เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
At The Age of 22 : ความสับสนแห่งวังวนที่ 22shortlegs
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน มวลโดยรวมที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
  • "ครั้งที่สองเสร็จไหม" เขาทิ้งตัวเอนกายลงนอนข้างฉันหลังปลดถุงยางอนามัยออก
    "เสร็จ" ฉันตอบ
    "ดีมาก" ฉันหันหลังให้เขา รู้สึกได้ว่าเขายิ้มโดยที่ไม่ต้องหันไปมอง เขาโอบกอดฉันจากด้านหลังก่อนจะเริ่มส่งเสียงกรน 

    ผู้ชายที่เจอจากแอพนัดเดต โหลดแอพมาลองใช้ตอนเย็น นอนหมดแรงบนเตียงนอนตอนตีสามของวันเดียวกัน ง่าย ๆ แบบนั้นเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำให้เป็นเรื่องยากไปทำไมในเมื่อก็เสร็จสมอารมณ์หมายทั้งคู่ ฉันเริ่มหลงรักความสัมพันธ์แบบนี้เสียแล้ว ไม่ผูกมัด ไม่เสียใจ แยกเรื่องรักออกจากเรื่องเงี่ยนชัดเจน ฉันโหลดแอพนัดเดตนี้มาเพราะต้องการหา Sex Partner ไม่ได้ต้องการหาคนคุยหรือคนที่ใช่ ฉันต้องการแค่ sex เท่านั้น ซึ่งเขาก็ตอบโจทย์ อันที่จริงเราค่อนข้างตอบโจทย์ของกันและกัน 

    "sex จัดหรือเปล่าเนี่ย?" เขาถามก่อนที่เราจะนัดเจอกัน 
    "ไม่นะ ขึ้นอยู่กับว่าเทียบกับอะไรด้วย ขอบเขตของคำว่า sex จัดของเธอกว้างแค่ไหนล่ะ?"
    "สำหรับเรานะ แสดงออกมาชัดเจนว่ามีความต้องการ นั่นคือ sex จัด"
    "ถ้างั้นตามขอบเขตของเธอ เราก็เป็นคน sex จัด แต่ส่วนตัวเรามองว่าปกติ มันเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษยชาติ เหมือนหิวข้าว ง่วงนอน ปวดขี้นั่นแหละ ถ้าใครจะบอกว่าอดข้าวไม่ได้ แต่อดเอาไม่ตาย...ในระยะสั้นอาจจะจริง แต่ถ้าในระยะยาวมันคือจุดสิ้นสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์เลยนะ ฉะนั้นต้องการก็แสดงออกไปว่าต้องการดีกว่า"
    "ดี ๆ เราไม่ค่อยเจอผู้หญิงแบบเธอเท่าไหร่"
    "เราก็ไม่ค่อยเจอ ไม่ค่อยมีใครพูดเรื่องแบบนี้กันแบบโจ่งแจ้งหรอก แต่ถ้ามาจะแอ๊บใสบอกว่าฉันไม่มีอารมณ์ทางเพศ คุณควรไปหาหมอนะ คุณผิดปกติแล้ว เพราะอะไรรู้ไหม มนุษย์มันก็เงี่ยนกันทุกคนนั่นแหละ"

    เขาจบบทสนาร้อนฉ่าด้วยการนัดเจอกันที่โรงแรมตอนตีสองซึ่งออกจะชวนง่วงไปสักหน่อย แต่เหล็กต้องตีตอนร้อน ๆ และเวลาที่อ่านหนังสือได้มีประสิทธิภาพที่สุดคือตอนที่อยากอ่าน ฉันใดก็ฉันนั้น เรื่องหงี่ต้องบรรเลงตอนที่ต้องการเหมือนกัน
    "นายทำแบบนี้บ่อยไหม" ฉันถามก่อนยื่นบุหรี่ให้เขา เขารับไว้ เรานั่งเปลือยเปล่าพิงกำแพงสูบบุหรี่ด้วยกันในตอนเช้า
    "ไม่นะ"
    "ไม่รู้สึกอยากมีใครสักคนเหรอ พอทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ มันจะต้องมีจุดหนึ่งที่เรารู้สึกว่าไม่อยากเปลี่ยนคู่นอนแล้ว โผล่มาบ้างแหละ"
    "ที่จริงมันก็มีความรู้สึกแบบนั้นบ้าง แต่พอชั่งตวงน้ำหนักกันแล้วเราชอบตัวเองแบบนี้มากกว่า เราไม่ชอบตัวเองตอนมีความรักสักเท่าไหร่ เราจะกลายเป็นคนแบบที่เราเกลียด คนน่ารำคาน ขี้ระแวง ขี้หึง ผูกตัวเองไว้กับห่วงความกังวลของความสัมพันธ์ เราอึดอัด"
    "ยอมเสี่ยงโรคดีกว่าไม่เป็นอิสระสินะ"
    "แหม เราก็เซฟตัวเอง เธอเองก็ด้วยนี่...แต่จะใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอดคงไม่ได้หรอกมั้ง ถึงเวลาก็คงต้องหยุดแล้วลงหลักปักฐาน มีครอบครัวแบบที่คนทั่วไปเขาทำกัน"

    ฉันเหม่อลอยไปไกล กว่าจะถึงวันที่ได้มีครอบครัวเป็นของตัวเองจะต้องผิดหวังอักสักกี่รอบกันนะ หลังจากมีครอบครัวแล้วความผิดหวังจะเกิดขึ้นอีกไหมนะ ฉันจะกล้าหาญพอที่จะกระโดดเข้าไปในหล่มอันตรายที่เรียกว่าความรักได้หรือเปล่า การเอาตัวมาเสี่ยงโรคกับการเปลี่ยนคู่นอนสำหรับฉันเป็นเรื่องที่ใช้ความกล้าน้อยกว่าการเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานะ 'คบกันจริงจัง' เสียอีก รู้สึกสิ้นหวังกับความสัมพันธ์เป็นบ้า
    "กลับกันเถอะ" เราลุกขึ้นแต่งตัว แยกกันหน้าโรงแรม แสงอาทิตย์ของวันใหม่สาดส่องไปทั่วบริเวณ ลบเงาของชายที่เคยร่วมเตียงด้วยเมื่อคืนไป เราไม่ได้ติดต่อกันอีกหลังจากนั้น ต่างคนต่างใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการไปพร้อมกับหินปูนแห่งความเฉยชาที่กำลังห่มหุ้มหัวใจคนแบบเรา 

    พอกตัวหนาขึ้น 
    หนาขึ้นเรื่อย ๆ 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in