ก่อนจะเริ่มเปิดเทอม ทางโรงเรียนสอนภาษาจะมีให้นักเรียนใหม่ทุกคนเข้าสอบวัดระดับทางภาษาก่อนเผื่อแบ่งคลาสเรียน ก่อนเราจะมาเรียนที่ญี่ปุ่น ก็เรียนปรับพื้นฐานอย่างหนักหน่วงจากไทยมาก่อนแล้วถึงประมาณ ระดับ N4 หรือระดับเข้าใจภาษาญี่ปุ่นระดับทั่วไปในชีวิตประจำวัน
พอเปิดหน้าข้อสอบคันจิ กับบทความอ่านตีความหมาย เราทำไปได้เกืิอบครึ่ง นอกนั้นเหรอ... ยังไม่เรียนจ้า จึงได้แต่ปล่อยว่าง ปล่อยวางกับข้อที่เหลือไป เพราะไม่สามารถทำอะไรกับมันไปมากกว่านี้แล้วจริงๆ
ไม่อยากฝืนไปเรียนระดับที่สูงเกินไปด้วย เพราะเป้าหมายในการมาอยู่ญี่ปุ่นในครั้งนั้นของเราคือ ทำตามฝัน... มาพักผ่อน ไปท่องเที่ยว หาเพื่อนต่างชาติ หาแฟน! (ถ้าหาได้)
พอวันประกาศผลสอบ ปรากฏว่าเราได้ห้องระดับกลาง 中級1A ส่วนน้องคนไทยที่รู้จักกันแยกไปอยู่ ห้อง B ห้อง C และนั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของการเรียนภาษาญี่ปุ่นของเรา ต่อจากนี้ไป...
(แค่หน้าลิฟท์ทางขึ้นไปเรียนก็อาร์ตแล้ววว นี่เป็นรูปปั้นเทพีวีนัสที่ตั้งอยู่ในอาคารหลัก)
ห้องเรียนของเราอยู่บนชั้นสองของตึกอาคารสร้างใหม่ ซึ่งแยกออกมาจากตึกเรียนของคลาสอื่นๆ ที่เป็นชั้นหนึ่งกับชั้นใต้ดิน กลายเป็นบุคคลชั้นสูงกันแบบงงๆ...
วันแรกที่ไปเรียน พอเดินเข้าไปในห้อง จะเป็นโต๊ะใครโต๊ะมันเรียงต่อกันเป็นรูปตัว U รอบห้อง ส่วนโต๊ะอาจาร์ยจะอยู่ตรงกลาง เราได้เจอพี่คนนึงเป็นคนไทยอีกคนในห้อง เห็นหน้าพี่เค้าตอนแรกนึกว่าพึ่งจบมอปลาย แต่ปรากฏว่าอายุจะสามสิบแล้ว (ช็อก!)
นอกนั้นก็จะเป็นคนอเมริกา คนไต้หวัน มาเก๊า ฮ่องกง ยุโรป อิตาลี ทั้งสิ้นเกือบยี่สิบชีวิต หลากหลายหน้าตา อาชีพ อายุ และนิสัย
มีทั้งปาติซิเย่เอย สถาปนิกเอย อาร์ตติส นักเปียโน วิศวะกร
หนุ่มไต้หวันสไตล์แร็ปเปอร์ ผู้มีรอยสักตามแขน (น้องงานดจีย์มากจริงๆ ให้ความรู้สึกคล้ายกับนักร้องเกาหลี Jay park )
หนุ่มอเมริกันผู้มีหน้าตาคล้ายพระเอกCaptain America และมี筋肉(มัดกล้ามเนื้อ)เป็นอาวุธ
หนุ่มOtakuที่หน้าละม้ายคล้าย D.O วง EXO (แต่เนิร์ดกว่า) อาร์ตติสหน้าตาน่ารักเหมือนไอดอลก็มี...
หนุ่มไต้หวันที่ให้ฟิลลิ่งคุณลุง มักจะแว่นตาดำอันเป็นเอกลักษณ์ และชุดสไตล์คุณลุงยุค80เสมอ...
อาจาร์นประจำชั้นของห้องเรา เป็นอาจารย์ที่ได้รับการรีวิวจากนักเรียนรุ่นก่อนว่า สอนดี ชื่อ สึจิยะเซ็นเซย์ ผู้บอกนักเรียนว่าตัวเอง 18 ปี ในทุกๆปีการศึกษา มีแฟนเป็น มัตสึโมโตะ จุน วง Arashi (ในภายหลังมีเพื่อนคนนึงเอาเซ็ตรูปอาราชิแช่ออนเซ็นมาให้ แล้วอาจาร์ยดูปลื้มปริ่มมากจริงๆ...)
นอกจากนี้อาจาร์ยยังจบเอกภาษาไทย เคยไปทำงานเป็นครูสอนที่มหาลัยเชียงใหม่ เพราะฉะนั้นต้องไม่นินทาเป็นภาษาไทย เพราะเดี๋ยวอาจาร์ยฟังออก!
แรกๆทุุกคนเงียบกันมา จนนึกว่า เออ... ชั้นจะมีเพื่อนคุยไหมเนี้ย หรือต้องอยู่แบบนี้ไปจนครบครึ่งปี คิดว่าคงหาเพื่อนไม่ได้แน่ชัวร์ รู้สึกปลง ที่ไหนได้... ภายหลังคือทุกคนเฮฮาสุด มีความเล่นใหญ่ มีกิมมิก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวกันชัดเจนมากกกกก ทำให้บางวันของการเรียนของเรากลับมีเรื่องให้ขำให้ฮากัันแบบสุดๆ ....
รูปถ่ายจากวิิวชั้นเกือบดาดฟัาของมหาวิทยาลัย ซึ่งบริเวณที่ตั้งอยู่เนินเขาสูง จึงเห็นทั้งภูเขาและวิวรอบๆเมืองเกียวโต
ก่อนไปเข้าคลาสเรียนทุุุุุุกเช้าจะต้องเดินผ่านเหล่าฝูงน้องแมวประจำมหาลัยมากหน้าหลายตา เหมียวเซนเซย์..(ตั้งเอง)
อาจาร์ยบอกว่าไม่ต้องให้อาหารมันกินหรอกนะ เพราะที่มหาลัยมีชมรมให้อาหารแมวอยู่แล้ว (ห๊ะ! อะไรนะ ฟังไม่ผิด มันคือชมรมทาสแมวนั่นเอง)
ซึ่งเด็กต่างชาติที่สนใจก็สามารถส่งใบสมัครชมรมไปทางอีเมลล์ของนักศึกษาญี่ปุ่นได้ โอ้ว... นอกจากนั้นก็มีชมรมอื่นๆอีกมากมาย เนื่องจากโรงเรียนสอนภาษาแห่งนึงอยู่เป็นหนึ่งใน campus ของ Kyoto University art and design มหาลัยด้านงานอาร์ต เลยมีกิจกรรมชมรมเช่น ชมรมวาดรูปมังงะ ชมรมโจโจ้ ชมรมดนตรีกลองไทโกะ บลาๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in