Theme: Reincarnation
Pairing: Chwe Hansol x Boo Seungkwan
Rating: PG13
Warning: เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
◍ ◍ แนะนำให้ลองฟังเพลงนี้เพื่ออรรถรส
“สาม!”
“สอง!”
“หนึ่ง!”
เสียงดังของดอกไม้ไฟที่ถูกจุดตามด้วยแสงสว่างวับตัดกับผืนฟ้าสีดำสนิท สัญญาณของเทศกาลเฉลิมฉลองได้เริ่มขึ้น… เด็กหญิงคนหนึ่งมองภาพบนท้องฟ้าเบื้องหน้าของเธอด้วยแววตาเป็นประกาย มือเล็กเกาะเกี่ยวกับนิ้วของมารดาแน่นขณะที่เธอกำลังมองพลุหลากสีชุดแรกที่ถูกส่งขึ้นบนท้องฟ้า
ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งบนม้านั่งแย้มยิ้มออกมา แม้เขาจะไม่ค่อยชอบเด็กเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ใจจืดใจดำขนาดที่เห็นการแสดงออกอย่างบริสุทธิ์ของเด็กน้อยเป็นเรื่องน่ารำคาญ อีกอย่างภาพนั้นทำให้เขาคิดถึงแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว แม่เคยบอกว่าวันนี้เป็นวันที่เหล่าทวยเทพจะออกมาร่ายรำเพื่อน้อมรำลึกถึงชัยชนะและผู้วายชนม์... จุบจบของสงครามที่ลากยาวมานับศตวรรษ
ด้วยเหตุผลนี้ ทุก ๆ ปีแม่จะพาเขามา ณ ที่แห่งนี้เสมอ แม้หลายปีที่ผ่านมาจะไม่มีแม่แล้ว ชายหนุ่มก็ถือว่ากิจกรรมนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องทำทุกปี ไม่ว่าจะเดินทางไปแห่งหนใด ในช่วงนี้ของทุกปีเขาจะต้องกลับมา เช่นเดียวกับปีนี้ เขาและผู้คนเดินกันขวักไขว่เมื่อครู่ต่างหยุดนิ่ง ชื่นชมกับความงามอันน่าตื่นตาของดอกไม้ไฟ คล้ายกับมองงานศิลปะวาดลวดลายบนผืนฟ้ากว้าง
ขณะเดียวกัน เสียงดังลั่นของมันก็ทำให้บางคนถึงกับปล่อยแก้วกาแฟของตนด้วยความตกใจ…
ว่าจะไม่หลุดขำแล้วนะ
“หัวเราะอะไร?”
ชายคนนั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนที่หัวเราะอยู่หุบยิ้มแทบไม่ทัน ยิ่งเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจที่คนเอ่ยส่งมาให้ ยิ่งรู้สึกผิดและหน้าเสียไม่น้อย
“ขอโทษครับ…” ชายหนุ่มลูกครึ่งเอ่ยขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ พลางก้มหัวเล็กน้อย หวังว่ากิริยานอบน้อมจะช่วยดับอารมณ์คุกรุ่นของอีกฝ่าย ขอแค่ไม่ให้โมโหถึงขั้นด่าทอเพื่อระบายความหงุดหงิดก็เพียงพอแล้ว แต่พอเห็นอีกคนที่ยืนอยู่โบกมือไปมาเป็นเชิงไม่เอาความกับการกระทำที่ไร้มารยาทของเขา ชายหนุ่มจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วยิ้มแหย ๆ ให้กับชายตรงหน้าไป ก่อนที่จะกลับไปสนใจดอกไม้ไฟชุดต่อมาที่ถูกส่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง
ดอกไม้ไฟเป็นสัญลักษณ์ของหลาย ๆ อย่างแล้วแต่ใครจะตีความ มันอาจเป็นทั้งความหวัง การเริ่มต้นใหม่
หรือแม้แต่ทั้งจุดจบ
จุดจบที่ว่านี้ไม่ใช่จุดจบที่โศกเศร้า ความสวยงามของดอกไม้ยามที่แสงหลากสีกระจายไปทั่วท้องฟ้าคือช่วงเวลาตรึงตาอันน่าจดจำ แต่ความงดงามนี้กลับอยู่กับเราในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ
พุ่งทะยาน… และร่วงหล่น…
นี่คือจุดจบที่เข้ามาอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย
แต่เมื่อลองกลับมาคิดดูอีกที เพราะคนเราชอบในความสวยงามของมันยามที่อยู่บนท้องฟ้ามิใช่หรือ ทุกคนถึงยอมเบียดเสียดกับคนนับร้อย บางแห่งอาจนับพันเพื่อรอชมประกายไฟอายุสั้นเหล่านี้
หากจะคิดว่าการรอคอยเช่นนั้น ก่อให้เกิดความหวัง… ก็คงจะไม่แปลกกระมัง
ชายหนุ่มผู้นี้ก็เช่นกัน เขาเป็นช่างภาพอาชีพและความชอบในการถ่ายรูปไหลเวียนอยู่ในกายของเขา ช่างน่าแปลก… ที่คราวนี้เขากลับเลือกจะนั่งนิ่ง ๆ ใส่เฮดโฟนอันใหญ่ที่พอจะกลบเสียงรอบ ๆ กายได้ เปิดเพลงที่เขาชอบระหว่างนั่งดูการแสดงเบื้องหน้า ซึมซับความงามของมันเท่าที่สายตาและสมองของเขาจะทำได้
ทุกครั้งที่เขาคิดว่าภาพตรงหน้าช่างงดงาม เขาจะเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
เพราะว่าชายหนุ่มคนนี้พุ่งความสนใจไปที่พลุบนท้องฟ้าเพียงอย่างเดียว เขาเลยไม่ทันสังเกตเห็นว่ากำลังถูกใครบางคนจ้องมองอยู่
จนกระทั่งดอกไม้ไฟชุดสุดท้ายลาลับไปจากท้องฟ้า
ชายหนุ่มถอนหายใจกับเวลาที่ช่างผ่านไปไวเหลือเกินในความรู้สึกของเขา คู่รักคู่หนึ่งที่นั่งตรงม้านั่งแห่งเดียวกับเขาเริ่มขยับตัวและลุกออกไป เสียงหัวเราะของหญิงสาวยามคุยกับคนรักของเธอดูสว่างไสวและอบอุ่นหัวใจคนมองไม่น้อย เขายิ้มแล้วจัดแจงถอดเฮดโฟนออก แต่ก่อนจะได้เก็บทุกอย่างเข้าในกระเป๋า หางตาเหลือบเห็นใครคนหนึ่งยืนค้ำหัวเขาอยู่
อา ผู้ชายคนเมื่อกี้นี้เอง
“เออ มีอะไรหรือเปล่าครับ?” เขาทักไปอย่างขลาด ๆ แม้อีกฝ่ายจะตัวเล็กกว่าเขา แต่ท่าทีถือตัวกับหน้าตา—
เชี่ย...
คนตรงหน้าเขากำลังร้องไห้
“คะ... คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” เขาเป็นพวกแพ้น้ำตาซะด้วยสิ ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืน ด้วยอารามร้อนลน มือที่ไปก่อนความคิดพลันถือวิสาสะเอื้อมไปเช็ดคราบน้ำตาให้คนตัวเล็กกว่า
มือใหญ่กุมซีกหน้าของอีกฝ่าย พลางใช้นิ้วโป้งเกลี่ยคราบน้ำตาไม่น่ามองออกไป โดยไม่รู้ตัว เขาเผลอไผลนวดคลึงตามรูปตาของชายหนุ่มร่างเล็กกว่าอย่างแผ่วเบา ราวกับว่ากลัวคนตรงหน้าจะบุบสลาย
ดวงตากลมเป็นประกายระยับเพราะหยาดน้ำที่เอ่อคลอจ้องมายังเขาไม่วางตา นั่นทำให้เขารู้สึกตัวว่าทำสิ่งใดลงไป “ฉิบ— ผมขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ”
ชายหนุ่มลูกครึ่งก้มหัวให้คนตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า น่าแปลกที่อีกฝ่ายไม่พูดอะไร เพียงแค่มอง… มองจนเขาอดที่จะสังเกตเค้าเครื่องหน้าของชายอีกคนไม่ได้ คน ๆ นี้น่ารัก เป็นคำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายทำแก้วกาแฟตกพื้นแล้ว แต่พอได้เห็นอย่างใกล้ชิด ยิ่งในสภาพที่อีกคนน้ำตาคลอเบ้าเช่นนี้
ความรู้สึกแปลก ๆ ได้เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน
…ตื้นตัน อาการบีบรัดกลางอกนี่คืออะไรกัน? …ห่วงหาอาทร? …คุ้นเคยนะเหรอ? จะเป็นไปได้อย่างไรก็ต่อเมื่อเขาเพิ่งเคยเจอผู้ชายคนนี้ครั้งแรก
“…ร้องไห้?”
ชายหนุ่มร่างสูงสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกเจ้าของใบหน้าน่ารักทัก คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย เขาจะร้องไห้ได้ยัง— มือหนาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ข้างแก้ม หลักฐานมัดตัวชิ้นสำคัญที่ทำให้ชายหนุ่มตกใจกว่าเดิม
บ้าไปแล้ว
ท่าทางเงอะงะของเขาคงพิลึกไม่น้อยในสายตาของอีกคน ชายหนุ่มประมวลผลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี พลางปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม “เออ… ขอโทษจริง ๆ ครับ! คือ… ผมไม่ได้ตั้งใจจะร้อง…” น่าอายชะมัด แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมน้ำตาถึงไหลออกมาได้
ความรู้สึกแปลก ๆ นี้คืออะไรกันแน่?
เสียงหัวเราะแผ่วทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ในอาการสติแตกเงยหน้าขึ้นมา ไม่น่าเชื่อว่ารอยยิ้มบางจะทำให้ใบหน้าถือดีของคนตรงหน้าอ่อนโยนลงได้ถึงเพียงนี้ หัวใจของชายหนุ่มลูกครึ่งเต้นรัว ความรู้สึกร้อนผ่าวเห่อไปทั่วใบหน้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่อาการเช่นนี้ควรจะเกิดขึ้นเวลาอยู่ต่อหน้าคนที่เขาชอบ—
และเหมือนว่าอาการร้อนหน้าโดยไม่ทราบสาเหตุจะเป็นโรคติดต่อ เพราะหลังจากนั้นไม่นานเจ้าของร่างเล็กก็หน้าแดงก่ำตามเขาไปติด ๆ
บ้าไปแล้วจริง ๆ
เขาหัวเราะออกมา ไม่รู้เหมือนกันว่าหัวเราะให้กับอะไรกันแน่ระหว่างผู้ชายแก้มกลมที่กำลังหน้าแดงจนลามไปถึงลำคอ… หรือหัวเราะกับกับท่าทางผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้นกับตน
ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำพูดใด ๆ ออกมา นอกจากเสียงหัวเราะ
เสียงดังของดอกไม้ไฟที่ใคร ๆ ก็คิดว่าไม่น่าจะมีอีกแล้วดังขึ้น ชายหนุ่มทั้งสองโดยเฉพาะคนตัวเล็กกว่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียง แสงไฟดวงเล็กพุ่งขึ้นสู่เบื้องบน ก่อนจะกระจายสีสวยสดอยู่กลางท้องฟ้า แม้ไม่อาจดูออกว่าเป็นรูปร่างใด แต่ก็นำความตื่นเต้นและดีใจให้กับคนที่ยังอยู่บริเวณนั้นซึ่งต่างพูดในทำนองเดียวกันว่า ‘โชคดีที่ไม่รีบกลับไปก่อน’
เพราะว่าดอกไม้ไฟชุดนี้สวยที่สุดยิ่งกว่าดอกไม้ไฟชุดไหน ๆ ที่เขาเคยเห็นมา
“งามยิ่งนัก…” ชายหนุ่มร่างเล็กเอ่ยขึ้นทั้งรอยยิ้มบาง ดวงตาคู่สวยมองตรงไปยังผืนฟ้า
ภาพของคนตรงหน้าเรียกความสนใจของคนตัวสูงได้ไม่ยาก ระหว่างที่อีกฝ่ายชื่นชมกับความงดงามของพลุหลากสี เขากลับวางสายตาไว้ที่ชายที่ยืนข้างกัน มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของอีกคนอย่างหลงใหล
โดยรู้ตัวหรือไม่ ไม่มีผู้ใดอาจล่วงรู้ได้
พอรู้สึกตัวและพบว่าตนกำลังถูกมอง ชายคนนั้นเสียอาการเล็กน้อย “เออ…” ใบหน้าของคนตัวเล็กกว่ากลับมาแดงระเรื่ออีกครั้ง เมื่อชายหนุ่มลูกครึ่งเอื้อมมือมาจับมือของตนไว้
ใบหน้าไร้ที่ติของเจ้าของร่างสูงภายใต้แสงไฟเบื้องหน้าทำให้ทุกอย่างดูพร่ามัวไปเสียหมด
ชายหนุ่มสองคนต่างซ่อนความขวยเขินภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย แสงหลากสีกระจายตัวครั้งแล้วครั้งเล่าบนท้องฟ้าสีดำสนิท ในขณะที่มือทั้งสองต่างค่อย ๆ สอดประสานจนแนบแน่น
ไม่นาน… แสงสว่างของดอกไม้ไฟได้สิ้นสุดลงอีกครั้ง
.
.
.
ในวันที่ทวยเทพร่ายระบำ… วันแห่งการรำลึกเพื่อเริ่มต้น…
ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมา
ท่ามกลางเสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่
ท่ามกลางเสียงเพลงบรรเลงขับขาน
และอากาศอันเหน็บหนาว…
มีชายหนุ่มสองคนที่ต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันยังคงยืนอยู่ ณ ตำแหน่งเดิม ไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าสิ่งใดที่พวกเขากำลังคิดระหว่างที่อีกฝ่ายอยู่ตรงหน้า
แต่มีบางอย่างที่แสดงออกมาอย่างซื่อสัตย์และชัดเจน
ดวงตากลมโตของชายหนุ่มร่างเล็กมองคนตรงหน้า ไม่แปลกใจเท่าไรที่เห็นสายตาของอีกคนยังคงจับจ้องเขาอยู่ จึงตัดสินใจไม่เสหลบเหมือนก่อนหน้านั้น ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม น้ำเสียงแผ่วเบาทว่าอ่อนหวานกว่าครั้งใด ๆ เอ่ยขึ้น
“ยินดีที่ได้พบเจ้าอีกครา”
ชายหนุ่มอีกคนหัวเราะ ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มงามงดที่มอบให้กับร่างเล็กตรงหน้าเพียงผู้เดียว
มิแปรเปลี่ยน
End.
◍ ◍ talk with me free wifi :
-
- เรารีไรท์จากฟิคเก่าปี2014ของเราอีกที ถ้าคุ้นๆก็มาคุยกันได้ จะปลาบปลื้มมากเลย เพราะบล็อคนั้นเราลืมพาสเวิร์ดไปแล้ว
- เราดัดแปลงจากของเก่าเยอะเหมือนกัน แน่นอนว่าชอบที่แต่งใหม่อันนี้มากกว่า ลองเดากันมั้ยว่าชาติที่แล้วคุณตากล้องเขาเป็นใครมาก่อน เราแอบซ่อนรายละเอียดเล็กๆในเรื่องเยอะเลย
- มีอะไรติชมกันได้ที่ #kurofics ในทวิตภพหรือจะคอมเมนต์ตรงนี้ก็ได้นะคะ น้อมรับฟังเสมอ
- enjoy reading ♡
• แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ 1 (01.12.19)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in