ประมาณปีสองปีก่อนเคยบอกเพื่อนว่าอยากไปไต้หวัน
แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือ
“รอให้มันฟรีวีซ่าก่อนนะ”
เออ.. รอแล้วเมื่อไหร่จะได้ไปก็ไม่รู้
ช่วงประมาณต้น-กลางปี จำไม่ได้แน่ชัด คุยกับเพื่อนคนนึงว่าอยากไปไต้หวัน
แต่เนื่องจากว่างไม่ตรงกัน คุย ๆ แล้วสุดท้ายก็เงียบหายไป
เราว่าสิ่งที่ยากมากกว่าการหาเงินไปเที่ยวหรือหาวันลา ก็น่าจะเป็นเพื่อนร่วมทริปที่แหละมั้ง บางครั้งเราเป็นเพื่อน(สนิท)กันก็จริง เราอาจจะไปเที่ยวด้วยกันไม่ได้ อาจจะด้วยเหตุผลเรื่องเวลาและรสนิยม เพราะฉะนั้น ถ้าหาคน(ที่เหมาะสม)ไปด้วยไม่ได้จริง ๆ เราก็ว่าเราจะไปคนเดียว คิดว่าการไปไต้หวันคนเดียวนี่น่าจะไม่ยากเกินความสามารถของเรา
ต่อมา... ช่วงเดือนกรกฎาคม 2016 รัฐบาลไต้หวันประกาศให้คนไทยสามารถเข้าเมืองได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าน่าจะประมาณ 30 วันนะมีระยะทดลอง(?) 1 ปี รายละเอียดอยากรู้ไปเสิร์ชเอา 55555555555555
วันที่ 22 กรกฎาคม 2016
นึกยังไงไม่รู้ชวนอันไปไต้หวัน อินี่ก็ตอบตกลงแบบไม่รู้ว่ามีการไตร่ตรองหรือคิดอะไรบ้างไหม เราเลยลองกดจองตั๋วของ V Air มา รวมทุกอย่าง 7,874 บาท ความจริงตั๋วไม่ถูกเลยนะ แต่ก็ไม่แพงมาก(มั้ง)เราแพลนไว้ว่าจะเที่ยวช่วงวันเกิดตัวเอง เลยเลือกเป็นวันช่วง9-8 กุมภาพันธ์ 2017 พอจองตั๋วเสร็จก็ซื้อหนังสือมาอ่าน หาข้อมูลไปเรื่อย ๆ คือเตรียมตัวละ มีความพร้อมสุด
จนกระทั่งวันที่ 9 สิงหาคม 2016
V Air ประกาศยกเลิกทุกเที่ยวบินหลังวันที่30 กันยายน 2016
วอททททททททททททททททททททททท!!!!!!!!!!
ตอนนั้นตกใจมาก งงด้วย ยังไง ยกเลิก... แล้วยังไง แผนก็พังป่ะวะคือต่อให้เขาประกาศว่าคืนเงินมาเต็มจำนวนก็ยังกังวลอยู่อ่ะ เพราะต้องหาตั๋วใหม่ซึ่งตั๋วอาจจะไม่ถูกและอาจจะเวลาบินไม่ดี คิดไปนั่นนู่นนี่คือเริ่มเหี่ยวละ คิดว่าคงล่มแน่ ๆ รู้สึกหมดพลังงาน รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
แต่… วันที่ 11 สิงหาคม 2016เวลา 10.52 น (เออ เราจดบันทึกไว้ด้วยแหละ) 555555555
เราไลน์คุยกับอันว่า EVA Air มันมีโปรแหละ แต่ถึงแค่สิ้นปีเองอ่ะ เออ เอาไง ไหนลองกดดูซิ กดไปกดมา 11.15น. จองตั๋วเสร็จเรียบร้อย 55555555555555555 ได้ตั๋วขาไปวันที่ 7 ธันวาคม 2016 ขากลับ 12 ธันวาคม 2016 โอยยยยยไม่ช่วยกันห้ามแล้วยังพากันพังพินาศ 555555555 ช่วงนั้นน่าจะเครียด ๆ ด้วยเลยขาดการยั้งคิด (ข้ออ้าง) ตัดสินใจกันเร็วมาก ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ (23 นาทีอะนะ) ความบ้าบอคือ V Air ก็ยังไม่คืนเงิน แม้เขาจะส่งเมลมาแจ้งว่าจะคืนภายใน 45 วันก็ตาม รู้นะว่าเสี่ยงแต่ก็เต็มใจกันเหลือเกิน ไงล่ะ
พอได้ตั๋วเสร็จ มานั่งดูวัน เอ๊ะ…แพลนเดิมเราจะเที่ยวกันประมาณ 5 วัน 4 คืนนับไปนับมา อ้าว นี่มัน 6 วัน 5 คืนนี่หว่า กดวันผิดสินะ เลยได้วันเกินมาอีกวัน ช่างมันเถอะ ไหน ๆ ก็ไปแล้ว (เปิดการ์ดนาน ๆ ที) เราไม่ได้จะไปบ่อย ๆ สักหน่อย...
วันที่ 31 สิงหาคม 2016
V Air คืนเงินมาแล้ว ครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์ โล่งอกโคตรรรรร
วันที่ 27 กันยายน 2016
เห็นจากเพจอาแปะ EVA บอกจะเพิ่มน้ำหนักกระเป๋าให้จาก 20 kg เป็น 30 kg ตอนแรกก็ไม่มั่นใจเพราะแปะไม่ได้บอกข้อมูลอะไรมากมาย เราเลยโทร.ไปเช็คกับสายการบิน เออ… ปรากฏว่าเพิ่มจริง แถมยังแจ้งเปลี่ยนเวลาบินด้วย ขยับออกไปประมาณครึ่งชั่วโมง ก็โอเค ไม่ได้แตกต่างอะไรมาก
วันที่ 12 ตุลาคม 2016
เราตัดสินใจจอง Banana Hostel ไปทั้ง 5 คืน เพราะขี้เกียจย้าย และที่พักมันน่ารัก ไม่แพง เดินทางสะดวก คนไทยน่าจะไปไม่เยอะ(เหรอ) เดิมเราจองผ่าน booking เหตุผลคือมันยกเลิกได้โดยไม่เสียเงินถ้ายังไม่เกินกำหนด แต่ไปรู้จากตอนเที่ยวเชียงใหม่ว่าจองผ่าน booking มันแพงกว่า พอกลับมาถึงเลยลองเข้าไปดูใน Hostelworld อืม… ถูกกว่าจริงๆด้วย แต่มีค่ามัดจำ ไหน ๆ ก็จะไปอยู่แล้วจอง ๆ มันไปเลยละกัน
อ่ะ… จองที่พักเสร็จก็จองประกันเดินทางของ MSIG เช่นเคย เราเลือกแพค 785 บาท
วันที่ 19 ตุลาคม 2016
กรอกใบเข้าเมืองออนไลน์เรียบร้อยแล้ว ดูรีบ ความจริงคือกลัวลืม เพราะคิดว่าถ้าใกล้วันไปเราต้องยุ่งจนลืมนั่นลืมนี่แน่ ๆ เพราะดูจากตารางนัดเราก็มีศาลเกือบทุกวันเลย
วันที่ 5 พฤศจิกายน 2016
แลกเงิน ซื้อซิมเรียบร้อย เราเลือก sim2fly ของ aisมันใช้ได้ 7 วัน 399 บาท ถูกกว่าไปซื้อที่สนามบินเถาหยวนนิดหน่อยเลยลองดู และก็ซื้อเสื้อแขนยาวเพิ่มนิดหน่อย เตรียมขนมแมวและของจำเป็นเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คิดว่าพร้อมเดินทางแล้วล่ะ มีเงินกับพาสปอร์ตก็น่าจะรอดแล้วเนอะ
ทั้งหมดที่ว่ามานี้เราบันทึกเอาไว้ในสมุดก่อนไป และคิดว่ามันน่าจะเป็นบทนำ(?)ของทริปนี้ ซึ่งเป็นทริปที่ดีมาก ๆ ดีจนคิดว่าถ้าไม่บันทึกทุกอย่างเอาไว้เราต้องเสียดายและเสียใจทีหลังแน่ ๆ
เพราะฉะนั้นก็เริ่มเลย ก่อนเราจะลืมมันเนอะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in