ข้อมูลเบื้องต้นของหนังสือ
ชื่อหนังสือ : เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น (COFFEE GA SAMENAIUCHINI)
ผู้แต่ง : คาวางุจิ โทชิคาซึ
แปล : ฉัตรขวัญ อดิศัย
ออกแบบปก : วรรณา ตั้งแสงประทีป
หมวด : วรรณกรรมแปล
จำนวน 266 หน้า ราคา 245 บาท
สถานที่ซื้อ : ร้านนายอินทร์ สาขาโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย (อาคาร CSSDชั้น1)
ทำไมถึงซื้อหนังสือเล่มนี้ ?
ความจริงก็ไม่ได้มีเหตุผลที่ซับซ้อนหรือจริงจังเท่าไหร่ จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่เราไปพบจิตแพทย์ครั้งแรก ระหว่างรอคิวที่โคตรจะนาน เราเลยฆ่าเวลาด้วยการเดินเล่นที่ร้านหนังสือ เรากวาดสายตาไปทั่วร้านก่อนจะสะดุดตากับปกหนังสือสีขาวพร้อมเก้าอี้ไม้และโต๊ะกาแฟ พร้อมชื่อที่เรื่องที่น่าสนใจอย่าง เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น
เราหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ก่อนจะพลิกดูปกหลังเพื่ออ่านเรื่องราวคร่าว ๆ ของหนังสือ แล้วพบว่าหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับ การย้อนกลับไปอดีต แต่ความจริงในปัจจุบันจะไม่เปลี่ยนแปลง
ด้วยความที่เราไม่ได้อ่านหนังสือแนววรรณกรรมหรือนิยายมาตั้งแต่ขึ้นมหาวิทยาลัย (3 ปี) เราจึงตัดสินใจหยิบหนังสือเล่มนี้ไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ โดยหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยทำให้เราเข้าใจเหตุผลของอดีตและก้าวเดินต่อไปได้
สรุปเนื้อหาคร่าว ๆ
หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับร้านกาแฟลึกลับแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ชื่อว่า
ฟูนิคูลี ฟูนิคูลา (มาจากชื่อเพลงจากสเปนที่นิยมในญี่ปุ่น) ถ้าถามว่าลึกลับอย่างไร ก็คงตอบได้ว่า ลึกลับจนได้เป็น "ตำนานประจำเมือง" เลยทีเดียว และตามตำนานบอกว่า...
มีเก้าอี้ตัวหนึ่งในร้านกาแฟแห่งนี้
สามารถพาเราไปช่วงเวลาที่ต้องการได้
แต่การย้อนเวลานั้นมีกฎที่ยุ่งยาก ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าตำนานของร้านกาแฟแห่งนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่
โดยกฎของร้านกาแฟมีอยู่ว่า
1. แม้กลับไปในอดีตแล้ว ก็ไม่สามารถเจอคนที่ไม่ได้มาเยือนร้านกาแฟนี้ได้
2. แม้กลับไปในอดีต แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ความเป็นจริงก็ไม่เปลี่ยนแปลง
3. หากในอดีตที่ย้อนกลับไปมีลูกค้านั่งอยู่ จะไม่สามารถย้อนอดีตกลับไปได้ นอกจากลูกค้าคนนั้นจะลุกออกไปเท่านั้น
4. แม้จะย้อนไปในอดีต แต่จะไม่สามารถลุกหรือย้ายออกจากที่นั่งได้
5. การจะกลับไปในอดีตได้คือหลังจากที่รินกาแฟใส่ถ้วยแล้วและอยู่ได้แค่ช่วงก่อนที่กาแฟนั้นจะเย็นชืดเท่านั้น และนอกจากจะย้อนอดีตแล้วก็ยังสามารถไปอนาคตได้อีกด้วย
แต่! ลูกค้าที่เขาพูดถึงเนี่ย ไม่ใช่ลูกค้าที่เป็นคนแต่เป็นวิญญาณ ซึ่งวิญญาณตนนี้จะลุกแค่วันละหนึ่งครั้งเท่านั้น !!
หนังสือเล่มนี้ได้แบ่งเนื้อเรื่องเป็น 4 พาร์ท โดยแต่ละพาร์ทจะแสดงให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น คนรัก สามี-ภรรยา พี่-น้อง หรือ แม่-ลูก
ได้อะไรจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ ?
สิ่งที่เราได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ คือ เกร็ดความรู้เกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์เฉียบพลัน (จากตอน สามี-ภรรยา) และสภาพสังคมโดยรวมของญี่ปุ่น (จากตอนพี่-น้อง) นอกจากนั้น เรายังประทับใจในความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครนอกเหนือความสัมพันธ์ทั้ง 4 ที่หนังสือเล่มนี้ต้องการนำเสนอ
ขอแอบกระซิบว่า... เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น เป็นหนังสือที่แบ่งเป็นสี่พาร์ทตามที่เราได้บอกไปก่อนหน้านี้จริง แต่ทั้งสี่พาร์ทนั้นไม่ได้แบ่งแยกกันโดยสิ้นเชิง เพราะตัวละครในเรื่องมีบทบาทเป้นทั้ง เจ้าของร้านกาแฟ พนักงาน ลูกค้าประจำ หรือลูกค้าขาจร นั่นหมายความว่า เหตุการณ์บางส่วนในพาร์ทแรกจะสอดแทรกตัวละครและเหตุการณ์สำหรับพาร์ทต่อไป
นอกจากนั้น เรายังได้ข้อคิดดี ๆ จากหนังสือเรื่องนี้ นั่นคือ
ในชีวิตจริงเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้แบบในหนังสือเล่มนี้ และตัวละครในหนังสือเล่มนี้ มักจะย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่เขาต้องการทำหรือพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่ได้ทำมันออกไป เราเลยคิดว่า...ถ้ารู้สึกอยากทำอะไรสักอย่างหรืออยากบอกอะไรกับใครสักคน ควรแสดงออกไปในตอนที่ยังมีโอกาส เราควรใช้เวลาที่ได้มาในปัจจุบันให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่งั้นเราอาจจะต้องจมอยู่กับความเสียดายในวันที่ไม่มีโอกาสให้ลงมือทำ
และเมืื่อทุกคนอ่านมาถึงตรงนี้ ก็อาจเกิดข้อสงสัยว่า หากย้อนเวลากลับไปแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่เปลี่ยนแปลง แล้วย้อนกลับไปทำไมล่ะ ?
นี่เป็นอีกหนึ่งข้อคิดที่เราได้จากหนังสือเล่มนี้ คือ สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว เราจะมองว่ามันดีหรือแย่ก็ขึ้นอยู่กับใจของเรา การที่เราจมอยู่กับเรื่องเรื่องหนึ่ง นั่นเป็นเพราะใจของเรายังยึดติดอยู่กับมัน เราอาจจะเสียดายในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ หรือเสียใจกับการตัดสินใจบางอย่างในอดีต
พอเราอ่านหนังสือเล่มนี้ ก็พบว่า... แม้ความจริงที่เกิดขึ้นกับตัวละครจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เกิดที่เปลี่ยนไปคือความรู้สึกในใจของเรา เพราะทุกครั้งที่ตัวละครย้อนกลับไปในช่วงเวลาของตัวเอง พวกเขาได้พูดในสิ่งที่ต้องการ การกระทำเหล่านั้นช่วยปลดล็อกความรู้สึกในใจของเขา เราจึงคิดว่า...
แม้เราจะไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขอดีตได้
แต่เราสามารถปรับมุมมองและเรียนรู้จากสิ่งที่เคยเกิดขึ้น
เพื่อเป็นหนึ่งในแรงผลักดันตัวเราในอนาคตนั่นเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in