(ก่อนอ่าน แนะนำให้เปิดเพลงนี้คลอไปด้วยค่ะ
จิ้ม ๆ)
ฝนกำลังตกไม่ขาดสายซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อพยากรณ์อากาศบอกว่าพายุกำลังเข้า
มือหนายกแก้วกระเบื้องขาวพิมพ์ลายเนื้อดีที่บรรจุชาอุ่นสีน้ำตาลขึ้นจิบ กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยแตะจมูกให้คนถือแก้วยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
เคลียร์มองออกไปนอกหน้าต่างคาเฟ่ที่บัดนี้มีหยดน้ำเกาะอยู่จนทิวทัศน์ด้านนอกพร่าเลือน แต่เขาก็ไม่ได้นึกหดหู่เหมือนอย่างที่คนอื่น ๆ มักรู้สึก กลับกันสายฝนทำให้เขานึกถึงเรื่องราวสมัยเขายังเด็ก
บ้านเกิดของเขาอยู่ต่างจังหวัด ตอนยังเป็นเด็ก เขามักจะลากเนโร เพื่อนสมัยเด็กที่บ้านอยู่ติดกันไปเล่นน้ำฝนด้วยกันเสมอ แม้ว่าลงท้ายเขามักจะนอนซมเพราะพิษไข้ให้เนโรซึ่งแข็งแรงกว่ามาคอยบ่นในภายหลังก็ตาม
เสียงทุ้มนุ่มฮัมเพลงเบา ๆ ท่ามกลางเสียงหยาดฝนภายนอก เวลาฝนตกแบบนี้เขามักจะนึกถึงเพลงที่เนโรเคยร้องโคฟเวอร์ลงอินเทอร์เน็ต เนื้อเพลงกล่าวถึงคนสองคน คนหนึ่งเดินแยกจากไปในภายหลังฝนตก เหลือเพียงอีกคนที่ต้องจมอยู่กับความเจ็บปวด เดิมทีแล้วเพลงนี้ถูกแต่งขึ้นและให้เสียงสังเคราะห์โวคัลลอยด์ที่ชื่อว่า ฮัทสึเนะ มิคุร้อง ต่อมามีคนเอาไปโคฟเวอร์หลายเวอร์ชัน เนโรเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
เคลียร์ชอบเพลงนี้มาก เวลาฝนตกเขาก็มักจะคิดถึงเพลง ๆ นี้และคนร้องซึ่งในที่นี้ก็คือเนโรเสมอ เพราะสำหรับเขาแล้ว เนโรก็เหมือนสายฝน ถึงเจ้าตัวจะไม่ชอบฝนเอาเสียเลยก็ตาม
เขาชอบฝน ชอบกลิ่นไอดินที่อบอวลไปทั่ว ชอบความเย็นฉ่ำที่ช่วยผ่อนคลายความอบอ้าวไปได้มากมาย ขณะที่เนโรมองว่ากลิ่นดินนั่นฉุนเกินไป ไม่ชอบความหนาวเหน็บ และความเฉอะแฉะ ทั้งที่เคลียร์มองว่าอีกฝ่ายให้ความรู้สีกเหมือนกับสายฝนเป็นที่สุด
เนโรเป็นคนใจเย็นทำให้เวลาที่อยู่ด้วยแล้วเขารู้สึกสบายใจ เสียงนุ่ม ๆ นั่นก็ช่วยปลอบประโลมให้เขาได้ผ่อนคลายจากเรื่องราวตึงเครียดในชีวิตเพียงแค่ได้ยิน นอกจากนี้ยังทำให้เขารู้สึกสดชื่นเหมือนได้กลิ่นไอดินที่มากับฝนด้วย
"ว่าไง" เสียงทักที่ดังมาจากคนที่เพิ่งมาถึง เรียกให้เคลียร์หันกลับไปมองร่างสูงที่ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามพร้อมรอยยิ้ม
"ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีไหม" เขาถาม อีกคนเพียงพยักหน้าเป็นเชิงตอบว่าสบายดี แล้วหันไปเรียกบริกรหญิงมาสั่งกาแฟลาเต้ของโปรดต่อ
จริง ๆ ก็ถือเป็นเรื่องแปลกที่ไม่ได้พบหน้ากันนานสำหรับพวกเขาที่เคยเห็นหน้ากันแทบทุกวันตั้งแต่เด็ก พอย้ายมาอยู่โตเกียวก็มาเช่าห้องในอพาร์ทเมนต์เดียวกัน ร้องเพลงโคฟเวอร์คู่กันลงอินเทอร์เน็ต และสุดท้ายก็ออกอัลบั้มเป็นคู่ดูโอ้
ตั้งแต่ประกาศยุบวง ต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไปทำในสิ่งที่อยากทำ ถึงจะยังอยู่ในอพาร์ทเมนต์หลังเดียวกัน แต่ก็มีเวลาว่างต่างกันจนหาโอกาสมาพบปะกันได้ยากเย็น นี่เรียกได้ว่าเป็นการนัดเจอครั้งแรกกันในรอบสองถึงสามเดือนเลยทีเดียว
"แล้วนายล่ะ สบายดีหรือเปล่า"
"สบายดี"
เพียงแค่นั้น กาแฟที่เนโรสั่งก็มาเสิร์ฟ พวกเขาต่างนั่งกันอยู่เงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไร จมอยู่กับเครื่องดื่มอุ่น ๆ ตรงหน้า และกระจกหน้าต่างที่โดนฝนภายนอกซัดสาดอยู่ แต่ท่ามกลางความเงียบนั้นมันไม่ได้ทำให้เคลียร์รู้สึกอึดอัด กลับกันมันช่างคุ้นเคยจนเขารู้สึกสบายใจ
"คิดถึงเพลง Rain Stop, Good-bye เนอะ" เนโรว่า แม้ว่าสายตาจะยังจับจ้องอยู่ที่ทิวทัศน์มัว ๆ ด้านนอกก็ตาม
เคลียร์เลิกคิ้วขึ้นหน่อยหนึ่ง มองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ไม่ได้มีเพียงแค่เขาสินะที่นึกถึงเพลงนี้ทุกครั้งที่ฝนตก
"จะบอกว่าพอฝนหยุด พวกเราก็ต้องแยกย้ายกันไปหรือไง"
"หรือไม่จริง"
เขาไม่ตอบ เพราะเขาเข้าใจสิ่งที่เนโรต้องการจะสื่อถึงดี ไม่ใช่เพียงแค่เนโรหรอก เขาเองก็เช่นกัน ไม่อยากแยกย้ายกันไปอีก แต่บางครั้งอะไรหลาย ๆ อย่างมันก็ไม่เอื้ออำนวย เหมือนอย่างการออกอัลบั้มเพลง เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกันจนหาจุดกึ่งกลางได้ยากขึ้นทุกที การถอยกันไปคนละก้าวก็ถือเป็นเรื่องจำเป็น
"เอาเถอะ ฉันก็คงได้แต่ขอให้ฝนตกลงมาบ่อย ๆ นั่นแหละ"
คราวนี้คนฟังแย้มยิ้มกว้าง ความหมายของเนโรชัดแจ้งจนแทบไม่ต้องตีความ นัยน์ตาสีเข้มเบนกลับไปยังกรอบหน้าต่างที่มีหยาดน้ำเกาะพราวอยู่ตามเดิม
สิ่งหนึ่งที่เนโรอาจจะไม่เข้าใจมากพอ คือต่อให้ฝนหยุดตก เขาก็ไม่คิดจะปล่อยอีกคนไปง่าย ๆ หรอก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in