นานาเสะค้นพบว่าร่างกายของเธอกำลังผิดปกติ
ไม่แน่ใจนักว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร แต่สาเหตุมันอาจจะมาจากการทำงานหนักที่สะสมมาเป็นเวลานานจนบางทีร่างกายของเธอคงใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้วก็ได้ เมื่อลองไปหาหมอก็ได้แค่คำแนะนำทำนองเดียวกัน พร้อมกับวิตามินบำรุงที่เธอค้นพบแล้วว่ามันไม่ได้ช่วยให้อาการดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย แถมมันยังคอยกวนใจ และสร้างความรู้สึกให้กลัวว่าจะไม่สามารถรักษาให้หายได้
ความกลัวที่ทวีคูณหนักขึ้นนั้นนำพาให้นานาเสะค้นพบอะไรบางอย่าง
บางอย่างที่ทำให้นานาเสะถูกตัดขาดจากโลกแห่งความเป็นจริง
บางอย่างที่ทำให้นานาเสะแตกต่างจากคนทั่วไป
ความแตกต่างเหล่านั้นถูกพบในกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งพวกเขามีอาการที่คล้ายกันคือ เสียความสามารถในการรับรู้รสชาติ อาจรวมไปถึงความสามารถในการรับกลิ่นด้วย นั่นทำให้ไม่ว่าจะกินอะไรเข้าไป ต่อให้เป็นของที่ตัวเองโปรดปรานถึงเพียงไหน แต่สิ่งที่รับรู้ได้เป็นเพียงความจืดชืดไร้ซึ่งรสชาติใด ๆ และในขณะเดียวกัน รสชาติที่หายไปเหล่านั้นได้ถูกแทนที่ในร่างกายของคนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเลือด เนื้อ กระดูก หรือแม้กระทั่งสารคัดหลั่งต่างๆ ภายใต้ทุกอณูของร่างกายนั้นล้วนหอมหวานจนสร้างความคลุ้มคลั่งเกิดกลายเป็นอาชญากรรมเสพรสชาติอันโอชะจากเหยื่อ
โดยมีชื่อเรียกแทนบุคคลทั้งสองกลุ่มว่า ส้อม
และนานาเสะก็ได้ค้นพบว่าตัวเธอนั้นคือส้อม
_____________________________________________________________
นานาเสะค้นพบว่าร่างกายของเธอกำลังผิดปกติ
ไม่แน่ใจนักว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร แต่สาเหตุมันไม่ได้มาจากการที่เธอทำงานหนักเกินไป หรือเป็นขีดจำกัดของร่างกายอะไรนั่นที่คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ มันเป็นเพียงโรควิปลาสที่เกิดมาอย่างไร้เหตุไร้ผล หมอจึงทำได้แค่ให้วิตามินบำรุงไร้ประโยชน์ และคำโกหกที่มักจะใช้หลอกเด็กๆ
'ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หายแล้วล่ะ'
จะหายได้ยังไงกันล่ะ.. นานาเสะจ้องมองตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องซ้อม ทุกคนกำลังสนุกสนานแม้จะเพิ่งผ่านการเต้นซ้ำไปซ้ำมากว่าร่วมชั่วโมง ซึ่งแตกต่างจากเธออย่างสิ้นเชิง ใบหน้าที่ถูกเติมแต่งนั้นก็ไม่อาจกลบรอยของความอ่อนล้าไปได้หมด เรี่ยวแรงหดหายจากการกินอะไรไม่ลง และมันไม่ใช่เพียงแค่ไร้รสชาติ แต่กับรู้สึกพะอืดพะอมทุกครั้งที่ต้องฝืนกลืนก้อนอาหารเหล่านั้นเข้าไป
การพบว่าตัวเองเป็นส้อมนั้นแย่กว่าที่คิด แต่ก็คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว นานาเสะเคยคิดเช่นนั้น จนกระทั่งสมองเริ่มประมวลอะไรบางอย่างได้
กลิ่นหอมดั่งขนมหวานที่เพิ่งออกมาจากเตา
นอกเหนือจากกลิ่นของอาหารที่หายไป นานาเสะยังคงได้กลิ่นของสิ่งต่างๆ ได้อย่างปกติ ทั้งกลิ่นอับชื้นของเสื้อผ้า กลิ่นแชมพูที่ใช้เป็นประจำ หรือกลิ่นน้ำหอมที่ลอยฟุ้งอยู่รอบตัว ใจจึงได้ระส่ำร่ำร้อง ถึงเป็นเพียงเสี้ยววินาที แต่ก็เป็นครั้งแรกหลังจากที่ต้องทนทุกข์ทรมานเป็นเวลานาน
กลิ่นที่กำลังโหยหา
ลำคอเกิดแห้งผากอย่างกะทันหัน มีใครบางคนที่สามารถทดแทนความต้องการที่ขาดหายไปของเธอได้ ความคิดนั้นกำลังครอบงำอย่างไม่ทันได้รู้ตัว และสายตาก็ได้ไล่สอดส่องคล้ายกับนักล่าที่กำลังมองหาเหยื่อ
และแล้วนานาเสะก็ได้รู้ว่าอาหารของเธออยู่เพียงเอื้อมมือ
.
.
“นานาเสะ เดี๋ยวซ้อมเสร็จขอคุยด้วยหน่อยนะ”
แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนคือหลังจากนี้ต่างหากล่ะ
เอ๊ะ ไฟห้องซ้อมยังเปิดอยู่ ใครกันนะดึกขนาดนี้แล้ว คิดก่อนจะเปิดประตูเข้าไป คนที่กำลังขยับไปตามจังหวะเพลงนั้นหันมาเหลือบมองนานาเสะที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่แถวประตู
“อ่าว ลืมของเหรอ ?” เธอเป็นฝ่ายโดนทักขึ้นมาก่อน
“เพิ่งคุยงานเสร็จน่ะ แล้ว...ซ้อมอยู่อีกเหรอ ?”
“อือ มีบางท่อนที่ยังตามไม่ทันน่ะ”
“งั้นเหรอ...”
ขณะที่ลังเลว่าจะพูดอะไรต่อดี ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเลิกสนใจนานาเสะไปแล้ว เธอพยักหน้าแล้วหันกลับไปเตรียมซ้อมต่อ นานาเสะจึงเดินไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ควรจะเป็นเช่นนั้น แต่สัญชาตญาณกลับร้องบอกว่าจะปล่อยผ่านไปไม่ได้ และไม่อาจทราบได้ทันทีว่าสัญชาตญาณที่ว่านั่นหมายถึงอะไร จึงเหลือบหันไปมองอีกเป็นครั้งที่สอง
“เอ่อ...ให้ฉันซ้อมเป็นเพื่อนมั้ย?”
ความเลือนลางนั้นค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง
เวลาผ่านไปโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว แต่สัมผัสนั้นกลับชัดแจ่มแจ้งขึ้นมาในใจของนานาเสะอีกครั้ง ปลายนิ้วที่แตะย้ำลงบนหัวไหล่ มือที่คอยประคองผิวร้อนชื้นเหงื่อให้ขยับท่าทางให้เป็นอย่างที่ควร ความใกล้ชิดที่จงใจให้มันเกิดอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอผู้นั้นไม่รู้อะไรเลย ไม่แม้แต่สังเกตเห็นความผิดปกติของนานาเสะที่เกิดขึ้นทีละนิด ปล่อยให้มันล่วงเลยเกินกว่าที่จะหวนกลับไปดั่งเดิม
“ไว้จะเลี้ยงข้าวตอบแทนนะ” อีกฝ่ายพูดอย่างอารมณ์ดีขณะที่เดินเคียงคู่กันเข้ามายังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า นานาเสะส่งเสียงตอบกลับไปในลำคอถึงแม้จะคิดว่าสิ่งนั้นไม่จำเป็นเลยสักนิด
ภายในห้องอันแสนมิดชิด นานาเสะรู้สึกได้ถึงผนังห้องที่ค่อยๆ บีบแคบลง จะว่าไป ที่ผ่านมาไม่เคยคิดว่าการเปลี่ยนเสื้อผ้าร่วมกับคนอื่นจะยากเย็นถึงเพียงนี้ ทำเป็นผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ กลิ่นหอมฟุ้งกระจัดกระจายไปทั่วตั้งแต่เมื่อกี้ เธอเหลือบไปมองร่างนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ อีกฝ่ายที่กำลังถอดเสื้ออยู่นั้นเผยให้เห็นส่วนโค้งมนอันงดงาม
รูปร่างที่พระเจ้าบรรจงสรรค์สร้าง เนื้อผิวขาวเนียนสะอาดน่าทะนุถนอม ทุกอย่างเป็นดั่งผลงานศิลปะชั้นเลิศ และชวนให้จินตนาการถึงรสชาติที่ไม่เคยได้ลิ้มลอง
ทั้งเลือด เนื้อ กระดูก หรือแม้กระทั่งสารคัดหลั่งต่างๆ ภายใต้ทุกอณูของร่างกายนั้นล้วนหอมหวานจนสร้างความคลุ้มคลั่งเกิดกลายเป็นอาชญากรรมเสพรสชาติอันแสนโอชะจากเหยื่อ
อาชญากรผู้คลุ้มคลั่งคือนานาเสะ และเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ปรากฎอยู่ภายหน้า
เป็นเค้กที่ชื่อ ชิราอิชิ ไม
สลักชื่อนั้นไว้ในใจเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนสติจะพันละลายหายไป
_____________________________________________________________
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in