บอกเลยว่ามีความWTF ทั้งสองรอบ คหตส.
คอนที่เรามีโอกาศไปดูคือ Troye Sivan bloom tour in tokyo (วันนั้นก็ลาเรียน นั่งชินคังเซ็นไปดูคอนที่โตเกียวของเย็นวันนั้น ขากลับนั่งรถบัสนอนกลางคืน)
ในHall concert ทรอย ซีวาน เนื่องจากสถานที่จัดแบบปิดและมีขนาดเล็ก เป็นคอนยืน แบ่งเป็นโซน ไม่มีสโลป เวทีศิลปินก็ไม่ได้สูงมาก แล้วที่สิ่งเกิดขึ้น คือเบียดกันหนักมากเพราะเป็นคอนยืนจนแทบจะจูบซอกคอคนข้างหน้าล่ะ ข้างๆก็โดนเบียดเหมือนจะขาดอากาศ ใบโปรเจ็คในคอนคือขาดกระจุยเพราะโดนเบียด และไหนใครว่าคนญี่ปุ่นไม่ถ่ายรูปในคอนค่ะ บอกเลยว่าไม่จริงงงง ยกขึ้นมาถ่ายกันรัวๆ กรี๊ดดังไม่แพ้ชาติไทย
SUMMER SONIC IN OSAKA 2019
เป็นคอนเสริตกลางแจ้งหน้าร้อน บอกเลยว่าคนเยอะชิบหาย ร้อนแสบผิวทรมานประหนึ่งอยู่ในนรก แล้วศิลปินเยอะก็จริงแต่ไม่ได้ประทับใจขนาดนั้น แต่เอ็นจอยกะศิลปินฝั่งยุโรปมากกว่า แถมขากลับยังรอนานมากจนหงุดหงิด ไม่มีสถานีรถไฟใกล้ที่จัดงาน ต้องรอรถบัสเข้ามารับตามเวลาซึ่งมีไม่กี่คัน ก็งงว่าทำไมไม่ให้รถแท็กซี่เข้ามา คนรอรถกลับเพียบ เพราะพากันกลับตอนงานเลิกพร้อมๆกัน
SM Town in Tokyo dome 2019
ส่วนคอน SM town ก็คือมีความยากตั้งแต่จองบัตร ต้องใช้ระบบสุ่มที่นั่งเลือกเองไม่ได้ เข้าวงเข้าคอนระบบซับซ้อนจนเกือบไม่ได้เข้างาน เนื่องจากปัญหาE ticket พอเข้าไปแล้วก็นั่งอยู่ยอดดอยสูง เห็นศิลปินตัวเท่าไม้ขีดไฟ555 ให้ไปอีกก็ไม่ไปแล้วจ้า ดูyoutube หรือซื้อ DVD ก็คงไม่ต่างกัน เห็นชัดกว่าด้วย
2) ได้บังเอิญนัดเจอหนุ่มญี่ปุ่น
ไปเดทกัน กลายเป็น FWB แบบงงๆ รู้สึกToxic แต่ออกมาไม่ได้ เป็นฝ่ายทุกข์ทรมาน และพยายามยื้อไปเรื่อยๆ จนเป็น Depression เริ่มทานยา พอยุติความสัมพันธ์ได้ ก็ทำให้ทุกอย่างมันกลับมาโอเคมากขึ้น ความสัมพันธ์กะครอบครัว กะเพื่อนสนืทเริ่มเข้าที่ (เพราะตอนนั้นทึกคนเหมือนจะทุกข์เพราะเราไปด้วย) พอมานั่งทบทวนถึงได้รู้ว่ามันเป็นToxic relationship ไม่ว่าจะเรื่องที่เค้าชอบพูดจาไม่ค่อยดีใส่เรา ไม่ได้ให้ความสำคัญ ยกเลิกนัดบ่อยๆ ปล่อยพลังงานลบมาใส่เรา ทำให้เราเหนื่อยกายใจเป็นระยะเวลาหนึ่ง
4. ผู้ชายไม่เกี่ยวว่าจะชายไหน ถ้าคนเอี้ย...มันก็เอี้ยจ้า
ต่อจากข้อ3 เราก็เลยตาสว่างจากหนุ่มญี่ปุ่นที่เคยคลั่งใคล้ เพราะพอคบกับหนุ่มญี่ปุ่นอีกคนก็พบว่า แม่มโรคจิต มีความหมกมุ่นสูงมากกก-*-
โชคดีที่เราคบกันแค่เดือนเดียว ประกอบกับมีโควิดทำให้ฮีต้องกลับญี่ปุ่น พอเลิกกันแล้วยังตามมารังควานทุกช่องทาง ได้บทเรียนสำคัญเลยว่าอย่าโลกสวยกับผู้ชายประเทศนี้ จริงๆคนชาติไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับนิสัยส่วนตัวหรอก เอาจริงๆนะ ..
5) งานฤดูร้อนที่ญี่ปุ่น
เป็นอะไรที่ประทับใจเรามากๆ โดยเฉพาะที่เกียวโต จะมีเทศกาลกิออน แห่ขบวนเช้าเย็น มีงานวัด ซุ้มต่างๆ น้ำแข็งใส ของกิน ตักปลาทอง ขนมญี่ปุ่นสายไหม ใส่ชุดยูคาตะเดินเล่นถ่ายรูป และบางแห่งก็มีดูดอกไม้ไฟ หรือเล่นไฟเย็นตามริมแม่น้ำ ธรรมชาติสวยงาม น้ำใสสุดๆ บอกเลยว่าห้ามพลาดจ้า
มีครั้งนึงที่ตลกมากๆ คือเรากะเพื่อนต่างชาติมีเพลนจะเล่นไฟเย็นริมแม่น้ำกัน เราไปซื้อมาแล้วเพื่อนจุด ปรากฏว่ามันคือดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นฟ้าจ้าาา วิ่งหนีสิครัชรออะไร ก่อนที่ตำรวจจะมาจับ เพราะเค้ามีกฏห้ามให้จุดประทัดหรือดอกไม้ไฟส่งเสียงขึ้นฟ้ารบกวนผู้อื่น
6) ชั้นจอดจักรยานโดยเฉพาะในห้างที่ญี่ปุ่น
ตอนนั้นไปห้างกับเพื่อน ขับจักรยานไปด้วยกัน (คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ปั่นจักรยาน) พอไปถึงก็ลากจักรยานไปจอดชั้นที่เป็นที่จอดจักรยานโดยเฉพาะ มีที่ล็อกล้อแบบอัตโนมัติ เชื่อมต่อกับตู้ไว้ใส่รหัสล็อกล้อ เป็นอะไรที่อะเมซิ่งมากๆ
7) การรักษากฏระเบียบขั้นสุด(โต่ง)
มีข่าวลือว่ามีนักเรียนชาวต่างชาติคนอื่นทิ้งขยะที่หอพักผิดประเภท หรือเป็นของชิ้นใหญ่ที่ทิ้งไว้โดยไม่ได้แจ้งก่อนทิ้ง ถึงขั้นมีการเรียกตำรวจมาคุยเลยทีเดียว
ที่ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่ารักษากฏระเบียบและความสะอาดมาก เราเคยโดนเรียกไปคุยส่วนตัวกับคนดูแลหอพัก มีการเปิดกล้องวงจรปิดให้ดูกันเลยทีเดียวว่า เราทิ้งขวดลงในถังไว้ใส่เฉพาะขยะเปียก
ซึ่งตอนนั้นเราไปอยู่ญี่ปุ่นใหม่ๆ ก็ยังไม่ชิน แต่ที่อึ้งคือโดนเรียกไปบ่นหรือคุยอะไรไม่รู้นานมาก(90%คือฟังไม่ออก ป้าคนดูแลหอคือบ่นไปเรื่อยเปื่อย ไหนจะสำเหนียงคันไซอีก จับใจความอะไรไม่ได้เลยจ้า ) จนถึงบางอ้อว่าแค่ทิ้งขยะผิดประเภท ถึงขั้นมากดกริ่งห้องตามไปคุยเลยทีเดียว
แต่คนญี่ปุ่จะซีเรียสเรื่องทิ้งขยะมากๆ เหมือนเป็นสิ่งที่ฝังลึกในDNAไปแล้วมั้ง เรื่องการแยกขยะให้ถูกประเภท
8) ความตรงเวลาของระบบการเดินทางสาธารณะ
ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ญี่ปุ่นการเดินทางคือสามารถกะเกณฑ์เวลาให้เป๊ะๆได้
ไม่ว่าจะรถไฟโดยสารทั่วไปหรือรถบัสประจำทาง สามารถดูเวลาที่รถแต่ละขบวนออกได้จาก google map เนื่องจากรถไม่ติดเหมือนที่ไทย คนขับตรงเวลามาก ไม่มีเลท ยกเว้นช่วงเทศกาลที่คนเดินทางเยอะ ผู้โดยสารเยอะรถบัสอาจจะมีเลทได้เหมือนกัน
9)สื่งที่เหมือนๆกันเป็นpattern ในญี่ปุ่น
สถานที่ที่รู้สึกไม่ต่างกันมากเมื่อมองโดยภาพรวมของจังหวัดแถบคันไซ เช่น วัดของญี่ปุ่น ศาลเจ้า ทรงคล้ายๆกันหมด แบบเรียบๆไม่ได้หวือหวาแบบวัดที่ไทย ลักษณะการแต่งตัวการทำผมที่ดูแล้วจะรู้เลยว่าเป็นคนญี่ปุ่น จะชอบแต่งตัวทำผมคล้ายๆกัน ใส่เครื่องประดับผมจัดเต็ม ใส่ต่างหู
ย่านเดินเล่นจะคล้ายๆกัน เป็นโดมขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยร้านขายอาหารสินค้าสองข้างทางตามบริเวณที่เตรียมไว้ จะไม่มีร้านที่เป็นรถเข็น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in