เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#Firthgrantsean and his nightmares
[Part I] miss you already | คิดถึงคุณเหมือนกัน
  • Title : miss you already | คิดถึงคุณเหมือนกัน

    Author :  Sean

    Pairing : Colin Firth x Hugh Grant

    Rating : No Rate


     ติชม #seanfic



     



    Intro

     

     

     

    เสียงของนาฬิกาปลุกหลายเรือนดังขึ้นทุกช่วงเวลาห้านาทีพร้อมๆกับเสียงก๊องแก๊งเหมือนสิ่งของที่กระทบกันเหมือนใช้ถูกที่แต่ผิดเวลา

     

    ใช่แล้วล่ะ .. ถูกที่แต่ผิดเวลา

     

     

     

    วันนี้เป็นเช้าวุ่นวายอีกหนึ่งวันหนึ่งของฮิวจ์ แกรนท์ เป็นการเริ่มต้นวันใหม่ของชีวิตเก่าที่ต้องกลับมาวนลูปอีกครั้ง ซึ่งทุกครั้งเขาไม่เคยชินกับมันเสียที

     

     

    แต่ความเคยชินที่เขามีเสมอมาจนติดเป็นนิสัยคือการบอกกับนาฬิกาปลุกในมือถือว่า ‘ขออีกห้านาทีนะ-อีกห้านาทีเถอะ-’

     


    ซึ่งเช้านี้เขาเผลอบอกกับมันไปสามครั้งแล้ว

    เท่ากับว่าตอนนี้เขากำลังจะสาย

     

     

     


     




    I

     

     

     


    ‘Miss you already…’

     

     

     

    “คิดถึงคุณเหมือนกัน” เป็นภาพของคอลินที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังฮิวจ์ คางมนวางเกยอยู่บนไหล่แสดงออกให้รู้ดีว่าเจ้าตัวรับรู้ถึงข้อความในโทรศัพท์มือถือที่อีกฝ่ายกำลังพิมพ์อยู่

     

    ยังไม่ทันจะกดส่งเสียด้วยซ้ำ

     

     

    แถมคอลินยังถือวิสาสะใช้ประโยชน์จากการที่สูงกว่าขโมยจูบบนแก้มสีแดงระเรื่อ(ที่ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นเพราะอากาศที่หนาวเย็นหรือเลือดในร่างกายที่สูบฉีดมากเกินไป)อีกด้วย

     

     

     

    “คอลิน!”

     

     

     

    “ชื่นใจจัง” รอยยิ้มแทบจะปิดไม่มิดปรากฏบนใบหน้าแป้นแล้นของชายหนุ่มที่ตัวสูงกว่า

    คอลินถือโอกาสที่ฮิวจ์เผลอเพื่อขโมยจูบอีกครั้งแต่คราวนี้เจ้าตัวไม่ยอมพลาดง่ายๆอีกแน่

     

     

     

    รองเท้าหนังถอยสลับไปด้านหลังสองสามก้าวพอให้ตั้งหลักได้ “คนบ้า ไปทำงานได้แล้ว”

    พูดจบก็ปัดมือไล่เหมือนเมื่อกี้ตัวเองไม่ใช่ฝ่ายส่งข้อความไปหาเขาก่อน

     

     

     

    “เมื่อกี้ยังบอกคิดถึงผมอยู่เลย” ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เห็นใบหน้าเบะเหมือนเด็กโดนขัดใจก็ดันเห็นจนได้ คอลินเบะปากโดยที่เท้ายังคงเดินตรงไปข้างหน้าตรงเข้าไปหาฮิวจ์ที่เดินถอยหลังเรื่อยๆเพื่อรักษาระยะห่าง

     

     

     

    “คิดถึง แต่ต้องไปทำงานแล้ว” เขายอมหยุดยืนนิ่งเพราะรู้ว่าด้านหลังของตัวเองเป็นป้ายไฟจราจรที่ตั้งขึ้นสำหรับประชาชนที่ต้องการข้ามถนนและตอนนี้ไฟแดงจวนจะไฟเขียวเต็มที

    หากพลาดให้ไฟแดงโชว์หราขึ้นอีกครั้งเขาต้องไปทำงานสายแน่ๆ

     

     

     

    “ให้ผมเดินไปส่งคุณที่หน้าบริษัทนะ” ไม่รอคำตอบจากริมฝีปากชวนจูบ คอลินเร่งฝีเท้าเข้าไปจับมือของชายหนุ่มทันที “มือเย็นเฉียบเลย” พูดจบก็คว้ามือไปซุกไว้ที่กระเป๋าเสื้อโค้ทของตัวเองอย่างหน้าตาเฉย

     

     

    “ปะ..ไฟเขียวแล้ว” คอลิน เฟิร์ธก้าวฉับๆข้ามถนนไปโดยที่มีฮิวจ์ แกรนท์ถูกลากให้เดินตามไปด้วย ทั้งหมดของคำพูดก่นด่าที่ถูกแทนด้วยคำว่า “เดินช้าๆหน่อยผมเดินตามไม่ทันแล้ว”

     

     

     

    และกว่าจะสุดถนนก็ทำฮิวจ์เหนื่อยลิ้นแทบห้อย ทำไมข้ามเองมันไม่เหนื่อยขนาดนี้

     

     

     

    “นี่..คุณ..รถเมล์ของคุณกำลังจะมานะ-” มือข้างที่ถูกจูงมันล้าจนหลุดออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ทของคอลินได้อย่างง่ายดายและถึงแม้อากาศจะค่อนข้างหนาวเย็นแต่ก็สามารถทำให้ชายหนุ่มเหงื่อออกอยู่ดี

    ฮิวจ์ใช้หลังมือเช็คเหงื่อของตัวเองที่ซึมออกมาตามไรเส้นผมของตัวเอง

     

     

     

    “เอาน่า..ผมไม่รีบหรอกวันนี้หัวหน้าผมไม่อยู่” คอลินหันมาตีคิ้ว เขาชอบทำแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ

     

     

     

    “แต่วันนี้เจ้านายผมมาแล้วผมกำลังจะไปทำงานสาย” ฮิวจ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นๆ

     

     

     

    “งั้นก็รีบไปกันเถอะ โดนหัวหน้าดุแล้วโทษผมไม่ได้นะ” คอลินคว้ามือนุ่มๆของฮิวจ์ขึ้นมาจูบหลังมือเบาๆแล้วเริ่มเดินต่อแบบหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

     

    ทิ้งไว้เพียงแค่เครื่องหมายตกใจปนกับเครื่องหมายคำถามให้กับอีกคนที่เดินอยู่ข้างๆ

    เพราะรู้ว่าถูกฮิวจ์บ่นแน่ๆ คอลินเลยทำแบบนั้น

     

     

    ส่วนฮิวจ์เอง

    เถียงอะไรไม่ได้เลย..มาไม้นี้พูดอะไรไม่ออกเลย

     


     


     

    “คุณส่งผมแค่นี้แหละคอลินเดี๋ยวผมเดินต่อเอง”คนที่ตัวเล็กกว่าหยุดเดินแล้วหันไปบอกกับอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ มืออีกข้างของเขากำลังยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ

    เป็นกาแฟที่เขาทั้งคู่หยุดซื้อระหว่างทาง..จากร้านโปรดที่เขาชอบมาด้วยกัน

     


    “ยังไม่ถึงที่ทำงานคุณเลยนี่นา” คอลินตอบ

     


    ฮิวจ์เลิกคิ้วแล้วยักไหล่ “ก็ใช่..แต่เดี๋ยวคุณสายไง นี่มันก็เกือบแปดโมงแล้วนะ”

     


    “ผมบอกไปแล้วไงว่าไม่เป็นไร สบายมาก” ยิ้มเล็กๆเกิดขึ้นที่มุมปากซึ่งเปื้อนด้วยฟองนมสีขาว

     


    “เพราะแบบนี้ไงผมเลยเป็นห่วง” ฮิวจ์เขย่งปลายเท้า หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนบางที่เขาพกติดตัวเช็ดมุมปากให้กับอีกคนอย่างบรรจง “ที่ทำงานคุณมันคนละทิศกับที่ทำงานผมเลยนะ แล้วนี่คุณก็เดินมาไกลมากแล้วถึงหัวหน้าคุณไม่อยู่ แต่คุณก็ไม่ควรเข้าทำงานสายนะรู้ไหม”



    “..โอเค เอางั้นก็ได้”

     


    แต่คำว่า ‘เอางั้นก็ได้’ ในความหมายของคอลินมันไม่ใช่ความหมายว่า ‘เข้าใจแล้ว’ ของคนทั่วไปนี่สิ

     


    “เข้าใจก็ไปได้แล้ว” ฮิวจ์เก็บผ้าเช็ดหน้าใส่ลงในกระเป๋าเสื้อสูทของเขา

     


    คอลินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาไม่พูดอะไรเพียงเพราะต้องการให้อีกฝ่ายรู้ความปรารถนาของเขาด้วยตัวเอง

     


    “อะไรเล่า” แต่ฮิวจ์ซื่อมากพอที่จะไม่เข้าใจความหมายของคอลิน

     


    ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย...คนตัวสูงย่นคิ้วเข้าหากัน “ไหนล่ะจูบของผม”

     


    “จูบอะไรกัน คนเยอะแยะ” ว่าแล้วก็หันซ้ายหันขวา ตีคิ้วยืนยันว่าตัวเองไม่ได้โกหก ก็คนมันเยอะจริงๆนี่นา อายเค้า...

     


    “ช่างคนอื่นเถอะหน่า ถ้าคุณไม่ให้ผมจูบคุณ ผมก็ไม่ไปไหนแหละวันนี้” คอลินกอดอกนิ่ง

     


    “โอ้..ให้ตายสิคอลิน” ฮิวจ์อยากจะสูดเอาอากาศทั้งหมดบนโลกนี้เข้าปอดแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ ถึงจะกลายเป็นวาตภัยก็ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย

     



    ฮิวจ์ แกรนท์ไม่ใช่คนที่จะมาทำท่าทางบอกรักในที่สาธารณะอะไรแบบนี้ง่ายๆหรอกนะแต่ก็ต้องจำใจทำ เพราะเจ้าหมียักษ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้เขาไปทำงานเสียทียังไงล่ะ

     



    “แค่จูบเดียวพอนะ”

     



    “ครับผม!”

     



    “ให้ตาย..” ฮิวจ์เขย่งปลายเท้าอีกครั้ง จูบคอลินที่ปากของเขาเหมือนกับตอนที่เช็ดฟองนม

     


    เปลือกตาตกๆคู่นั้นหลับลงอย่างเชื่องช้า เหมือนเข็มของนาฬิกาที่กำลังหมุนวนไม่เคยมีความหมาย ปฏิเสธไม่ได้จริงๆเลยว่าฮิวจ์เองก็อยากซึมซับช่วงเวลานี้เอาไว้นานๆเหมือนกัน..

     

     

    แต่มันคงถึงเวลาที่ต้องร่ำลาแล้วล่ะ ไว้ค่อยพบกันใหม่ตอนที่ทั้งโลกมีเพียงแค่เรา



    ฮิวจ์ถอนจูบออกจากริมฝีปากของคอลินช้าๆ มันไม่มีอะไรมากกว่าริมฝีปากที่แตะกัน แต่ฮิวจ์ก็เผลอเลียริมฝีปากตัวเองแก้เขินอยู่ทุกที

     



    “พอใจแล้วหรือยัง”

     


    “ที่สุดเลยครับคนดีของผม”

     


    ท่าทางดี๊ด๊าออกหน้าออกตาของคอลินทำให้ฮิวจ์รู้สึกหมั่นไส้เหลือล้น

     


    “ไอ้บ้า” ฮิวจ์แกล้งเดินชนไหล่คอลินโทษฐานที่เขาทำให้ตัวเองเขินจนแทบจะมุดดิน

     


    “เฮ้! เดี๋ยวสิ” คอลินตะโกนเสียงดัง ถึงเดินต่อ เจ้าหมียักษ์ต้องตะโกนซ้ำเสียงดังกว่าเดิมอีกรอบแน่

    และแน่นอนว่าฮิวจ์หยุดเดินแต่เขาจะไม่หันหลังกลับไปอีกหรอกนะ

     


    “จะไม่หันมาหน่อยเหรอ”

     


    “ไม่ล่ะ” ฮิวจ์ตะโกนตอบกลับ

     


    “เสียงดังทำไม คนเยอะแยะ” คอลินสวมกอดฮิวจ์จากทางด้านหลัง จมูกโด่งๆนั่นหอมแก้มนิ่มๆฟอดใหญ่ “รักคุณนะ”

     


    ควรเป็นฮิวจ์ต่างหากล่ะที่ต้องพูดคำนั้น เสียงตะโกนของฮิวจ์มันดูเงียบไปเลยเมื่อเทียบกับถ้อยคำกระซิบของคอลินให้ตายสิ..เจ้าคนตัวสูงทำเขาเขินอีกแล้ว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     


    “คอลิน! ปล่อยได้แล้ว” อยากจะหยุดยืนต่อบทสนทนาให้มันยาวกว่านี้แต่เวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันมันน้อยเหลือเกิน “ผมต้องไปทำงานนะ คุณอย่าลืมสิ”

     


    “แต่ผมอยากอยู่กับคุณนานๆ”

     


    “เอาไว้ตอนเย็นสิ ผมมีเวลาให้คุณทั้งคืนเลย”

     


    “จริงๆนะ”

     


    “ก็จริงสิ.. มันจะมีอะไรมากกว่านั้นล่ะ”

     


    “คุณชอบพูดให้ผมคิดลึกตลอดเลย”

     


    “คิดลึกอะไรของคุณ”

     


    “ก็ที่คุณบอกว่าคุณมีเวลาให้ผมทั้งคืนไง” พูดแล้วคอลินก็วางคางบนไหล่ของฮิวจ์ อ้อมแขนที่กอดรั้งอยู่บนเอวขยับแน่นขึ้น

     


    แล้วก็ถึงบางอ้อ..กว่าคนที่ตัวเล็กกว่าจะตามบทสนทนาทันมันก็ทำให้คอลินเข้าใจผิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว “เดี๋ยว ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย คุณอย่าลืมสิว่าพรุ่งนี้มันวันอังคารนะ ผมต้องทำงาน”

     


    “ไม่ได้เหรอ”

     


    “ไม่ได้สิ ผมเหนื่อยนะ”

     


    “งั้นผมรวบยอดเป็นวันศุกร์ โอเคมั้ย”

     


    ฮิวจ์ถอนหายใจอย่างเนือยๆ “ตามใจคุณ”

     


    “เย่! แฟนผมน่ารักที่สุดเลย” คอลินทำท่าชูกำปั้นขึ้นฟ้า ดูดีใจออกหน้าออกตาอีกแล้วทั้งๆที่วันก่อนก็เพิ่งทำเรื่องที่ว่าไป.. ให้ตายสิ เจ็บตัวอีกแล้ว

     


    แสดงว่าที่ยืนอ้อนไม่ยอมให้ไปไหนสักทีก็เพราะเรื่องนี้งั้นสิ..

    ให้ตายเถอะ..เจ้าคนนี้มันร้ายจริงๆ



    “งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ วันนี้รีบกลับบ้านน้าเดี๋ยวผมทำอาหารเย็นไว้รอ” ดูสิ..ดูว่าเจ้าหมียักษ์นี่เกินหน้าเกินตาขนาดไหน



    “ไปเถอะ” ฮิวจ์จับคอลินหมุนตัวแล้วผลักไหล่เบาๆเป็นการไล่แบบทุกครั้งที่เขาชอบทำ



    ดีที่รอบนี้คอลินยอมไปง่ายๆแต่ไม่วายจะหันหลังกลับมาประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่า “ผมรักคุณนะ” อีกครั้ง

    และนั่นทำเอาฮิวจ์แทบอยากจะเอาหัวซุกกระเป๋าเดินเข้าบริษัทกันเลยทีเดียว

     


    “ไอ้คนบ้า..” รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนร่องแก้มของฮิวจ์อย่างอดไม่ได้

    อดไม่ได้เลยจริงๆที่จะยิ้มให้กับความน่ารักของอีกคนแต่ก็ทำเอาแทบเหนื่อยตาย กว่าจะหลุดออกจากคอลินได้

     



    ฮิวจ์ก้มดูนาฬิกาของตัวเองอีกครั้งเพื่อดูว่าสิบนาทีที่เขาใช้ไปกับคอลินตรงหน้าบริษัทเมื่อสักครู่นี้มันพอดีกับเวลาที่เขาใช้เช็คชื่อเข้าทำงานหรือไม่

     


    แต่โชคร้ายหน่อยที่ตอนนี้นาฬิกามันขยันเดินกว่าที่กะไว้ไปห้านาที

     


    ตอนนี้กลายเป็นว่าเจ้าหมีตัวโตทำให้คนตาฟ้าต้องวิ่งหน้าตั้งเข้าบริษัทอย่างกับเจ้านายกำลังเกณฑ์พนักงานไปวิ่งแข่งสี่คูณร้อยในฤดูกีฬาสีประจำปียังไงยังงั้น

     


    คำด่าที่เหมือนกันแต่ความหมายกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิงถูกสบถออกมาอีกครั้ง

     

    “ไอ้คนบ้า!”

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Who's kill JFK (@Kennedy1963)
พี่หมีโคลินคนผีทะเล อร้ายยยเขินเเทน