เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Abysspiyarak_s
Day 21 : Tin Wall
  • ผมลาป่วย เพราะพีทบอกกับทุกคนไปเรียบร้อยแล้วว่า ผมไม่สบายหลังกลับมาจากไบรตัน
    แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ผมจะหยุดทำงานของตัวเอง เพราะเป้าหมายของเราอยู่ใกล้แค่เอื้อม


    ตลอดคืนที่ผ่านมา อาจเพราะความเหนื่อยล้าและความรู้สึกวางใจว่าผมจะปลอดภัยเมื่อมีลีโอ
    ทำให้ผมนอนหลับได้ตลอดทั้งคืน ทั้งที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้จิตใจของผมย่ำแย่มากที่สุด
    การตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของใครสักคนที่ทำให้ผมอยากจะพบเจอเขาอีกในวันต่อ ๆ ไป
    เป็นสิ่งที่ดีที่สุดหลังจากผ่านเรื่องร้ายเหล่านั้นมาได้ แม้ทุกอย่างจะยังไม่เรียบร้อยดีนักก็ตาม 


    ลีโอเป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ผมอยากปิดคดีนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้


    ผมเริ่มรู้สึกตัวว่า ผมพึ่งพาเขามากเกินไป ใช้เขาเป็นที่พักพิงมากไป ชนิดที่ผมเองก็เกือบถอนตัวไม่ขึ้น
    มันไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก และผมไม่อยากให้ความใกล้ชิดทำให้ลีโอหวั่นไหวไปตามความอ่อนไหวของผม


    ผมรักเขา เช่นเดียวกับที่เขารักผม แต่... 


    ผมถอนใจหนักหน่วง บอกตัวเองให้เลิกคิดเรื่องนี้ เดินไปปิดก๊อกน้ำอุ่นจัดที่เปิดทิ้งไว้จนเต็มอ่างอาบน้ำ
    ถอดเสื้อผ้า อาบน้ำล้างตัวจนสะอาด ลงไปแช่ในอ่าง หลับตา แล้วไถลตัวลงจมลงในน้ำจนมิดศีรษะ


    “ฮัล!!! นายทำอะไร!!!” 


    เสียงตะโกนลั่นของลีโอทำให้ผมสะดุ้ง โผล่พรวดขึ้นเหนือผิวน้ำ ความรีบร้อนระคนตกใจทำให้ผมสำลัก
    จากนั้นก็ไอโขลกจนต้นเหตุที่ทำให้ผมอยู่ในอาการนี้ต้องเข้ามาช่วยลูบหลังจนกระทั่งผมหยุดไอในที่สุด


    “คิดว่าผมจะฆ่าตัวตายหรือไง!” ผมประท้วง ปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะทั้งไอ ทั้งสำลักอยู่พักใหญ่
    เสยผมที่เปียกโชกขึ้นเหนือหน้าผาก ใช้มือขยี้ตาที่น้ำจากเส้นผมไหลเข้าตาแบบไม่ได้ตั้งตัวอีกรอบหนึ่ง


    “ฉันขอโทษ” ลีโอพูดเสียงอ่อย ทั้งน้ำเสียงและสายตาที่แสดงความรู้สึกผิด ทำให้ผมเสียงอ่อนลง
    “ผมก็ขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ” ผมกุมมือของเขาที่วางอยู่บนไหล่ของผม และจูบหลังมือของเขาเบา ๆ


    นี่คือสิ่งที่ผมกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา ถึงเขายินดีที่จะไม่ผูกมัด และผมเชื่อคำพูดของเขา
    แต่ผมรู้ว่าสิ่งที่เขาหวาดหวั่นที่สุดคือการสูญเสียคนที่เขารักไปอีก เพราะเขาเผชิญกับสิ่งนี้มาหลายครั้ง
    การทำงานกับความตายไม่ได้ช่วยให้ทำใจเก่งขึ้น เพราะความสูญเสียของคนอื่นไม่เหมือนของตัวเอง


    ผมไม่ชอบการถูกผูกมัด และด้วยเหตุผลนั้น ผมจึงได้รักษาความสัมพันธ์ของผมกับลีโอไว้เพียงแค่เพื่อน
    สำหรับคนอื่น ผมสร้างกำแพงหนาเอาไว้ไม่ให้ก้าวข้ามความสัมพันธ์เกินเพื่อนหรือแบบข้ามคืนมาได้
    แต่สำหรับลีโอ กำแพงที่ผมเคยคิดว่าแน่นหนากลับไม่ต่างจากกำแพงสังกะสีที่ล้อมกั้นเอาไว้ชั่วคราว
    เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผมก็ห้ามใจของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจดีว่า สักวันเราอาจต่างต้องเสียใจ
    ผมอาจหยุดความสัมพันธ์ของตัวเองไว้ที่เขาได้ แต่หน้าที่การงานของผมนั้นมีความเสี่ยงต่อการสูญเสีย
    ผมรู้ว่า ลีโอเองก็รู้ความจริงข้อนี้ดี แม้จะพยายามบอกตัวเองไม่ให้กังวล แต่เขาก็ยังคงกังวลอยู่นั่นเอง


    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมที่ไบรตันเป็นสัญญาณเตือนว่า ชีวิตของผมอยู่ในความเสี่ยงมากแค่ไหน


    แบบแผนการลงมือที่คนร้ายทำกับผมเมื่อคืนก่อน ไม่เหมือนแบบแผนการกระทำของฆาตกรที่ผมตามหา
    แต่สัญชาตญาณและลางสังหรณ์ที่เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ในอาชีพตำรวจของผมบอกว่า
    มันคือคนร้ายคนเดียวกับคนที่ฆ่านีล แมคเคนซี และคอนสแตนติน่า เฮอร์สิกอส อย่างแน่นอน


    “นึกว่าไปทำงานแล้วซะอีก” ผมว่า ขยับตัวด้วยความจั๊กจี้ที่หลังต้นคอ เมื่อริมฝีปากของลีโอแนบลงที่นั่น
    เมื่อเขาไม่แคร์ว่าตัวเองจะเปียกตามไปด้วย ผมก็อิงศีรษะกับศีรษะของเขา และเอื้อมมือไปลูบผมเขา
    มีเสียงอืมเบา ๆ จากเขา เป็นทั้งคำตอบของคำถามที่ผมถาม และสิ่งที่บ่งบอกว่า เขาชอบสิ่งที่ผมทำอยู่
    ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายมากกว่าเมื่อคืนนี้ ที่เราต่างนอนกอดกันเงียบ ๆ โดยที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกัน


    “ผลตรวจเบื้องต้นจากแล็บที่ไบรตันเป็นข่าวดีใช่ไหม”


    ดูเหมือน ผมจะคาดเดาได้ถูกต้อง เพราะคางของเขาที่เกยอยู่กับบ่าของผมขยับเมื่อเขาพยักหน้าตอบ
    นอกจากตัวผมเองแล้ว ผมให้ทางแล็บส่งผลการตรวจนั้นให้ลีโอ ในฐานะที่เขาเป็น ‘พาร์ทเนอร์’ ของผม
    อย่างน้อย ความสัมพันธ์ของเราก็เป็นอย่างนั้นในตอนนี้ มันทำให้อะไรง่ายขึ้น และลีโอก็ดีใจที่ช่วยผมได้


    “ฉันไม่เรียกมันว่าข่าวดีหรอกนะ ฮารุ ด้วยความสัตย์จริง” ลีโอบอก “แต่มันไม่ใช่ข่าวร้ายแน่นอน”


    ผมรู้ว่าแพทย์นิติเวชมากประสบการณ์อย่างเขาอ่านผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ของผมออก
    และสิ่งที่อ่านง่ายยิ่งกว่าผลตรวจก็คือตัวเขาเอง เขาเป็นคนตรงไปตรงมา และหลอกคนอื่นไม่เก่ง


    “สรุปสั้น ๆ ว่า นายไม่ได้ถูกข่มขืน แต่อาจจะถูกล่วงละเมิดทางเพศภายนอก” เขาเอ่ยเรียบ ๆ
    น้ำเสียงของเขานิ่งและปราศจากอารมณ์ใด ๆ เหมือนทุกครั้งที่อธิบายผลการชันสูตรศพให้ผมฟัง
    “การพบสารหล่อลื่นที่บริเวณต้นขาด้านใน เท่าที่รู้เบื้องต้น น่าจะมาจากถุงยางอนามัย”
    “การตรวจหาเอนไซม์แอซิดฟอสตาเฟสที่ติดอยู่บนกางเกงชั้นในของนาย ให้ผลเป็นบวก”


    เขาหยุดอยู่ตรงนั้นชั่วขณะ ความหมายของผลตรวจประการที่สอง ผมรู้ความหมายของมันดี
    เอนไซม์แอซิดฟอสตาเฟสเป็นส่วนประกอบหนึ่งของน้ำอสุจิ แต่ในเมื่อคนที่ใช้ถุงยาง คือ คนลงมือ
    จึงมีความเป็นไปได้สูงพอสมควร และผมคาดเดาผลของมันได้ แม้จะยังไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอด้วยซ้ำ
    ว่าผมเป็นเจ้าของสารคัดหลั่งชนิดนั้นเอง อย่างไรก็ตาม ไม่พบสารหล่อลื่นและเอนไซม์นั้นในตัวผม
    อย่างที่ลีโอบอก มันไม่ใช่ข่าวดี แต่ก็ไม่ใช้ข่าวร้าย และยังมีเรื่องอื่นที่ต้องเป็นห่วง และรอการพิสูจน์


    “ผลเลือดล่ะ” ผมรู้ว่าตัวเองกำลังหน้าแดง ถึงจะจำอะไรไม่ได้มากนัก แต่ความฝันแหว่งวิ่นของผม
    ที่มีลีโออยู่ในนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หน้าของผมร้อนวูบ และพยายามเลี่ยงไปหาผลเรื่องอื่นแทน


    “ฟลูนิทราซีแพม หรือ โรฮิปนอล เป็นบวก”


    มือลีโอบีบไล่ไปตามไหล่ ต้นแขน และหลังคอของผมอย่างนุ่มนวล แต่น้ำหนักมือของเขาหนักพอควร
    “ฉันคาดว่า คนคนนั้นจะฉีดโรฮิปนอลเข้ากล้ามเนื้อนายมากกว่าให้กิน” เขาอธิบายข้อสันนิษฐาน
    “จากอาการคลื่นไส้ มึนหัวหลังจากได้สติแล้ว จำอะไรไม่ได้ เหมือนความทรงจำหายไปชั่วขณะ บ่งชี้ว่า
    ปริมาณที่นายได้ไปอาจมากกว่า 1 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นโดสปกติที่จ่ายให้คนไข้ที่นอนไม่หลับอยู่นิดหน่อย”


    “แปลว่าอีกสามเดือนผมควรไปตรวจเลือดอีกรอบ เพราะไม่รู้ว่าเข็มที่หมอนั่นใช้ปนเปื้อนอะไรหรือเปล่า”


    มีเสียงตอบรับแผ่วเบาจากเขา แขนของเขาเลื่อนมาโอบกอดผมไว้ เหมือนกังวลกับอนาคตไปกับผมด้วย
    ผมหันกลับไปจูบเขาเบา ๆ ที่มุมปาก ก่อนที่จะเอื้อมมือออกไปหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วลุกออกจากอ่างอาบน้ำ


    “ถ้าโชคไม่ร้ายมาก อาจจะติดแค่โรคตับอักเสบบีก็ได้ แต่ผมก็ไม่อยากให้ติดไปถึงคุณอยู่ดี”


    ผมใช้ผ้าพันตัว ยื่นมือให้ลีโอลุกขึ้นจากท่านั่งคุกเข่าอยู่ข้างอ่างอาบน้ำ ฉุดมือเขาให้ลุกยืนขึ้น
    “คุณเป็นหมอนะ ลีโอ” ผมยิ้มให้เขา “คุณรู้อยู่แล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทำยังไงเราถึงจะปลอดภัย”


    เขากอดผม เรากอดกันแน่น เพียงชั่วเวลาสั้น ๆ ก่อนที่เขาจะออกไปจากห้อง ให้ผมแต่งตัวให้เรียบร้อย
    ผมอาสาขับรถออกไปส่งเขาที่โรงพยาบาล บอกเขาว่ามีเรื่องที่ผมอยากตรวจสอบ และอยากไปซื้อของ


    ตามปกติแล้ว เราสองคน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม ไม่เคยปิดบังความจริงจากกัน
    ในคราวนี้ ที่ผมบอกเขาว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทำอย่างไรเราจึงจะปลอดภัย ต่างจากที่ผมคิดอยู่ในใจ


    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าผมจะเป็นอะไรไป ผมอยากให้เขาปลอดภัย... 



    To be continued >>> Day 22 : Depression
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in