่ามือในการสัมผัสราวจับของประตู แหงสิ.. อากาศหนาวแบบนี้ สัตว์เลือดอุ่นอย่างเขาคงไม่ค่อยถูกกันกับวัสดุจำพวกโลหะสักเท่าไหร่หรอก

     


     

    ขอโทษนะคะคุณลูกค้า..” เธอ – ที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นพนักงานกำลังยุ่งอยู่กับการจัดของในร้านหลังเคาท์เตอร์ ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะหันมาทักทายลูกค้าที่คาดว่าจะเป็นคนสุดท้ายในร้านของเธอเลย ตอนนี้ร้านเราปิดแล้วค่ะ

     

     

    ผมรบกวนไม่นานหรอกน่า.. แค่กาแฟร้อนๆสักแก้วก็ยังดีเขาไม่ได้สนใจคำพูดของเธอเท่าไหร่นัก อาจคงเป็นเพราะมันคือเอกลักษณ์ของเขาอย่างไรไม่อาจรู้ได้ แต่ที่รู้เท่าถึงกันความหัวรั้นของเขาคือที่หนึ่ง

     

    ว่าอย่างนั้นแล้วเขาก็ค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าเคาท์เตอร์บาร์ ขยับเก้าอี้อีกตัวข้างๆกันให้อยู่ในระยะห่างที่สะดวกต่อการลุกขึ้นหรือนั่งลงของเขาในครั้งต่อไป

     

     

    ดวงตาสีฟ้าคู่เดิมนั้นกำลังสอดส่องความเป็นไปของอีกคนหนึ่งที่กำลังเช็ด และเช็กเครื่องชงกาแฟที่เพิ่งผ่านสมรภูมิรบแห่งการทำงานหนักมาหมาดๆไม่ต่างจากเธอ — มีเพียงแค่บั้นท้ายของเธอเท่านั้นที่ขยับไปมาเป็นการทักทายเขา

     

    ใจคุณจะทักทายผมด้วยการหันหลังแบบนั้นจริงๆเหรอ” สาบานกับพระเจ้าได้เลยว่าสายตาของเขาไม่ได้โฟกัสที่แผ่นหลังของหล่อนอย่างที่ปากกำลังพูดอยู่แน่นอน ปลายลิ้นไล้เลียริมฝีปากของตัวเองอย่างลืมตัวตามฉบับนิสัยทะลึ่งทะเล้นอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา

     

    แต่แล้วริมฝีปากก็รีบเม้มแน่นในจังหวะที่เธอหันหลังกลับมา – แม้จะรู้ตัวว่าโดนแทะโลมไปแล้วด้วยสายตาคู่นั้น แต่เธอก็ปั้นหน้ายิ้มสมกับเป็นพนักงานต้อนรับประจำร้านกาแฟร้านนี้

     


    ต้องโทษด้วยนะคะ พอดีว่าร้านเราปิดแล้ว..เธอยิ้มพร้อมกับกระตุกดึงปมเชือกของผ้ากันเปื้อนที่ผูกอยู่รอบเอวของเธอออก

     

    แต่ผมเห็นว่าป้ายหน้าร้านบอกว่ายังเปิดอยู่นะ” เขาเอี้ยวตัวเล็กน้อยเพื่อหันกลับไปมองป้ายเล็กที่ห้อยอยู่บนประตูกระจกตรงนั้นเพื่อหาหลักฐานยืนยันในสิ่งที่เขาพูด ซึ่งมันเป็นความจริงทุกประการ –รอยยิ้มบนมุมปากกระตุกเล็กน้อย เมื่อหญิงสาวตรงหน้าเลือกคำที่จะปฏิเสธเขาไม่ได้

     


    แต่— ที่หน้าร้านก็เขียนไว้นี่คะว่าเปิดแปดโมงเช้าถึงสี่ทุ่ม และตอนนี้..เธอแสร้งทำเป็นยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ..ก็ห้าทุ่มแล้วด้วยสิ

     

     

    ถ้าคุณทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟนั่นแล้ว..”เขาชี้ไปยังเครื่องชงกาแฟที่อยู่ข้างหลังเธอแล้วกลับมากุมมือประสานกันไว้ใต้คาง ผมดื่มกาแฟชงแบบธรรมดาก็ได้นะ


    แค่น้ำร้อนกับกาแฟซอง เขาเอียงใบหน้าเล็กน้อย และหรี่ตาลง มันคงไม่ได้ยากเกินความสามารถของคุณใช่ไหมครับ

     


    เธอมองเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม, เม้มริมฝีปากแน่น เอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มคลี่ยิ้มบาง “งั้นคุณคงต้องถามเจ้าของร้านเขาแล้วล่ะค่ะ..” 


    เจ้าหล่อนพยักเพยิดหน้าไปยังด้านหลังของเขาที่อยู่ตรงหน้า

     

     


    เสียงกระดิ่งบนขอบประตูเป็นคำทักทายแรกของผู้มาใหม่ .. เขาใช้แขนท่อนล่างดันกระจกประตูเข้ามาแทนฝ่ามือข้างหนึ่งที่ถือกระเป๋าเอกสารสีดำ และมืออีกข้างหนึ่งที่กำลังวางโทรศัพท์มือถือแนบไว้กับหัวไหล่ของตัวเอง

     


    ตอนนี้ผมแวะเข้ามาที่ร้าน..” เพราะคนเรามีแค่สองมือ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เพียงแค่ครั้งละสองอย่างเขาใช้มือข้างที่เพิ่งว่างหมุนกลับป้ายเล็กที่ห้อยอยู่บนกระจก ใช่.. ผมเพิ่งเลิกงาน – ว่าไงครับ วิลเลี่ยมลูกพ่อ – อยากเฟสไทม์เหรอ .. แปบหนึ่งนะครับ

     

    ทันทีที่เขากดสัมผัสหน้าจอและยกมือถือขึ้นให้พอดีกับการมองเห็นทั้งคู่สนทนาและตนเอง เสียงเล็กๆของเด็กชายก็แทรกออกมาจากลำโพงของโทรศัพท์มือถือ

     

    ป่ะป๊าจากลับบ้านตอนไหนฮะ” บนหน้าจอเต็มไปด้วยใบหน้าของเด็กชายตัวเล็กที่แก้มทั้งสองข้างดูกลมย้วยจนน่าหมั่นเขี้ยว แถมยังมีสีฝาดเลือดดูมีชีวิตชีวา

     

    คงอีกสักพักครับลูกตอนนี้พ่อเข้ามาเอาบัญชีที่ร้านอยู่” ตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

     

    ถามป่ะป๊าซิว่าวันนี้วันอะไร เสียงผู้หญิงอีกหนึ่งเสียงแทรกเข้ามาในสาย

     

    ป่ะป๊าฮะวันนี้วันอาราย เด็กชายเล่นกล้องด้วยการใช้นิ้วจิ้มหน้าจอไปมา เพราะคิดว่าตนกำลังได้คุยกับพ่อของตัวเองอย่างใกล้ชิด และได้หยอกล้อเขาด้วยการจิ้มบนใบหน้าอย่างที่ปกติเคยเล่นกัน

     

    ผู้เป็นพ่อหัวเราะกับความไร้เดียงสาของลูก ก่อนจะแกล้งทำเป็นร้องโอดโอยเมื่อลูกชายจิ้มหน้าจอแถวๆบริเวณดวงตาของเขา โอ้ย.. วันอะไรน้า”

     

    ม่าม้าฮะป่ะป๊าตอบม่ายล่ายได้ทีเด็กชายก็หันไปฟ้องผู้หญิงที่เขาเรียกว่าแม่ ก่อนที่ภาพบนหน้าจอจะเปลี่ยนจากลูกชายตัวเล็กเป็นภาพของผู้หญิงที่อยู่ข้างๆกัน

     

    คุณลืมจริงๆเหรอมาร์ค เธอถามเสียงนิ่งพอๆกับใบหน้า

     

    เขาเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ส่งยิ้มเอาใจก่อนจะเอ่ยตอบ คุณเชื่อจริงๆหรือไงบริดเจ็ท .. ผมก็บอกแล้วว่าวันนี้จะรีบเคลียร์งานให้เสร็จ แล้วกลับไปให้ทันเคาท์ดาวน์พร้อมคุณกับลูก

     

    ฉันก็รู้อยู่แล้วแต่แกล้งถามไปแบบนั้นนั่นแหละ

     

    คุณนี่จริงๆเลย” เขาขมวดคิ้วทำเป็นดุเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยิ้มกว้าง เดี๋ยวผมจะรีบกลับไปนะ – แต่เดี๋ยวขอคุยกับวิลเลี่ยมก่อนวางหน่อยสิ

     

    วิลเลี่ยมครับ?”

     

    ฮะ ป่ะป๊า..” กลับมาเป็นภาพที่เต็มไปด้วยแก้มอูมๆของเด็กชายตัวเล็ก ภาพที่ทำให้มาร์คยิ้มทุกครั้งที่ได้เห็น

     

    เดี๋ยวป่ะป๊าจะรีบกลับไปหานะครับลูกรัก เขายิ้ม

     

    เด็กชายพยักหน้าหงึก ฮับป่ะป๊า ผมจะรอป่ะป๊าน้า”

     

    บ้าย-บายป่ะป๊าหน่อยเร็ว

     

    บ้าย-บายฮะป่ะป๊า ฝ่ามือป้อมๆกางออกและโบกไปมาหน้ากล้อง พร้อมกับส่งจูบเล็กๆให้กับผู้เป็นพ่อที่ยิ้มแทบจะไม่หุบแล้วในตอนนี้

     

    บ้าย-บายครับลูกรัก” เขาโบกมือให้ลูกชายบ้าง ก่อนจะกดปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือ และใส่มันลงในกระเป๋าด้านในของเสื้อโค้ทตัวยาวของเขาเช่นเคย

     

     


    บรรยากาศภายในร้านเงียบลงทันทีที่บทสนทนาบนโทรศัพท์ระหว่างพ่อและลูกของผู้มาใหม่จบลง แต่ไม่นานบรรยากาศนั้นก็ถูกทดแทนด้วยเสียงของบุคคลหนึ่งที่นั่งอยู่ก่อนหน้า

     


    แหม่.. ครอบครัวอบอุ่นจังเขาที่นั่งอยู่หน้าเคาท์เตอร์เริ่มพูดขึ้นบ้างหลังจากเงียบฟังบทสนทนาของพ่อ-ลูกตรงนั้นตั้งแต่เริ่มต้นยกยิ้มขึ้นบนมุมปาก ไม่ได้หวังว่าอีกฝ่ายจะเห็นรอยยิ้มนั้น เพราะเขาไม่ได้แม้แต่จะหันหลังกับไปหาผู้ฟัง ไม่ได้อยากจะเสียมารยาทแอบฟังหรอกนะแต่พอดีมันเข้าหู ช่วยไม่ได้จริงๆ

     

    “คุณผู้หญิงคนนั้นต้องโชคดีมากแน่ๆที่มีสามีและพ่อของลูกที่น่ารักขนาดนี้” เขาค่อยๆหมุนตัวหันหลังกลับไปมองชายอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ใช่ไหม .. มาร์ค ฟิตซ์วิลเลี่ยม ดาร์ซี่

     

     

    คลีเวอร์...

     

    และไม่ว่านานแค่ไหนมาร์ค ดาร์ซี่ก็ยังคงเป็นมาร์ค ดาร์ซี่คนเดิม .. ทั้งการแต่งกาย การพูดจา กิริยาและท่าทาง ที่แดเนียล คลีเวอร์จำได้ทุกอย่าง

     

    นายมาทำอะไรที่นี่

     

     

    แล้วทำไมฉันจะมาไม่ได้ล่ะ ไม่ได้มีป้ายห้ามเข้าสักหน่อย

     

     

    แต่ป้ายหน้าร้านบอกว่าปิดแล้วเพราะฉะนั้น.. เชิญ

     

     

    ฉันรู้แล้วว่าเธอได้นิสัยเสียไล่ลูกค้ามาจากใคร” แดเนียล คลีเวอร์มุ่ยหน้าแล้วหันกลับไปมองพนักงานหญิงประจำร้านที่ยืนอยู่ด้านหลังของเคาท์เตอร์ ก่อนจะหันกลับมาแสร้งทำคิ้วลู่ เบะปาก เหมือนคนจะร้องไห้ หรือที่เรียกว่าทำหน้าหมาน้อยตาแป๋ว ฉันแค่แวะมาหาเพื่อนเก่า ไม่ได้หรือไง

     

     

    เธอ..” มาร์คดูอารมณ์เสียขึ้นทันตาเห็น เมื่อถูกกวนประสาทโดยคนที่อยู่ตรงหน้าเขาทำเป็นมองข้ามหัวแดเนียล และพูดกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้น วันนี้เลิกงานเลยนะ เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง – เหลือแค่เช็กบัญชีใช่ไหม

     

     

    ใช่ค่ะ” เธอเอ่ยตอบ

     

     

    โอเค..งั้นกลับบ้านได้เลย ฉันจะบวกโบนัสสิ้นปีและโอนเข้าบัญชีให้มาร์คเดินเข้าไปยืนอยู่หลังเคาท์เตอร์ถัดจากเธอเข้าไปข้างใน ก่อนจะวางกระเป๋าเอกสารลงบนเคาท์เตอร์

     

     

    หล่อนพยักหน้าเล็กน้อย โค้งตัวให้กับเขา และอ้อมไปทางด้านหลังเพื่อพาดผ้ากันเปื้อนไว้กับราวแขวนที่ติดอยู่บนขอบโต๊ะ เป็นอันสิ้นสุดหน้าที่ของเธอในวันนี้ แต่..

     

     

    เรื่องนี้ไม่ต้องบอกบริดเจ็ทนะ” มาร์คหันใบหน้าเล็กน้อยเพื่อให้เธอได้รู้ว่าเขากำลังคุยเธออยู่ เข้าใจใช่ไหมว่าฉันหมายถึงอะไร

     

     

    ค่ะ ผู้จัดการเธอค้อมหัวเล็กน้อยเป็นการตอบตกลงและบอกลาในขณะเดียวกัน

     

     


    บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเมื่อทั้งร้านเหลือเพียงแค่มาร์คและแดเนียล มันไม่ได้ดูอึดอัดมากนัก  เพราะนี่ไม่ใช่การปรากฏตัวครั้งแรกของแดเนียล คลีเวอร์ ที่มาพร้อมกับความยียวนกวนประสาทแบบนี้ แต่ก็ยังทำให้ดาร์ซี่รู้สึกประหลาดใจกับการกลับมาของคลีเวอร์อยู่ดี

     

     

    ไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้..” มาร์คถอดเสื้อโค้ทของเขาออก พร้อมกับพาดมันไว้กับเคาท์เตอร์ตรงหน้า แต่ดีใจด้วยนะที่ยังไม่ตาย

     

     

    ฉันก็เสียใจเหมือนกันที่ความฝันของนายมันไม่เป็นจริง แดเนียลวางแขนซ้อนทับกันบนโต๊ะเคาท์เตอร์ ก่อนจะค่อยๆเอนตัววางคางลงบนแขนของตัวเอง – เบะปากคว่ำเล็กน้อย พยายามแสดงความเสียใจกับคนตรงหน้า แต่มันกลับดูกวนประสาทเสียมากกว่า

     

     

    นั่นฉันก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ เป็นเพราะความยียวนของแดเนียลบังคับให้มาร์คตอบไปแบบนั้น ทั้งๆที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้รู้สึกยินดีเท่าไหร่นักถึงขั้นเสียน้ำตาจากการเสียใจเลยก็ว่าได้

     

     

    เจ็บอยู่นะเนี่ย..” แดเนียลขยับยืดตัวขึ้นนั่งตรง ก่อนจะลุกขึ้นยืน “..ที่นายตอบมาแบบนั้นน่ะ

     

     

    นั่งอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวฉันทำให้ ไม่พูดเปล่า มาร์คหันหลังให้กับแดเนียลทันที โชคดีที่กาต้มน้ำร้อนยังคงร้อนอยู่ .. ชายที่ยืนอยู่หลังเคาท์เตอร์จึงเอื้อมแขนเปิดตู้เก็บของ และหยิบถ้วยกาแฟที่อยู่ข้างในออกมาสองใบ เขาวางถ้วยกาแฟลงตรงนั้นข้างๆกันกับกาต้มน้ำร้อน ก่อนจะหยิบกาแฟซองที่จัดวางอยู่ในกล่องเทลงในแก้วทั้งสองใบ

     

     

    เป็นถึงเจ้าของร้านทำไมถึงยังชงกาแฟให้เพื่อนดื่มอยู่ล่ะแดเนียลที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้เช่นเดิมตามคำบอกของมาร์คเริ่มพูดอีกครั้ง

     

     

    ร้านนี้ของเพื่อนฉันฉันเป็นแค่หุ้นส่วน” มาร์คยกกาน้ำร้อนขึ้น และเทน้ำร้อนลงในแก้ว แต่ร้านนี้อยู่ใกล้บ้านฉันมากกว่า ฉันเลยอาสาแวะมาดูร้านให้อยู่บ่อยๆ

     

     

    ความหมายของฉันคือ ฉันอยากกินกาแฟฝีมือของนาย

     

     

    มาร์ควางถ้วยกาแฟที่ชงเสร็จเรียบร้อยแล้วลงบนพื้นที่ว่างบนเคาท์เตอร์ข้างหน้าแดเนียล “งั้นก็กินเข้าไปสิ

     

     

    แดเนียลขมวดคิ้ว กวนตีนฉันหรือเปล่า ดาร์ซี่”

     

     

    แล้วมันเรียกว่ากาแฟไหมล่ะ มาร์คใช้มือข้างหนึ่งค้ำเอวของตัวเอง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ

     

     

    ....ไอ้เวร เถียงคำไม่ตกฟาก” ขมุบขมิบปากด่า แต่สุดท้ายก็ยอมยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มบ้าง แต่ก่อนที่จะวางถ้วยลงนั้น มือที่ถืออยู่กลับค้างกลางอากาศ จำได้ด้วยเหรอว่าฉันชอบใส่กาแฟสองช้อนครึ่ง”

     

     

    อืม..” คนที่ถูกตั้งคำถามเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ทำเป็นยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม เพื่อที่จะเบนสายตาไปอีกฝั่งทางหนึ่ง “..จำได้สิ

     

     


    ไอความร้อนของกาแฟถ้วยเล็กล่องลอยอยู่เหนือผิวน้ำ 

    แต่กลิ่นหอมของกาแฟถ้วยเล็กในมือกลับทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถที่จะเงยหน้า 

    และละริมฝีปากจากถ้วยกาแฟนั้นได้เลย

     

    คงเป็นรสชาติหรือกลิ่นหอมกรุ่นที่ใช้เป็นข้ออ้าง เพราะหากถ้วยที่อยู่ในมือถูกวางลง

    คงไม่มีที่อื่นให้ซ่อนความรู้สึกบนใบหน้าอีกต่อไปแล้ว

     


     

    เสียงกระแอมคอดังออกมาเล็กน้อยจากคนที่นั่งอยู่เพื่อกลบเกลื่อนบรรยากาศ แดเนียลเสสายตามองไปทางอื่น ก่อนจะวางถ้วยกาแฟลงกับพื้นเคาท์เตอร์ และใช้ปลายนิ้วทั้งห้าจับขอบปากถ้วย หมุนมันเป็นรูปวงกลมไปเรื่อยๆ

     

    ใช่..เขาไม่มีอะไรให้ทำแล้ว เลยเก็บกาแฟครึ่งค่อนแก้วไว้เป็นข้ออ้างครั้งต่อไป

     

     

    แล้วนาย..แดเนียลกระแอมคออีกครั้ง ก่อนจะยกกาแฟที่เหลือขึ้นดื่มให้หมดภายในทีเดียว อาศัยจังหวะนี้ที่จะมองใบหน้าของมาร์คอีกครั้ง “..แต่งกับบริดเจ็ทแล้วเหรอดาร์ซ

     

    ทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจ แต่เขาก็ยังอยากจะได้ยินจากปากของคนตรงหน้าเองเสียมากกว่า

     

     

    มาร์คไม่ได้ตอบอะไรเพราะรู้อยู่แล้วว่าแดเนียลคงแค่ถามไปอย่างนั้น – เขายกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มโดยใช้มือขวา ส่วนมือซ้ายก็ชูขึ้นให้พอดีกับสายตาของคนที่นั่งอยู่ นิ้วทั้งสี่เรียงชิดติดกัน และบนนิ้วนางของเขานั้นสวมแหวนเรียบๆสีทองอยู่

     

     

    อู้ว.. แต่งจริงว่ะ” แดเนียลเลิกคิ้วทำตาโต ส่วนริมฝีปากก็ขยับเป็นรูปตัวโอ แสดงความยินดีด้วยโอลด์เฟรนด์ สุดท้ายก็แต่งกันจริงๆสินะ เธอกับนายน่ะ..

     

     

    ขอบใจ

     

     

    อ่าฮะ..แดเนียลยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบรับเสียงเบาในลำคอ – เขาพยายามจะที่สบตากับมาร์คอีกครั้งแต่ความพยายามนั้นคงไม่ค่อยเป็นผลเสียเท่าไหร่นัก

     

    แต่ว่านะ..

     

    ที่ฉันบอกว่ายินดี..”แดเนียลใช้ปลายนิ้วโป้งเช็ดกาแฟที่เปื้อนตามรอยริมฝีปากบนขอบถ้วยออกช้าๆ สายตาจับจ้องเพียงแต่การเคลื่อนไหวของนิ้วมือตัวเอง ก่อนจะค่อยๆเลื่อนสายตาขึ้นมองอดีตเพื่อนรักที่ยืนอยู่ตรงหน้า ..ฉันพูดจริงๆนะดาร์ซ

     

     

    คลีฟ..” มาร์ควางถ้วยกาแฟลงข้างๆ ใช้สองแขนค้ำลงบนพื้นที่ว่างด้านหลังเคาท์เตอร์ เพื่อที่จะได้มองอีกฝ่ายได้ใกล้มากขึ้นกว่าเดิม นายยังไม่ลืมเรื่องของเราใช่ไหม

     

    เราคุยเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่หรือไง

     

     

    คนที่นั่งอยู่เริ่มส่ายหัวไปมาพร้อมกับหัวเราะ เขายังคงหมุนถ้วยกาแฟที่อยู่ในมือ ถึงแม้ตอนนี้มันจะเป็นเพียงแค่ถ้วยเปล่าๆเท่านั้น นั่นสินะ .. ทำไมฉันถึงยังจำมันไว้อยู่ล่ะ

     

     

    เลิกเล่นถ้วยกาแฟบ้านั่นแล้วมองหน้าฉัน แดเนียลมาร์คดึงถ้วยกาแฟที่อยู่ในมือของแดเนียลออกก่อนจะวางลงข้างๆกันกับถ้วยกาแฟที่ว่างเปล่าของเขา ทำไมถึงเพิ่งกลับมาเอาตอนนี้

     

     

    นี่ใช่ไหมที่นายต้องการ” มาร์คตบฝ่ามือลงบนโต๊ะเคาท์เตอร์ ถึงแม้เสียงที่ดังของการกระทำนั้นจะทำให้แดเนียลตกใจอยู่ไม่น้อย แต่เขายังทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว และยังคงใจเย็นอยู่ “ให้ฉันผิดหวัง ให้ฉันจมดิ่ง - พอฉันจะไป ฉันไปไหนก็ไม่ได้ อยู่ที่เดิมก็ไม่ได้ เริ่มต้นใหม่ก็ไม่ได้ .. พอนายตาย สุดท้ายนายก็กลับมาอีก

     

     

    นายอยากต่อยฉันให้หายแค้นไหมล่ะ คราวนี้ฉันจะไม่วิ่งหนีให้เหนื่อยตามแล้วว่าแล้วแดเนียลก็ลุกขึ้น ก่อนจะขยับเข้าชิดกับขอบของเคาท์เตอร์ ยอมยืนหลับตานิ่งๆเป็นสนามอารมณ์ให้กับอีกฝ่าย

     

     

    ถอยไปเหอะ มาร์คผลักไหล่แดเนียลเบาๆ ไม่ใช่เด็กแล้วที่จะมาเล่นกันแบบนี้

     

     

    ทำมาพูด ทั้งที่ทุกครั้งตัวเองเป็นคนเริ่มก่อนตลอด.. แดเนียลไหวไหล่ พร้อมกับบึนปากเล็กน้อย แต่ก็นั่นแหละนะ ฉันถึงเสียใจไงที่ความหวังของนายไม่เป็นจริง


    ถ้าฉันตายไปตั้งแต่เครื่องบินตกคราวนั้น นายก็คงไม่อารมณ์เสียที่ฉันกลับมาแบบนี้

     

     

    ..ฉันแค่ไม่อยากเห็นหน้านาย ไม่ได้หมายความว่าอยากให้นายตาย คลีฟ

     

     

    บ้าจริงดาร์ซ แดเนียลแค่นหัวเราะ นายใช้ไม่ได้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


    นายอยากให้ฉันตายยิ่งกว่าอะไรไม่ใช่เรอะ

     

     

    ถ้าอยากจะคิดแบบนั้นก็แล้วแต่นายเถอะ

     

     

    ไม่โกรธหรือไง ที่ที่ผ่านมาฉันเป็นเสี้ยนเป็นหนามในชีวิตของนายตลอด

     

     

    เป็นนายจะโกรธไหมล่ะ ถ้าวันหนึ่งฉันไปเล่นชู้กับเมียนายที่เพิ่งแต่งงานกันไปได้อาทิตย์เดียว

     

     

    อันนั้นเมียนายเล่นกับฉันเองนะดาร์ซ

     

     

    มันก็ชู้ไหมล่ะ

     

     

    ฉันก็ไม่ได้เถียงสักหน่อยทำไมต้องโกรธด้วย

     

     

    เมื่อกี้นายถามเองว่าฉันโกรธไหม


    ใช่..ฉันโกรธ และโกรธมากๆด้วย – แต่รู้อะไรไหมสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันยังไม่ตัดนายออกจากชีวิตคืออะไร

     

    มันคือความทรงจำไง

     

     

    ว้า.. พูดแบบนี้แล้วเหตุผลของฉันดูดรอปไปเลยว่ะ ดาร์ซแดเนียลใช้สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ที่ตัวเองสวมอยู่ – ปลายเท้าข้างหนึ่งนั้นเปิดขึ้น ส่วนส้นเท้าเองก็หมุนไปมาแก้เก้อ

     

    ฉันน่ะ..เป็นคนหนึ่งที่อยากอยู่ข้างๆนายเสมอ ไม่ว่านานแค่ไหน หรือไม่ว่าอะไรก็ตาม เขาเตะปลายเท้าลงบนพื้น ความทรงจำที่ดีที่สุดของฉันคือนายนั่นแหละ – ที่ไหนก็ได้ที่มีนาย นั่นคือที่สุดแล้ว

     

    แต่ความทรงจำของฉันมันสิ้นสุดตั้งแต่เราเรียนจบ..

    ..ถึงฉันจะชอบนายแค่ไหนสุดท้ายมันก็ต้องจบลงแค่ตรงนั้น

     

    ฉันเลือกที่จะโคจรไปรอบๆนาย พยายามที่จะรักษาระยะห่างเอาไว้

    ถ้าเกิดวันไหนฟ้ามันมืด ฉันก็ภาวนาให้นายได้มองเห็นฉัน

    แต่ไม่มีตอนไหนเลยที่ฉันจะสู้แสงสว่างข้างๆนายได้

     

     

    “..แดเนียล

     

     

    แต่รู้ไหมเพื่อน.. สิ่งที่ฉันหงุดหงิดใจที่สุดคืออะไร

    มันคือการเริ่มต้นใหม่ของนาย – การเริ่มต้นใหม่ที่ไม่มีฉัน

     

    อาจดูว่าเห็นแก่ตัวแต่ฉันทำใจไม่ได้จริงๆว่ะมาร์ค .. ยิ่งเห็นว่านายมีความสุขกับคนใหม่ ฉันยิ่งโคตรเจ็บเลย  เจ็บตรงที่ตรงนั้นมันเคยเป็นของฉันมาก่อน แต่ตอนนี้.. ฉันไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะกลับไปยืนอยู่ตรงนั้น

     

    ..แต่สุดท้ายฉันก็ต้องยอมแพ้ใช่ไหมล่ะ

    นายก็รู้ว่าฉันอยากให้นายมีความสุขมากกว่า..”

     

     

    และสุดท้ายความพยายามทั้งหมดก็พังทลายลงตรงนั้น หยดน้ำตาที่ฝืนกลั้น และเสียงสะอื้นก้อนใหญ่ที่เขาเลือกจะกลืนมันไว้ – แดเนียลเงยหน้าและสูดหายใจเข้าลึก พยายามที่จะพูดประโยคสุดท้ายโดยไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาจากกำปั้นที่เขาใช้ปิดปากของตัวเองอยู่

     

     

    ฉันขอตัวสักครู่นะ

     

     

    เขาไม่ได้รอคำตอบจากมาร์ค เพียงแค่บอกให้คู่สนทนารับรู้ก็เท่านั้น

     

    แดเนียลเดินตรงไปยังด้านหลังร้านทันที,

     

    ในหัวของเขาแทบจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย มันตันไปหมดแล้ว ไม่มีแม้แต่คำพูด มีเพียงแค่เสียงร้องไห้เท่านั้นที่ยังคงดังก้อง ไม่เหลือแม้แต่เรี่ยวแรงใด มีเพียงแค่กำแพงสีขาวเท่านั้นที่เป็นหลักให้ยึดทรงตัวอยู่ได้

     

     


    แดเนียล..

     

    เป็นเสียงของมาร์ค .. มาร์คที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างหน้าแดเนียล – เป็นเพราะเจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้าลงบนฝ่ามือของตัวเอง เลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     

    ..ฉันขอโทษ

     

     

    “ผิดอะไรถึงต้องขอโทษ”

     

     

    ฉันไม่รู้ .. ฉันรู้แค่ว่าฉันต้องขอโทษฝ่ามือทั้งสองข้างของมาร์ควางอยู่บนบ่าของแดเนียล ขอโทษที่ทำให้นายร้องไห้


    ขอโทษที่ฉันไม่ได้สู้เพื่อนาย.. ไม่ได้ทำอะไรเพื่อนายเลย

     

    ..และตอนนี้มันก็คงสายเกินไปที่จะแก้ไขอะไรแล้ว

    ฉันขอโทษนะแดเนียล

     

     

    ฝ่ามือที่กำหลวมพยายามยกขึ้นทุบบนหน้าอกของคนตรงหน้า แม้ความตั้งใจจริงของเขาคือการทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดตรงหัวใจเหมือนที่เขาเจ็บ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความเจ็บปวดภายนอกที่ไม่นานก็เลือนหาย ต่างกันกับความเจ็บของเขาที่ไม่มีแผลหรือรอยช้ำ มันกลับเจ็บจนแทบหายใจไม่ออก

     

    ฉันไม่ให้อภัย.. และไม่มีวันให้อภัย เขาออกแรงผลักฝ่ามือลงซ้ำบนหน้าอกของมาร์ค จะไปไหนก็ไป ฉันอยากอยู่คนเดียว

     

     

    ทำไมมันดูเหมือนบอกว่าให้ฉันอยู่ต่อล่ะ

     

     

    งั้นฉันจะไปเอง

     

     

    ไม่ทันที่เจ้าของตาสีฟ้าที่เต็มรื้นไปด้วยน้ำตาจะเดินจากไปอย่างที่เขามุ่งหวัง ข้อมือนั้นกลับถูกดึงให้หมุนกลับไปอยู่ในอ้อมแขนของคนที่ตัวสูงกว่า และยิ่งเขาดิ้นให้พ้นจากพันธนาการเสียเท่าไหร่ กลับยิ่งถูกเจ้าของอ้อมกอดนั้นกอดแน่นมากขึ้นกว่าเดิม

     

     

    ฉันขอกอดนายอีกสักครั้งจะได้ไหม..

     

    “..ขอแค่นาทีเดียวก็ได้

     

     

    แม้แดเนียลจะยังคงนิ่งเฉย แต่มาร์คก็ยังคงกอดอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น 


    กอดให้แน่น - ให้ซึมซับความอบอุ่นจากคนตรงหน้าอีกครั้ง แม้เขาจะไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานเป็นยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่แดเนียลก็ยังคงทำให้มาร์ครู้สึกอบอุ่นอยู่เสมอ .. ความรู้สึกอบอุ่นนั้น ที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้ และนี่คงอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ที่เขาจะได้กอดแดเนียลแบบนี้

     

     

    ไม่รู้ว่านายจะยังอยากฟังอยู่ไหม..

     

    แต่ฉันยังอยู่กับนายในทุกๆที่

    ฉันอยู่กับนายเสมอ .. เพียงแค่นายนึกถึงฉัน

     

    หลังจากนี้นายอาจจะเกลียดฉันไปแล้วก็ได้ แต่ฉันอยากให้นายรู้เอาไว้

    ว่าไม่มีวินาทีไหนเลย ที่ฉันคิดจะเกลียดนาย

     

    เพียงแค่ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาของเรา

    ไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมามันไม่ใช่เรื่องจริง

     

    ขอบคุณมากนะ ที่ครั้งหนึ่งเคยเข้ามาเป็นความทรงจำที่ดี และเป็นความสุขที่สุดของฉัน

     

    สุขสันต์วันปีใหม่นะคลีเวอร์

     

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in