ช่วงมีนาคมของปีที่แล้ว ปี 2019 เราตัดสินใจมาทำตามความฝันของตัวเอง โดยสมัครเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ที่โรงเรียนสอนภาษาและวัฒนธรรม ณ เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
เราเป็นคนที่หลงใหลในญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็ก เลยอยากมีโอกาศไปลองใช้ชีวิตที่เมืองในฝันสักครั้งหลังเรียนจบ แม้คนรอบข้างจะพากันไม่เข้าใจ และไม่เห็นด้วยก็ตาม
แต่เราตอนนั้นกลับรู้สึกว่าอยากรีบทำอะไรที่อยากทำ ในขณะที่มีเวลา อายุยังไม่เยอะน่าจะดีกว่า...
สุดท้ายเราก็ดึงดันขอทำเรื่องไปเรียนต่อด้วยทุนตัวเองเป็นระยะเวลาครึ่งปีเต็ม นับเป็นครั้งแรกที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปไกลและนานขนาดนี้
ช่วงเวลานั้นเป็นฤดูใบไม้ผลิที่ซากุระกำลังบานพอดี
เราไม่เคยไปแถบคันไซมาก่อน มีเคยไปเที่ยวแค่โตเกียวจังหวัดเดียวในญี่ปุ่น เพราะงั้นเลยแทบจินตนาการไม่ออกเกี่ยวกับเกียวโต... เมืองที่เราจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่อจากนี้เลย จึงอาศัยซื้อหนังสือไกด์บุ๊คส์ของเมืองเกียวโตมาอ่านคร่าวๆเท่านั้น
ภาพในหัวตอนนั้น คือเกียวโต คงเป็นเมืองสงบ ไม่พลุกพล่านเหมือนโตเกียว ที่เที่ยวส่วนใหญ่เป็นพวกธรรมชาติ แม่น้ำ และก็วัดเพียบ อีกอย่างที่นึกได้คือ ชาเขียว... แค่นั้นเลยจริงๆ
หลังจากที่ไปถึงสนามบินโอซาก้า พร้อมกับพี่ๆน้องๆคนไทยที่ไปแลกเปลี่ยนเหมือนกัน จากนั้นก็นั่งรถบัสมุ่งสู่เมืองเกียวโต โดยที่ไม่รู้เลยว่าเหตุการ์ณข้างหน้าจะมีอะไรรอเราอยู่...
หอพักที่เราไปพัก เป็นหอพักของโรงเรียนสอนภาษาที่เชร์กับนักศึกษามหาวิทยาลัยแถวๆนั้น ประกอบไปด้วยคนต่างชาติ ทั้งฝรั่ง และเอเชีย
พอเราไปถึงก็เจอการต้อนรับของนักเรียนรุ่นพี่คนไทยที่มาใช้ชีวิตอยู่ก่อนหน้านี้แล้วครึ่งปี กับคุณป้าดูแลหอที่ดูใจดี (แต่ความจริงแอบโหด) ซึ่งทุกคนพากันเรียกป้าแกว่า คุณป้าคารินินซัง (แปลว่าคนดูแลหอพัก) พอฟังกฏระเบียบเรื่องราวของหอพักกับวันเปิดภาคเรียนแล้ว ก็ทำการแยกย้ายเก็บของที่ห้องใครห้องมัน
และพอเราเปิดหน้าต่างออกดูวิวข้างนอกเท่านั้นแหละ... แม่เจ้า ! ห้องพักอยู่ชั้น3 พอมองเราไปก็เจอกับบริเวณสุสานอยู่ถนนฝั่งตรงข้ามเลยจ้าาาาา (จะนอนหลับไหมคืนนี้)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in