ก่อนอื่นก็ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่าข้าพเจ้าไม่ใช่คนดูหนัง(ในโรง)บ่อยสักเท่าไหร่ ปีนึงไม่ถึง 10 เรื่องด้วยซ้ำ ความคิดอ่านด้านการเปรียบเทียบก็อาจจะตื้นเขินไปหน่อย นานทีมีโอกาสได้ดูก็เลยอยากเก็บความทรงจำไว้เป็นกิจจะลักษณะ ก่อนไปดูก็ได้อ่านพวกรีวิวอะไรนิดหน่อย (เหตุผลเพราะข้าพเจ้านั้นกลัวผียิ่งนัก ไม่สามารถดูหนังแบบนั้นได้) แต่พอพบว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังผี เลยค่อนข้างสบายใจที่จะดู มีหลายรีวิวที่บอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังอาร์ต บางคนก็อ้างอิงพวกคะแนนมะเขือเทศ(ซึ่งคะแนนออกมาค่อนข้างสด)
สำหรับตัวข้าพเจ้านั้นพบว่า... ถ้านิยามความอาร์ตคือความสวยงาม ข้าพเจ้าคิดว่ามันก็ยังไม่ถูกจริตความงามในใจ(ข้าพเจ้าเอง)มากเท่าไหร่ แต่ถ้านิยามความอาร์ตคือความดูไม่รู้เรื่อง ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่ามันไม่ได้สับสนงุนงงขนาดนั้น เรื่องราวสามารถเข้าใจได้ไม่ยากเลย
มีบางสปอยด์ในเว็บยอดนิยมเขียนคำอธิบายเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องอย่างจริงจัง เปรียบเทียบไปถึงพระคัมภีร์ กำเนิดมนุษย์ (แน่นอนชื่อเรื่องก็บอกแล้วว่ามารดา!) ความรู้สึกของข้าพเจ้าหลังจากดูจบแล้ว กลับพบว่าเรื่องราวสอดคล้องกับพระเวสสันดรชาดก คงเป็นเพราะข้าพเจ้าเป็นชาวพุทธ เคยอ่านชาดกต่างๆ มาบ้างเมื่อตอนเป็นเด็ก แต่เรื่องนี้ไม่มีชูชก(อาจจะ'มี'ถ้ามองในแง่ของการพรากลูก แต่ไม่เหมือนในแง่เจตนา) แล้วตัวเอกของเรื่องที่เป็นผู้ชาย ก็ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความเมตตาได้ขนาดพระเวสสันดร เป็นผู้ชายที่ทำให้ข้าพเจ้าหงุดหงิดยิ่งนัก (อาจจะเพราะข้าพเจ้าเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้เป็นแม่อยู่ดี...)
ขอกล่าวถึงความประทับใจ(และความไม่โอเค)ของข้าพเจ้าดีกว่า... (เนื้อเรื่องต่างๆ หาอ่านที่อื่นได้ไม่ยากเลย)
1. ฉากจ๊ะเอ๋... คือมันมีออกมาบ่อยเหมือนกัน ส่วนข้าพเจ้าดันเป็นพวกที่... จะลุ้นตอนที่กำลังออกมา พอเสียงต่างๆ เงียบ ก็จะเริ่มนั่งเกร็ง เหลือบตาลงข้างล่าง รอให้มันออกมาซักที อะไรแบบนั้น
2. มุมกล้อง... อาจจะเพราะตรงที่ข้าพเจ้านั่งนั้นใกล้กับจอมากเกินไปหน่อย กล้องส่วนมากจะใช้มุมมองของนางเอก กล้องจับที่ตัวนางเอก เคลื่อนที่ไปพร้อมกัน ทำให้ข้าพเจ้าตาลายเวียนหัวบ้างเล็กน้อย แต่ทนได้
3. (สปอยด์) ฉากจบ... ความจริงก็พอจะเดาได้ตั้งแต่เริ่มเรื่องแล้ว... ข้าพเจ้ารู้สึก(ไปเอง)ว่ามันออกจะเป็นสูตรสำเร็จไปหน่อย (อยากให้จบแบบคาดเดาไม่ได้ไปเลย แบบปลายเปิดอะไรแบบนั้น) แต่ถ้าดูตามเนื้อเรื่องมันก็จะเป็นการวนลูป(เป็นวัฏจักร)แบบนั้นนั่นแหละ
4. ความเป็นแม่... ของตัวเอกผู้หญิง เนื่องจากที่ข้าพเจ้าก็เป็นผู้หญิงด้วยแล้ว เลยค่อนข้างที่จะเข้าใจในตัวละครตัวนี้ หนังพยายามที่จะนำเสนอหลายประเด็นพร้อมๆ กัน แต่นางเอก(แม่)แสดงความเป็นตัวของตัวเอง(ในการปรับตัว การแก้ปัญหา) การแสดงความเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ การห้ามคนอื่นทำสิ่งต่างๆ ภายในบ้านตัวเอง ความต้องการพื้นที่ส่วนตัวในบ้านตัวเอง หนังสื่อออกมาว่านางเอก(แม่) เป็นคนให้กำเนิดบ้านหลังนี้อีกครั้งจากกองเถ้าถ่าน รีโนเวทส่วนต่างๆ ของบ้านด้วยตัวเอง (ซึ่งบ้านหลังใหญ่มากจะร้องไห้...) ความผูกพันระหว่างนางเอก(แม่)กับบ้านหลังนี้ต้องมีมากตามไปด้วย เพราะตัวเองเปรียบเหมือนผู้สร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง(เป็นแม่ในอีกความหมายนึง) ยังมีฉากที่สื่อออกมาได้อย่างชัดเจนว่านางเอก(แม่)กับบ้านหลังนี้สื่อสารกันได้ (โดยการมองเข้าไปในผนังแล้วเห็นหัวใจของบ้านกำลังเต้น... ข้าพเจ้านึกเลยไปถึงใจบ้านที่เป็นคำเรียกของทางภาคเหนือ) ความเชื่อมโยงกันอีกอย่างนึงคือ ผงสีเหลือง... เหมือนเป็นสิ่งที่สามารถแก้ความขุ่นข้องหมองใจรวมทั้งอาการหน้ามืดตาลายของนางเอกได้ชงัด (แค่ผสมน้ำแล้วดื่ม) ในฉากแรกๆ ตอนที่นางเอกกำลังผสมสีโป๊(เป็นเหมือนกับปูนสีขาว ใช้ฉาบซ่อมแซมผนังบ้าน) ก็มีการใส่ผงสีเหลืองๆ นี่ลงในสีโป๊ด้วย สีที่ออกมาก็จะออกเหลืองตุ่นๆ และตอนกลางเรื่องตอนที่นางเอกรู้ตัวว่าตั้งท้อง ก็ทิ้งขวดผงสีเหลืองนี่ไป ตอนแรกข้าพเจ้าคิดเอาเองว่ามันอาจจะเป็นยาเสพย์ติด แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันได้...
5. บทพูดฝังหัว... "กรุณาลงมาจากเคาน์เตอร์ซิงค์ มันไม่ได้ใส่เหล็กฉากไว้" คือ... ประทับใจข้าพเจ้ามาก (คนอื่นอาจจะงงว่าทำไม?) แต่มันแสดงให้เห็นถึงความมีรายละเอียดของนางเอก(เรียกได้ว่าจรรยาบรรณของมัณฑนากรเลยก็ว่าได้... เว่อ!) เพราะเป็นคนซ่อมทุกอย่างเอง จึงรู้รายละเอียดของสิ่งต่างๆ ภายในบ้าน (และที่บอกก็ไม่ได้เป็นห่วงความปลอดภัยของคนนั่งหรอก กลัวว่ามันจะพังนั่นแหละ ข้าพเจ้าเข้าใจดี)
บทพูดฝังหัว 2... "มันก็แค่ settle" (settle จะแปลว่ายังไงดี?) ในความรู้สึกข้าพเจ้าคือเหมือนนางเอกโดนตบหน้า ตอนนั้นความภาคภูมิใจทั้งหมดของนางเอกคือ บ้านหลังนี้ แต่กลับมาโดนพูดง่ายๆ ว่า สร้างใหม่ไม่ง่ายกว่าเหรอ? มันก็แค่ settle หนังอาจจะต้องการสื่อว่ามันมีสิ่งที่สำคัญไปกว่าบ้าน(ซึ่งถือเป็นสิ่งของนอกกาย) ความสัมพันธ์สามีภรรยาอะไรแบบนั้น (ซึ่งข้าพเจ้าไม่อิน555+)
บทพูดฝังหัว 3... "ช่วยแต่งตัวให้มันเรียบร้อยไม่ได้หรือไง" ตอนที่ป้าคนนั้นพูดเราคืออึ้งไปเลย มันแบบเหมือนคนไม่มีมารยาทมาด่าว่าไม่มีกาลเทศะ หน้าชาไปเลย แต่พอคิดไปคิดมาป้าน่าจะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับบางเรื่องเป็นพิเศษ เช่น การแต่งตัว การดื่ม เข้าสังคม และสามี... ส่วนบางเรื่อง(เช่น ความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นป้าไม่สน...)
6. ผู้ชายเป็นใหญ่... (เป็นส่วนที่ข้าพเจ้าผิดหวังที่สุดในเรื่องนี้ 555+) ทำให้เผลอคิดว่าหรือว่าโลกเรามันก็สร้างความเชื่อแบบนี้มาตั้งนมนานแล้ว ไม่ผิดหรอกที่ความคิดคนส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ ทั้งที่ชื่อหนังคือ มารดา! แต่นางเอกกลับให้ความสำคัญกับผู้ชายมากๆ ทุกสิ่งทุกเรื่อง... หนังอาจจะต้องการสื่อว่าเพราะความรักอย่างไรเล่า! ความรักทำให้นางเอกให้อภัยผู้ชายคนนั้น(ที่นำภัยพิบัติมาสู่...) แต่ข้าพเจ้ากลับเลิกหวังกับผู้ชายคนนั้นตั้งแต่ยอมให้ใครก็ไม่รู้เข้ามาอยู่ในบ้าน โดยไม่ถามความเห็นซักคำ
7. การมีลูก... ข้าพเจ้าเข้าใจดีว่าการเป็นแม่ได้นั้น จะต้องคลอดลูก... ซึ่งก็คือชื่อเรื่องนั่นแหละ หลังจากฝ่าฟันปัญหาแตกหักต่างๆ จนบ้านพังไปส่วนนึง ก็เกิดการตั้งครรภ์ ตัวนางเอกก็เหมือนกับโดนกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทำให้อยากที่จะมีลูก(รวมทั้งsex) แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายคนนั้นก็ยังให้ความสำคัญกับงานหรือสิ่งอื่นๆ มากกว่าตัวเองและลูก เห็นชัดว่าโดนหักหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า (เห้อออ...)
8. (สปอยด์)ฉากจุดไฟ... (ตอนท้ายเรื่อง) เป็นทางออกความสิ้นหวังแล้วทุกสิ่งของนางเอก แต่ที่น่าหงุดหงิดที่สุด คือ ทำไมผู้ชายคนนั้นไม่เป็นอะไรเลย... ทำไม? (เพราะต้องเป็นตัวแทนของพระเจ้าอย่างนั้นเหรอ?)
9. ความตัวแทนของชาติพันธุ์ต่างๆ แสดงออกมาอย่างชัดเจนในบรรดาแขกที่ได้มาเยี่ยมบ้าน โดยเฉพาะท้ายๆ เรื่อง ซึ่งข้าพเจ้าไม่รู้เหมือนกันว่าจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องพวกนี้ แต่ก็ยอมรับว่าหนังสร้างภาพจำแบบนั้นซ้ำออกมาอย่างชัดเจน
ความจริงยังมีฉากอื่นๆ ที่รุนแรงอยู่อีกมากเหมือนกัน แต่สำหรับตัวข้าพเจ้านั้นไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือประทับใจอะไรเท่าไร
ฉากที่ไม่เข้าใจเลย...
ฉากที่นางเอกเก็บทิชชูที่แขกทิ้งไว้รอบอ่างล้างหน้า ลงชักโครก กดน้ำ แล้วชักโครกเอ่ออะไรไม่รู้ขึ้นมา... เหมือนจะเป็นหัวใจ? ปอด? เครื่องใน? แล้วนางเอกก็ใช้ที่ปั้มส้วมปั้มมันจมหายไป... เป็นฉากที่ข้าพเจ้าคาใจมาก คิดไม่ออก... จะว่าเป็นตัวแทนของสองสามีภรรยาคู่นั้น ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเกี่ยวกันเลย...
ปกติแล้วข้าพเจ้าจะเลือกดูหนังตามสะดวก แล้วก็ชอบดูรายละเอียดอื่นๆ นอกเหนือประเด็นสำคัญในหนัง บางทีทั้งเรื่องอาจประทับใจที่สุดแค่ฉากๆ เดียว หรือตัวประกอบที่แทบไม่มีบทบาทในเรื่อง หรือเพลงประกอบที่ตัวเอกร้อง อะไรแบบนั้น เลยไม่มีความคิดที่จะวิจารณ์อะไรได้ เลยอยากจะบันทึกไว้บ้าง (อย่างน้อยเวลาชั่วโมง-สองชั่วโมงกว่าๆ กับเงินค่าตัวก็จะมีความทรงจำหลงเหลืออยู่บ้างในนี้ก็ยังดี
ถ้าหากมีใครซักคนได้อ่านมาถึงตรงนี้ มีความคิดเห็นแย้ง หรืออยากร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในพื้นที่นี้ได้ด้วย ข้าพเจ้าก็ยินดีมากๆ
ขอบคุณค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in