ตอนแรกคิดอยู่นานว่าจะเล่าเรื่องไหนเป็นเรื่องแรก เลยเขียนเรื่องนี้เลยแล้วกัน
ขอตั้งชื่อว่า "พรีเซนต์เทชั่นของคนยุคสงคราม"
ฉันเป็นคนที่ชอบอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มากๆ อีกเหตุผลหนึ่งคือ วันเกิดตัวเอง
ตรงกับวันที่ 6 สิงหาคม พวกเราอาจจะรู้เรื่องราวมาบ้างว่าโลกเราเคยเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งดีและร้ายนับไม่ถ้วน จนวันนึง เริ่มมีอินเทอร์เน็ตเข้ามาก็ทำให้รับรู้เรื่องราวอดีตได้อย่างง่ายดาย วันนั้นเป็นวันเกิด แต่เวลาเปิดไปเจอข่าวก็จะเจอแต่วันครบรอบและไว้อาลัย เลยคลิ๊กเข้าไปดูเนื้อหา วันที่ 6 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันปรมาณูลงที่ ฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่นพอดี มีความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากสงครามมากมายนับไม่ถ้วนทั้งผู้ที่จากไปและผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เหมือนไม่มี
ฉันจะเล่าเรื่องสมัยมหาลัย ช่วงนั้นต้องเรียนไปและทำงานไปด้วยเพื่อเป็นค่าเทอมและจะได้ไม่ต้องรบกวนรายได้จากพ่อแม่มากนัก จึงรับงานมาทำก็คือพรีเซนต์เทชั่น ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งานแต่งงาน
เกษียน หรืองานต่างๆ ของคนที่รู้จักและคนที่อาจารย์ในสาขาแนะนำมาให้ ฉันมีฝีมือในการตัดต่อที่อาจจะไม่เป็นมืออาชีพมาก แต่อาศัยความเข้าใจของผู้คนที่ต้องการให้ทำพรีเซนต์เทชั่นให้ ตั้งราคาไม่สูงมาก บางทีก็แล้วแต่เจ้าของงานจะให้ เพราะอย่างน้อยก็ได้พัฒนาฝีมือตัวเอง
วันนึง ฉันฝันเห็นบ้านไม้สองชั้น ที่มีลักษณะคล้ายบ้านไม้ของคนจีนในไทยเมื่อก่อน ฝันว่าเดินไปในบ้านหลังนั้นเรื่อยๆ ตามเสียงเรียกของผู้ชายสูงอายุคนนึง สักพักก็กลายเป็นเสียง ที่ตะเบงใส่ข้างหูดังๆ
ว่า ต้องหาให้เจอ ! เธอต้องหาให้เจอ ! ใช่ เป็นความฝันก็จริงแต่ก็ทั้งกลัวละก็ต้องหาของให้เจอ ซึ่งตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องหาอะไร ไม่งั้น ออกไปจากห้องนี้ไม่ได้แน่ๆ ระหว่างคิดแบบนี้ในฝันนั้น ก็เห็นภาพผู้ชายสูงอายุหน้าตาจีนๆ ผมขาวๆ คนนึงโผล่แว๊บขึ้นมา แน่นอน ฉันจำหน้าได้แม่นเลย สักพักมองไปมุมห้องที่ตัวเองไม่น่าจะได้ออกมา ก็เจอหีบไม้ใหญ่ๆ ที่มุมห้อง พอกำลังเปิด ก็สะดุงตื่นพอดี แต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดอะไร นึกว่าตัวเองฝันไปเรื่อยเปื่อย
จนผ่านมา 1 สัปดาห์ อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยบอกฉันว่า ช่วยทำพรีเซนต์เทชั่นงานนึงให้หน่อย จากญาติของอาจารย์ ซึ่งเป็นเกี่ยวกับงานรวมญาติของตระกูลคนจีนที่อพยพมาอยู่ไทยของจังหวัดที่ฉันอยู่
นี่แหล่ะ ฉันก็ตอบตกลง เพราะเป็นช่วงปิดเทอมพอดี พอถึงวันที่เจ้าของงานนำข้อมูล บทของพรีเซนต์เทชั่น พร้อมที่จะบันทึกเสียงมาให้ ซึ่งเจ้าของงานเป็นคนที่ใช้เสียงตัวเองเพื่อให้ฉันบันทึกเพื่อไปทำพรีเซนต์ เพราะเป็นรุ่นเหลนและเขียนบทดีมากเลย ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นนักข่าวมาก่อน ฮ่าๆ
เรื่องราวพรีเซนต์เทชั่นคือ ผู้ชายคนนึง ซึ่งเป็นคนจีน อพยพมาที่ไทยโดยเรือสำเภามาแรมเดือน
เพราะต้องหนีจากสงครามนานกิง (ตอนนั้นก็ไม่เคยอ่านเรื่องสงครามนานกิง จนได้มาทำพรีเซนต์
นี่แหล่ะ ) พอมาถึงฝั่งไทย ก็ต้องทำงานเพื่อเลี้ยงชีวิตอย่างยากลำบากด้วยการทำทางรถไฟสายมรณะ
ที่จังหวัดกาญจนบุรีจนเสร็จ ก็เดินทางหาอาชีพใหม่ผ่านทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ จนวันนึง
คนจีนคนนี้ต้องการหาอาชีพที่สุขสบายกว่าการทำทางรถไฟคือ การเป็นพ่อค้า ค้าขายในจังหวัดที่ฉันอยู่ พอดี. พอบันทึกเสียงเสร็จแล้ว เจ้าของงานให้เวลาฉัน ประมาน 7 วัน ซึ่งเป็นเวลาที่เยอะที่สุดตั้งแต่ทำพรีเซนต์เทชั่นมา 555 ฉันก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าของงาน ซึ่งมีรูปภาพเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เรือสำเภา จังหวัดต่างๆ ที่คนจีนคนนี้เคยอยู่ แต่เจ้าของงานยังไม่ได้ให้สิ่งนึงกับฉันคือ รูปภาพคนจีนคนนั้น ซึ่งเป็นปู่ทวดของเจ้าของงานเอง บอกอีก 2-3 วันจะเอารูปมาให้ ฉันก็นั่งสแกนรูปจากหนังสือประวัติศาสตร์ที่เจ้าของงานให้มา (เจ้าของงานเป็นเจ้าของร้านหนังสือที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ด้วยนะ) เลือกเพลงประกอบพรีเซนต์เทชั่น อ่านเรื่องสงครามนานกิงไปด้วย บางครั้งหาข้อมูลไปก็ค่อนข้างหดหู่ (ลองเสิร์จรูปจากพี่กูเกิ้ลดูจะรู้ว่าแต่ละรูปโหดมาก) แต่โพสวิดีโอประกอบไปเลยละกัน
จนมาถึงวันที่เจ้าของงานเอารูป คนจีนคนนั้นมาให้โดยอยู่ใน แผ่นซีดี ก่อนที่จะเปิด อยู่ดีๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า จะใช่รูปผู้ชายคนจีนคนนั้นที่ฉันฝันเห็นไหมนะ พอค่อยใส่แผ่นซีดีลงไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์
ที่ตัวเองใช้งานบ่อยๆ รอเครื่องอ่านแผ่น ก็มีความตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย พอเปิดไปทีละโฟลเดอร์ก็เจอภาพ ปรากฏว่าเป็นภาพผู้ชายคนจีนที่ฝันเห็นจริงๆ ด้วย หน้าเหมือนกันเป้ะ มีหลายรูปมาก แต่มีรูปนึงที่เหมือนในฝัน แรกๆ ที่เริ่มทำงานไป ก็รู้สึกกลัวนะ คือแบบทำไมต้องฝัน แล้วทำไมต้องให้หาของให้
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าต้องหาอะไร พอเริ่มตัดต่อวีดีโอไปความคิดก็เริ่มเปลี่ยนจากกลัวก็เป็นเศร้าไปด้วย เพราะเค้าอพยพมาที่นี่คนเดียว พ่อกับแม่ต้องอยู่ที่เมืองจีน และต้องส่งจดหมายผ่านกะลาสีเรือไปหาที่บ้านที่ตัวเองหนีสงครามมาซึ่งไม่รู้จะถึงมือพ่อกับแม่ไหม แต่ด้วยความที่เดิมแล้วคนจีนคนนี้เคยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่บ้านเกิด ทำให้เค้าสามารถทำมาค้าขาย ในจังหวัดนี้จนมีอาชีพที่รุ่งเรืองส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานได้ดี ฉันก็เลยเลือกรูปที่เหมือนที่ฝันเห็นคนจีนคนนั้น ใส่เป็นรูปแรก และหน้าปกพรีเซนต์เทชั่นเพื่อที่เจ้าของงานจะนำไปแจกเป็นที่ระลึกกับลูกหลานที่มาในงานรำลึกถึงบรรพบุรุษและนำไปเปิดในงานเลี้ยงของลูกหลานที่มารวมตัวกัน มันทำให้ฉันเข้าใจว่านี่คงเป็นสิ่งที่คนจีนคนนี้ต้องการ
แต่ปัจจุบัน ฉันก็ยังไม่เคยเล่าให้เจ้าของงานฟัง ซึ่งเป็นลูกหลานแท้ๆ ที่ต้องการรำลึกถึงบรรพบุรุษที่เคยลำบากมาก่อนและสามารถทำให้ลูกหลานได้อยู่อย่างสุขสบาย แต่มันก็ทำให้ฉันเปลี่ยนแปลงจากความกลัวเป็นความเข้าใจถึงคนที่จากไปแล้วกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่มากขึ้น :D
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in