เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Random Thoughtsgilaugh
Imposter Syndrome - เชื่อสิ เราไม่เก่งจริงๆ นะ
  • "เราฟลุคต่างหากถึงสัมภาษณ์ผ่าน" , "เราโชคดีเลยสอบได้คะแนนเยอะ" , " ทำไมเราถึงได้งานนี้นะ ทั้งๆ ที่มีคนเก่งกว่าเราตั้งเยอะ" ถ้าคุณเคยมีความคิดเหล่านี้ล่ะก็ มาลองทำความรู้จักกับ Imposter Syndrome หรืออาการที่คิดว่าตัวเองไม่เก่งดูค่ะ 

    เคยมั้ยคะที่คิดว่าเรามาอยู่จุดที่เราอยู่ตรงนี้ได้เพราะดวงล้วนๆ จริงๆ เราไม่ได้เก่งอะไรเลย แต่คนอื่นดันเชื่อเหลือเกินว่าเราเก่ง เราทำได้ ทั้งๆ ที่เราปฏิเสธอยู่ตลอดเวลาว่าเราไม่ได้เก่งนะ เราแค่โชคดี ทำให้เราเกิดความกลัวว่าคนอื่นจะ 'จับได้'  ว่าจริงๆ เราไม่ได้เก่งเหมือนที่เขาคิด เราจึงกลายเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองและกลัวการทำผิดตลอดเวลา มองไปรอบตัวก็มีแต่คนเก่งที่สมควรอยู่ตำแหน่งเราตอนนี้มากกว่าตัวเราอีก ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่สมควรได้รับสิ่งที่มีตอนนี้เลย กลายเป็นว่าความสำเร็จที่เราได้มามันไม่มีค่าในสายตาเราเลย

    ที่กล่าวมานี้คืออาการของ Imposter Syndrome ซึ่งอาการนี้มีโอกาสเป็นกันได้ทุกคนค่ะ การประสบความสำเร็จก็ไม่อาจทำให้อาการนี้หายไปได้ แต่อาจยิ่งทำให้มีอาการแย่ลงไปอีกเนื่องจากคนคนนั้นคิดว่าตัวเขาไม่ดีหรือไม่เก่งพอที่จะได้รับความสำเร็จเลย เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีชื่อเสียง นักธุรกิจ ดารา หรือนักแสดงมายมายก็ต่างเผชิญกับอาการนี้ค่ะ

    Awkwafina นักแสดง ตลก และแรปเปอร์ชื่อดังที่เราอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาเธอเป็นอย่างดีจากภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการที่เธอเผชิญกับอาการนี้ว่าเธอตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวเองมากมาย เธอคิดว่ามีคนรอบตัวที่เก่งกว่าเธออีกมากมายทำให้เธอรู้สึกว่าไม่สมควรได้รับชื่อเสียงที่มีตอนนี้เลย เธอยังบอกอีกว่าเพื่อนในวงการอีกหลายคนก็กำลังเผชิญกับอาการนี้เช่นเดียวกัน

    "Why me? Why not this other person when she could've done better." 
    "ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมไม่เป็นคนอื่น ในเมื่อเขาอาจจะทำได้ดีกว่าฉันด้วยซ้ำ"

  • เราได้มีโอกาสฟัง Podcast คำนี้ดี แล้วรู้สึกชอบประโยคนี้จนต้องนำมาแชร์ค่ะ "มีคนเยอะมากที่ตั้งเงื่อนไขเยอะเกินไปกับความสุขและความภูมิใจของตัวเอง" เราเห็นด้วยกับประโยคนี้มากๆ มีหลายคนที่ตั้งเงื่อนไขแยะเยอะมากมายกว่าจะมีความสุขได้ และอีกหลายคนที่ไม่สามารถมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ ง่ายๆ ได้เลย

    จริงๆ แล้ว Imposter Syndrome เป็นสิ่งที่อยู่ในหัวเรา เกิดจากสิ่งที่เราพร่ำบอกตัวเอง เพราะฉะนั้นวิธีที่จะทำให้ดีขึ้นได้คือต้องปรับวิธีคิดของตัวเองค่ะ จากบทความ 21 Proven Ways to Overcome Imposter Syndrome ที่ทาง Podcast คำนี้ดีได้พูดถึงวิธีเผชิญหน้ากับอาการนี้ หลังจากอ่านจบแล้วเราคิดว่ามีหลายข้อที่น่าจะใช้ได้ผลจริง เลยอยากจะขอหยิบยกบางข้อมาแชร์กันค่ะ

    •  เมื่อเรารู้ตัวว่าเรากำลังเผชิญกับ Imposter Syndrome ก็นับเป็นก้าวแรกได้แล้วค่ะ อย่างน้อยเราก็ต้องรู้ตัวศัตรูของเราก่อนค่ะ 
    • ลองนึกถึงความสำเร็จของเราที่ผ่านมาและให้เครดิตตัวเองค่ะ พิจารณาจากความจริงอย่างตั้งใจว่าเรามีส่วนทำให้สิ่งนั้นสำเร็จได้อย่างไร เราต้องทำอะไรบางอย่างไปบ้างอย่างแน่นอน แม้จะแค่เพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ถือว่าเรามีส่วนในความสำเร็จนั้นค่ะ อย่างน้อยที่สุดก็คือ แทนที่เราจะถอดใจหรือปฏิเสธ เรากลับตัดสินใจลงมือทำไป แค่นี้ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จได้แล้วค่ะ
    • พยายามช่วยเหลือคนอื่นค่ะ ไม่ว่าจะเก่งมากเก่งน้อย แต่ถ้าสิ่งที่เรามีมันช่วยเหลือคนอื่นได้ มันก็เป็นข้อพิสูจน์ได้แล้วว่าอย่างน้อยความสามารถเราก็ทำประโยชน์ให้ใครสักคนได้
    • เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นค่ะ เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทุกคนคงเคยได้ยินมาเป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว แต่ว่ามีซักกี่คนที่ทำมันได้จริงๆ บ้าง ชีวิตเราก็คือชีวิตเรา ไม่ต้องเหมือนชีวิตใคร เราแค่ใช้ชีวิตเราให้ดีที่สุดค่ะ
    • เลิกกลัวความผิดเพราะไม่ว่าใครก็ทำพลาดได้ทั้งนั้น คนที่เก่งที่สุดหรือประสบความสำเร็จก็เคยทำพลาดมาก่อนทั้งนั้น อาจจะเป็นร้อยๆ พันๆ ครั้ง แต่เขาแค่ไม่เคยเล่าความผิดพลาดเหล่านั้นให้ฟังเท่านั้นเอง และการที่คนเก่งทำผิดก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลายเป็นคนไม่เก่งถูกไหมคะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปกลัวทำผิดเลย เราควรเรียนรู้จากความผิดมากกว่ากลัวค่ะ


    ถ้าสงสัยว่าตัวเองมีอาการนี้มั้ย สามารถลองทำแบบทดสอบ Imposter Syndrome Test ได้ตามลิงค์นี้ค่ะ *แบบทดสอบนี้สามารถประเมินได้เพียงคร่าวๆ เท่านั้นนะคะ* 

    Author's Note - ส่วนตัวเราเองก็รู้สึกว่ากำลังเผชิญกับเจ้า Imposter Syndrome อยู่เช่นกันค่ะ จริงๆ แล้วเราก็คิดอยู่หลายรอบว่าควรจะโพสต์ดีมั้ย กลัวจะเขียนไม่ดีพอ แล้วเราเก่งขนาดที่จะมาเขียนให้คำแนะนำคนอื่นหรอ? แต่หลังจากอ่านบทความ 21 Proven Ways to Overcome Imposter Syndrome ก็เลยตัดสินใจโพสต์ด้วยเหตุผลเดียวกันกับผู้เขียนบทความเลยค่ะ "I told myself it wasn’t good enough. In actuality I was just scared." (ฉันบอกตัวเองว่ามันยังไม่ดีพอ แต่จริงๆ แล้วฉันแค่กลัวต่างหาก) และก็คิดว่าอาจมีหลายๆ คนที่กำลังเผชิญสิ่งนี้อยู่เหมือนกัน ก็หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับคนที่ผ่านมาอ่านบ้างและก็อยากให้คนที่หมดความมั่นใจในตัวเองรู้ว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียวแน่นอนค่ะ 


    ในโลกที่มีแต่คนเก่งเต็มไปหมด เราไม่ต้องเก่งที่สุดก็ได้นะคะ : )

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in