เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
5 Minuteapaew
On The Train Ride Home
  • เสียงพิธีกรข่าวในทีวีกำลังพูดถึงข่าวสำคัญต่อโลกและอีกนัยหนึ่งคือสำคัญต่อเธอ ทุกวันนี้เป็นเรื่องปกติที่เธอต้องเปิดทีวีไว้ตลอดเกือบ 24 ชั่วโมงเพื่อที่จะรับฟังข่าวเหตุการต่างๆที่เกิดขึ้นและเพื่อที่จะได้ยินซักนิดว่าปฎิบัติการสำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกาใกล้ถึงจุดจบลงซักที


    เธอเป็นคนปกติไม่ได้ดีขนาดที่ต้องการเสรีภาพ ไม่ได้ต้องการให้สงครามหายไปจากโลก ณ ตอนนี้ (แต่หวังว่าซักวันนึงถ้ามันหายไปได้คงดี) แต่สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือได้ยินข่าวว่าเหตุการณ์ยังคงปลอดภัยและรายชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์จะไม่มีชื่อคนรักโผล่ขึ้นมา


    แม้จะทำใจไว้เสมอว่าชีวิตนั้นไม่แน่ไม่นอนนักแต่ก็อดใจหายไม่ได้แค่รู้ว่าคนรู้จักจากไปในเวลาที่ยังไม่สมควร ขนาดรู้สึกแบบนี้ความรู้สึกในใจก็สั่นไหว แต่ถ้าหากวันใดเป็นชื่อคนที่เธอรักสุดหัวใจ ณ เวลานั้นเธอคงจะใช้ชีวิตได้ไม่ปกติเหมือนเดิม


    ปฏิบัติการถล่มซีเรีย: ทรัมป์ ประกาศ “ภารกิจสำเร็จลุล่วง”



    BBC พาดหัวข่าวขนาดใหญ่ที่หน้าจอและตัดภาะเข้าสู่การปฎิบัติภารกิจสุดท้ายที่ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง สงครามไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย หลายๆคนเคยบอกว่าไม่ฝ่ายใดฝ่ายนึงก็ต้องสูญเสีย แต่ฉันเองรู้สึกว่าฝ่ายที่ต้องสูญเสียนั้นคือทั้งสอง


    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ทวีตข้อความชื่นชมและยินดีต่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มซีเรียเพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีกับพลเรือน พร้อมขอบคุณฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักรที่เข้าร่วมใน "ปฏิบัติการโจมตีแบบไร้ที่ติ" ครั้งนี้


    ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำตามันมาตอนไหน รู้ตััวอีกทีก็เพราะเด็กหญิงตัวเล็กๆที่ทักเธอขึ้นมา "มัมมี่วายยูคราย" แองเจล่า ลูกสาวตัวน้อยวัย 4 ขวบของฉันและเค้าส่งเสียงถามเพราะคงสงสัยว่าแม่หรือหม่ามี๊ของเธอทำไมถึงยืนร้องไห้หน้าจอทีวี 


    "ด๊อนวอรี่เบบี้" ฉันบอกเธอไปว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรเพื่อให้เธอสบายใจเพราะเห็นสีหน้าเด็กหญิงตัวน้อยที่ทำคิ้วจะชนกันแล้วก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้ และก็กลัวลูกสาวจะรู้สึกถึงความผิดปกติของแม่ตัวเองด้วยซ้ำไป 


    "แองเจล่า หม่าม๊าจะคัมแบคโฮมแล้วนะจ๊ะ" 


    "โซคูลลลลลล" เสียงแองเจล่าดังขึ้นพร้อมกระโดดกอดฉันในทันทีพร้อมทั้งเอากำปั้นน้อยๆนั่นมาขอเพื่อที่จะชกเหมือนไฮไฟว์ (แด๊ดดี้คงสอนแน่นอนไม่ผิดเพี้ยน)


    แองเจล่าเป็นบุตรบุญธรรมที่ฉันและเค้ารับมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่เธอยังเด็ก ด้วยเหตุผลที่เราสองคนไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้ และฉันเองก็เป็นคนรักเด็กมากๆ เราสองคนมีความเห็นตรงกันในหลายเรื่องและหลายเรื่องก็ไม่ตรง แต่เรื่องนี้คงจะเป็นอีกเรื่องในชีวิตที่เราเข้าใจซึ่งกันและกันได้ดี เค้ารักแองเจล่าเหมือนลูกแท้ๆ เราสามคนใช้ชีวิตปกติเหมือนครอบครัวอื่น ความใส่ใจที่มีให้กันและกัน ความอบอุ่น และความผูกพันธ์ต่างๆแองเจล่าได้รับมันเสมอ


    "แองเจล่าละกัน" เราถกเถียงเรื่องชื่อของลูกคนแรกของเรามีนับ 10 ที่ต่างคนต่างสรรหามาบรรยายถึงคุณสมบัติต่างๆของชื่อ เช่น โซดเฟีย อแมนด้า เจสสิก้า โรด้า แต่สุดท้ายแองเจล่า ที่แปลว่า พรจากพระเจ้าก็กลายเป็นชื่อที่เราสองคนเห็นพ้องต้องกันมากที่สุด


    การรอคอยมันยาวนาน ยิ่งเวลาที่รู้สึกว่ามันใกล้เข้ามาทุกทียิ่งเร่งให้เราใจร้อนขึ้นมากกว่าเดิม เราสองแม่ลูกช่วยกันทำอาหาร แองเจล่าที่พอจะหยิบจับอะไรช่วยได้บ้างไม่ได้ช่วยให้ฉันหายเหนือยน้อยลงเลย แต่มันกลับทำให้ฉันมีความสุขที่เห็นลูกอยากจะทำอะไรซักอย่างช่วยกัน เราทำอาหารง่ายๆของโปรดของยัยตัวเล็กที่สุดแสนจะเกลียดชีส นิสัยนี้เหมือนกันกับหม่าม๊าของเธอไม่มีผิด สองคนนี้เกลียดชีสมากไม่รู้เพราะอะไร ตอนแรกนึกว่าแพ้นมแต่เปล่าเลย การกินนมเป็นเรื่องที่แสนจะสุดโปรดยิ่งช่วงเช้าที่เราสามคนเลือกซีเรียลที่ตัวเองชอบออกมาจากตู้ แล้วเทลงในชามสีขาวที่อยู่ตรงหน้า กลายเป็นเรื่องแสนสนุดของทุกวัน จนกระทั่งเค้าต้องออกไปประจำการยังพื้นที่ห่างไกลกินระยะเวลาเกือบปี


    ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดยกเว้นความรู้สึกที่มากขึ้น ยิ่งอยู่ไกลยิ่งห่วง ยิ่งอยู่ไกลยิ่งคิดถึงมากขึ้นทุกวัน


    การจากลากันทั้งเป็นและรับรู้ว่ามันมีความเสี่ยง ณ ทุกขณะ เป็นเรื่องยากสำหรับเธอมาก


    ไม่รู้จะจบวันไหน


    ไม่รู้จะจบเวลาไหน


    รู้แค่ว่าต้องรอ...


    รอ และ ยังคงรอ...


    แต่วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เธอต้องรอแล้ว เพราะเราทั้งสามคนจะได้เจอกัน และได้ตื่นทุกเช้ามาเลือกซีเรียลด้วยกันเช่นเคย


    Knock Knock


    "มัมมมมมีคนเคาะประตู" เสียงยัยตัวเล็กตะโกนบอกเธอที่มัววุ่นวายกับการล้างผักอยู่ในครัวตะโกนเสียงดังเหมือนตื่นเต้นเธอจึงบอกลูกสาวตัวเล็กไปเปิดเพื่อต้อนรับคนสำคัญของครอบครัว


    "เบบี้ใครมาคะ"


    เป็นเรื่องแปลกหากเค้ากลับมา เสียงหัวเราะและดีใจของแองเจล่าคงจะดังขึ้น และเธอก็จะต้องยิ้มกับภาพที่เห็นทุกครั้งแต่เปล่าเลยครั้งนี้มันแปลกมากไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีเสียงพูดใดๆ มีแค่เพียงเสียงปิดประตูลงและภาพที่ปรากฎตรงหน้าคือ โทมัส รอยด์เพื่อนสนิทของเค้าเท่านั้น


    ไม่ต้องมีการพูดจาใดๆ ทุกอย่างหยุดนิ่ง บรรยากาศรอบตัวเธอเหมือนกับว่ามันถูกหยุดเวลาไว้หมด
    มือเย็นชืดของโทมัส เอื้อมมาจับมือเธอพร้อมกับบีบสองสามครั้งและถอยกลับไปพร้อมทำความเคารพ 1 ครั้ง

    .
    .
    .

    ขอโทษด้วยที่ไม่สามารถพาสามีคุณกลับมาได้

    ขอโทษจริงๆมิสซีลีน



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in