Note de la redaction
จะอธิบายอะไรเพิ่มอีกดี สำหรับหนังสือที่มีชื่อ คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง หรือ ‘เมอฤดี’ เป็นผู้เขียน
ในชื่อนี้—เมอฤดี—ออกหนังสือเกี่ยวกับการเดินทางของเขา ตั้งแต่ประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรีย นอกจากเขาจะพกกระเป๋า-เดินทางไปเจอกับสถานการณ์ชวนกลุ้มกุมขมับ เดี๋ยวพายุ เดี๋ยวก่อการร้าย เดี๋ยวแผ่นดินไหว (ผลประโยชน์ตกเป็นของผู้อ่านที่สามารถน้ำตาไหลตามไปด้วยความสนุกสนานในความปั่นป่วนที่เขาเจอ) งานเขียนของเขาก็ยังเปิดเผยชัดเจนว่าเจ้าตัวพกพาความรอบรู้ไปด้วยเต็มกระบุง
นอกจากสำนวนจิกกัดสุดแสบคันแล้ว แต่ละสิ่งที่เมอฤดี เขียนให้พวกเราอ่าน ยังแฝงไปด้วยข้อมูล ‘ความป๊อป’ ของแต่ละวัฒนธรรม โดยเฉพาะสิ่งบันเทิงที่เขาคลุกคลีในฐานะผู้เสพ นักวิจารณ์ และอาจารย์ที่ล้วนต้องใช้การสังเกตและการสังเคราะห์เพื่อถ่ายทอดส่งต่อในวาระต่างๆ ทำให้ระหว่างที่อ่านหนังสือในชื่อของเขามักเต็มไปด้วยความสนุกปะปนไปด้วยเกร็ดความรู้ เช่นเดียวกับหนังสือเล่มก่อนๆ ที่นอกจากทำหน้าที่บันทึกการเดินทาง ยังมีบทบาทคล้ายเป็นทูตวัฒนธรรมที่คอยบอกว่าสิ่งต่างๆ เดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทยอย่างไร และคอยสะกิดเราให้ได้คิดถึง เล่าให้ได้ทำความเข้าใจ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำให้การอ่านหนังสือแต่ละเล่มของเมอฤดีค่อยๆ ผ่านพ้นไปอย่างไม่น่าเบื่อ
ในเล่มนี้ก็เช่นกัน เมอฤดีจับเครื่องบินไปไกลถึงฝรั่งเศส ไปฝังตัวอยู่ในกรุงปารีส เมืองแห่งศิลปะ ศิลปินเอกระดับโลกจำนวนหลายโหลกำเนิดที่นี่ หลายคนยังคงโด่งดังค้างฟ้ามาเป็นร้อยปี พิพิธภัณฑ์ที่ ‘ต้องไปสักครั้งก่อนตาย’ อย่างลูฟวร์ก็สถิตอยู่ที่นี่ งานศิลป์ชิ้นเอกที่เราเคยเห็นในหนังสือวิชาศิลปะของแท้ถูกแขวนอยู่ในเมืองแห่งนี้
ไหนจะเพลงสารพัดที่ถูกแต่งในยุคต่างๆ ซึ่งเราเองก็เคยได้ยินผ่านหูมาไม่น้อย หรือกระทั่งภาพยนตร์หลายๆ เรื่องที่ตกตะกอนนอนค้างอยู่ในหัวใจ หลายต่อหลายเรื่องก็มาจากฝรั่งเศสนี่เอง
ภาพฝันที่ฝังในห้วงความทรงจำของพวกเรา รวมถึงคันฉัตร ปารีสจึงเป็นนครชวนฝัน เป็นนครแห่งความรักแสนหวาน ที่ไม่ว่าใครก็อยากมาเยือนสักครั้งถ้ามีโอกาส เดินบนถนนแห่งประวัติศาสตร์ และหยิบโปสต์การ์ดเขียนประสบการณ์ในเมืองที่น่าหลงใหลที่สุดในโลกกลับไปให้เพื่อนรักอ่านให้อิจฉา รับรองว่าตาจะลุกเป็นไฟ
แต่ทว่า…
สำนักพิมพ์แซลมอน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in