เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เขียนถึงน้ำตาลดาวพระศุกร์
เขียนถึงน้ำตาล...
  • เขียนถึงน้ำตาล...

           ฉันได้รับน้ำตาลมาเมื่อฉันอายุสิบปี เมื่อครอบครัวเราย้ายออกจากบ้านสวนมาปลูกบ้านแห่งใหม่ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เดิมนัก เมื่อแรกย้ายมาอยู่ คุณยายท่านหนึ่งผู้สนิทชิดเชื้อกับครอบครัวเรามานานบอกกับครอบครัวเราว่าเธอจะกลับจังหวัดบ้านเกิด ฉันจำได้ไม่แน่ชัดว่าเป็นจังหวัดปราจีนบุรีหรือสุพรรณบุรี เธอได้ถามกับครอบครัวเราว่าจะเอาแมวมาเลี้ยงหรือไม่ เพราะการเดินทางของเธอครั้งนี้ นอกจากการกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด คือการนำลูกแมวสองคอกกลับมา เธอบอกกับครอบครัวเราว่าเป็นแมววิเชียรมาศ และครอบครัวของฉันตอบตกลง

         ในวัยสิบขวบ ฉันรู้จักว่าแมววิเชียรมาศเป็นเช่นไร ฉันนึกภาพแมวสีสวาท หูดำ ท่าทางองอาจและรอวันที่คุณยายท่านนั้นจะกลับจากสุพรรณบุรี เมื่อวันนั้นมาถึง ฉันจำได้ว่าเราได้อุปการะลูกแมวมาทั้งสิ้นสามตัว หนึ่งในนั้นคือน้ำตาล ส่วนอีกคอกหนึ่ง ถูกส่งไปยังญาติของฉันซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน
    กระนั้น ฉันและครอบครัวสังเกตเห็นได้ว่าลูกแมวคอกที่เราได้รับมานั้น ไม่ได้ดูเหมือนแมววิเชียรมาศเท่าไรนัก แต่เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

         น้ำตาล เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นโดยยายของฉัน เนื่องด้วยเธอมีขนสีขาวและสีส้มอ่อน ยายว่าเหมือนน้ำตาลทรายแดง ยายจึงเรียกเธอว่าน้ำตาล และสิ่งเฉพาะตัวของเธอคือหางที่งุ้มเข้าเหมือนก้อนกลม ที่เรียกกันว่าหางขอด ยายว่าเป็นสัญลักษณ์ของแมวนำโชค

         เราเลี้ยงน้ำตาลไปพร้อมกับการปลูกบ้านหลังใหม่ น้ำตาลค่อยๆโตขึ้นพร้อมพี่น้อง แรกเริ่มน้ำตาลเป็นแมวน้อยที่ฉลาดกว่าใคร ด้วยว่าทุกครั้งที่เธอกินอาหารพร้อมพี่น้อง เธอจะใช้อุ้งเท้าเธอกดหัวพี่น้องของเธอออกให้ไกล หนักเข้า น้ำตาลใช้การวางหน้าแนวนอนเพื่อให้กินอาหารได้ทีละมากกว่าใคร ยายฉันมักเอ็ดน้ำตาลเข้าบ่อยๆว่าเป็นแมวที่มีพฤติกรรมร้ายกาจ แต่ฉันเห็นเป็นเรื่องน่าขันและมองว่าเฉลียวฉลาดเหลือเกิน

         เมื่อนานวันขึ้น จากแมวน้อยสู่แมวรุ่น เราเห็นกันได้แจ่มชัดว่าอย่างไรน้ำตาลและพี่น้องก็ไม่มีทางเป็นแมววิเชียรมาศ เป็นเพียงแมวบ้านทั่วไป ในขณะเดียวกัน แมวอีกคอกที่ญาติฉันรับไปเลี้ยงนั้น กลับโตมามีสีสวาท ขนเงาวาว ตัวสูงระหง และเป็นแมววิเชียรมาศอย่างไม่ผิดเพี้ยน ยายฉันสัพยอกเอาว่าน้ำตาลเป็นแมวท้องนาเท่านั้น ไม่ได้มีเชื้อมีสายอะไร แต่กระนั้น เราก็ยังเลี้ยงน้ำตาลต่อไป

         เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ น้ำตาลก็ตั้งท้องลูกแมวคอกแรก ฉันจำได้ไม่แน่ชัดว่ามีกี่ตัว อาจจะสามหรือสี่ มีทั้งสีส้ม สีขาว เราตั้งชื่อกันเสียสนุก แต่ลูกๆของน้ำตาลแต่ละตัวก็ไม่ได้มีอายุยืนยาวเท่าไรนัก จนต่อมา น้ำตาลก็ตั้งท้องสอง ครั้งนี้ฉันจำได้เด่นชัดกว่าก่อน ว่ามีสามตัว ฉันกับยายตั้งชื่อให้ตามสี สีขาวชื่อเพชร สีแสดชื่อทอง และตัวสุดท้ายที่ถอดแบบมาจากน้ำตาลด้วยสีขาวปนส้มอ่อนชื่อพลอย ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ตัวเดียว ณ ขณะนี้ 

         หลังจากนั้น เมื่อฉันขึ้นมัธยมต้น ฉันเริ่มผูกพันแน่นแฟ้นกับน้ำตาลมากขึ้น ฉันมักกอดอุ้มน้ำตาลเสมอ แม้ในวัยนั้น น้ำตาลจะไม่มีอุปนิสัยคลอเคลียเอาใจเลยก็ตาม อนึ่ง น้ำตาลชอบหายไปเที่ยวอยู่บ่อยๆ ไปทีละหลายวัน เดือดร้อนฉัน ที่ต้องคอยจุดธูปบนบานกับพระภูมิเจ้าที่ว่าขอให้น้ำตาลกลับมา รอดปลอดภัย และจะถวายไข่ต้มให้เมื่อน้ำตาลกลับมา ถ้านับเอาแล้ว ฉันคงเสียไข่ต้มไปหลายแผงกับการท่องเที่ยวของน้ำตาลในช่วงวัยนั้น จนกระทั่งครอบครัวเราเห็นควรว่าน้ำตาลควรทำหมัน ด้วยว่าเราไม่สามารถเลี้ยงแมวจำนวนมากได้ และเพื่อตัดการหายตัวไปของน้ำตาล จากนั้น น้ำตาลจึงอยู่บ้านเรื่อยมา

         เมื่อทำหมันและเป็นแม่ของแมวสองคอก น้ำตาลเริ่มเปลี่ยนจากแมวที่ผอมชะลูดเป็นแมวที่อ้วนท้วนสมบูรณ์และมีความสงบมากขึ้น หลายปีผ่านไปจากประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย น้ำตาลอยู่กับฉันเรื่อยมา จวบจนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัย

         ฉันกับน้ำตาลเริ่มตัวติดกันตั้งแต่มัธยมปลายเป็นต้นมา และน้ำตาลเองก็มีความสุขที่ได้อยู่คลอเคลียกับผู้คน น้ำตาลย้ายตัวเองจากบ้านของยายมาอยู่ที่บ้านของฉัน โดยที่พ่อฉันนั้นไม่ยินยอม แต่ทว่า ฉันก็ทำให้น้ำตาลได้มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในบ้านหลังนี้โดยชอบธรรม โดยอ้างสิทธิ์ว่าน้ำตาลเป็นของฉัน 

         เมื่อยิ่งแก่ตัวลง ทั้งฉันและน้ำตาลก็มีอุปนิสัยที่คล้ายคลึงกันและเข้ากันได้อย่างประหลาด น้ำตาลรอการกลับบ้านของฉันเสมอ ไม่ต่างกับฉันที่รอกลับบ้านเพื่อไปอุ้มน้ำตาล ทุกๆวัน ฉันต้องขอให้ได้กอด ได้หอม หรือลูบหัวบ้างก็ยังดี น้ำตาลเองก็เช่นกัน น้ำตาลรักที่จะนอนบนหน้าอกของฉัน หรืออิงแขนของฉันต่างหมอนข้างแล้วหลับไป โดยที่ฉันก็แน่นิ่งอยู่แบบนั้นเพราะไม่อยากรบกวนสีหน้าอันมีสุขของน้ำตาลยามนอน 

         ยามใดที่ฉันทุกข์ใจหรือมีความเศร้า น้ำตาลเหมือนจะรู้สึกได้ก่อนเสมอด้วยการเข้ามาคลอเคลียผิดปรกติ เวลาที่ฉันทุกข์ใจหนัก ฉันจะนอนกับน้ำตาลเสมอ เพราะฉันได้รับความอบอุ่นอย่างประหลาดตลอดมา ฉันรู้สึกว่าน้ำตาลไม่ได้ชอบนักเวลาฉันร้องไห้ เพราะน้ำตาลจะแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นอีกสิ่งที่ทำให้ฉันคลายเศร้าได้

         เมื่อโตขึ้น ฉันเริ่มนับอายุขัยของน้ำตาลและรู้ดีว่าน้ำตาลอายุมากเหลือเกิน ฉันมีความกลัวในใจสารพัดว่าน้ำตาลจะเจ็บป่วยหรือจากไปด้วยการทรมาน และฉันอธิษฐานในใจเสมอว่าน้ำตาลอยู่มาได้จนถึงฉันอายุยี่สิบห้าปี หากเป็นไปได้ ฉันขอให้น้ำตาลอยู่กับฉันจนถึงอายุสามสิบปีหรือนานกว่านั้น


         แต่เวลาก็ไม่ได้เดินอย่างที่เราหวัง ฉันและน้ำตาลโชคร้ายที่ถูกให้จากกันโดยไม่มีข้อแม้ในอายุสิบห้าปีของน้ำตาลและยี่สิบห้าปีของฉัน 
    เช้าวันอังคารที่ 23 สิงหาคม เช้าวันที่ควรจะเป็นเช้าวันธรรมดาที่ฉันตื่นมาใช้ชีวิตเดิมๆ ฉันได้รับข่าวร้ายจากแม่ว่าน้ำตาลจากฉันไปแล้วโดยอุบัติเหตุจากสัตว์ด้วยกันเอง น้ำตาลนอนแน่นิ่งอยู่ที่หน้าบ้าน แม่รอให้ฉันลงไปหาน้ำตาลเป็นครั้งสุดท้าย

         ฉันเห็นน้ำตาลแน่นิ่งอยู่แบบนั้นเอง ฉันใจหาย ฉันไม่ร้องไห้แต่เหมือนขาดอากาศจะหายใจออกมา ฉันได้แต่นิ่งงันแล้วลูบขนน้ำตาลไปมาอยู่แบบนั้น แบบที่น้ำตาลชอบเลียขนตัวเองให้เรียบที่สุด 
    ฉันเลือกที่จะจัดการฝังน้ำตาลด้วยตัวเองที่แปลงดอกไม้หน้าห้องนอน เก็บปอยขนเล็กๆของน้ำตาลไว้เพื่อทำล็อคเก็ตแบบที่ฉันตั้งใจไว้ว่าจะทำในวันที่น้ำตาลจากไป มันเรียบง่ายแบบนั้น ฉันฝังน้ำตาลลงใต้ผืนดินอุ่นนุ่มอันเป็นที่พำนักสุดท้ายและดำเนินชีวิตต่อมาด้วยใจที่เลื่อนลอย คืนนั้นเอง ยังคงเป็นฉันที่นั่งลงสูบบุหรี่ข้างหลุมของน้ำตาล ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากลูบลงบนผืนดินหน้าหลุมเหมือนเวลาที่ฉันลูบขนให้น้ำตาล ฉันทำได้เพียงเท่านั้น 

         ฉันเศร้า แต่ฉันก็ดีใจที่น้ำตาลยังกลับมาให้ฉันเห็นจวบจนวาระสุดท้าย และไม่จากไปด้วยการทุกข์ทรมานยืดเยื้อจากความเจ็บป่วย แม้ในใจจะรู้ดีว่าก่อนจากไปน้ำตาลก็คงเจ็บไม่น้อย ฉันยังคงเผลอบ่อยครั้งที่ชะโงกหาว่าน้ำตาลนอนอยู่ไหม ในมุมที่น้ำตาลชอบนอนประจำ ฉันยังเผลอมองไปที่จานอาหารซึ่งบัดนี้ว่างเปล่า และนึกขึ้นได้ว่าน้ำตาลไม่ได้อยู่กับฉันแล้ว และการจากไปครั้งนี้จะเป็นการถาวร

         ฉันยังคงวูบโหวงในใจเสมอเมื่อเผลอคิดถึงการมีอยู่ของน้ำตาล ความทรงจำทั้งหลายนั้นทรงพลังมากมายกว่าการจากลาครั้งไหนๆ น้ำตาลเป็นเพื่อนที่ทำให้ฉันได้สัมผัสถึงการจากไปอย่างเป็นนามธรรมมากที่สุด การจากไปแบบที่จะไม่มีวันที่ได้พบเจอกันอีก และจะเป็นเพียงภาพที่แจ่มชัดอยู่ในความทรงจำเท่านั้น

         ฉันมีเรื่องอยากเขียนถึงน้ำตาลมากมายเหลือเกิน สิบห้าปีคงไม่สามารถจบลงได้ในบทความหนึ่ง หรือการเขียนเพียงครั้งเดียว แต่ฉันอธิษฐานให้น้ำตาลได้รับรู้ถึงความรักและระลึกถึงที่ฉันมีให้เสมอ และน้ำตาลจะเป็นความทรงจำที่แจ่มชัดในใจฉันไปตลอด 

         สุดท้าย ฉันอาจจะเขียนเรื่องของน้ำตาลได้ไม่ดีเท่าไรนัก เพราะความทรงจำที่มีต่อกันนั้นมากมายเหลือเกิน แต่ฉันขอบคุณน้ำตาลอยู่เสมอ ฉันรู้ว่าน้ำตาลเข้าใจฉันเวลาฉันกอดแล้วพูดว่าขอบคุณที่อยู่ด้วยกัน เพียงแต่ตอนนี้ฉันทำได้เพียงขอบคุณน้ำตาลในใจเท่านั้น ขอบคุณที่อยู่กับฉันมาถึงสิบห้าปี 
                                                                                                                            
                                                                                                                                    จะรักและคิดถึงเสมอ
         

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in