Day 10
วันนี้ฉันตื่นมาพร้อมกับแสงแดดที่สอดส่องมาจากหน้าต่าง ฉันตื่นมาตอนประมาณหกโมงได้ เอาจริงๆ คือเมื่อวานฉันโทรไปบอกคุณหมอเพื่อขออนุญาตออกจาก hospitel ก่อนเวลา 1 วัน ซึ่งตอนแรก หมอก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอโทรไปบอกพ่อกับแม่ พ่อกลับแม่กลับบอกให้ฉันอยู่ต่อจนครบ ซึ่งเอาจริงก็ sad อยู่นะ เพราะฉันอยากกลับหอแล้ว อยู่ที่นี้คือเน็ตแย่มาก แค่จะเรียนออนไลน์ยังเรียนไม่ได้เลย แต่ก็นะ เหตุผลที่พ่อแม่ให้มามันก็มีเหตุผล สุดท้ายก็เลยต้องทนอยู่ต่อ แต่ตามกำหนดแล้ววันนี้ฉันต้องไป X-Ray ปอดต่อตอน 8 โมง แต่พอใกล้เวลาฉันก็ลงไป ปรากฏว่ารถ X-Ray จะมา 10 โมงจ้า ฉันเลยต้องกลับขึ้นห้องเพื่อไปรอต่อ ระหว่างนั้นก็รอเรียน online ต่อตอน 9 โมง เอาจริงๆ วันนี้ก็ไม่รู้ว่าเน็ตจะดีไหม แต่อย่างน้อยก็มีความหวังมากกว่าเมื่อวานเพราะปกติแล้วเน็ตตอนเช้าจะดีกว่าตอนกลางคืน สรุปคือเน็ตมันก็ดีแหละ แต่ก็มีหลุดเป็นพักๆ แต่เรียนได้ไม่เท่าไรก็ต้องเตรียมไป X-Ray ก็คือตามที่พยาบาลบอกรถ X-Ray จะมาตอน 10 โมง ฉันก็เลยลงไปประมาณ 9 โมง 50 สรุปคือรอไปสิจ๊ะ 10 โมงครึ่งแล้วก็ยังไม่ได้เลยจ้า แต่โชคดีที่ฉันพกหนังสือกับโทรศัพท์มาก็เลยไม่ได้เบื่อเท่าไร มีก็แต่กังวลเนี่ยแหละว่าระหว่างที่ขึ้นมา class จะเรียนไปถึงไหนแล้ว แต่สุดท้ายพอ X-Ray เสร็จพอขึ้นมาด้วยความที่นี่เป็นเด็กเรียนก็เลยขึ้นมาเรียนต่อ สรุปคือเรียนไม่รู้เรื่องจ้าาา อาจารย์สอนอะไรไม่รู้ แถมเน็ตก็หลุดแล้วหลุดอีก สุดท้ายก็เลยช่างแม่ง! ไม่เรียนแหละ! แล้วก็มานั่งดูละครกับพี่น้อยต่อ ถถถถ เอาจริงหลังจากนั้นก็มีทำงานใน breakout Zoom นิดนึงแล้วก็จบ class หลังจากนั้นฉันก็เลยไปนอนกลางวันต่อ (แต่สุดท้ายก็โดนปลุกเพราะญาติโทรมาถามเรื่องอาการ เอาจริงจะโกรธก็โกรธไม่ลงเพราะรู้ว่าเขาเป็นห่วง ถถถ) นับจากวันนี้อีก 2 วันพี่โอ๋กับพี่น้อยก็จะได้ออกจาก hospitel แล้ว (พี่น้อยเตรียมเก็บกระเป๋าเรียบร้อย) เอาจริงฉันก็อยากจะกลับนะ อยากกลับมากๆ แต่ก็ต้องรอต่อไป ฮือออ สู้เขาจ๊ะอีก 3 วัน เธอทนได้ สู้ๆ
ปล. คือเอาจริงปกติฉันเลิกดูข่าวในทีวีมานานแล้วเพราะฉันดูแล้วฉันชอบเครียด แต่พอต้องมาอยู่ hospitel แล้วพี่น้อยก็เปิด TV ค้างเอาไว้ทำให้ฉันก็ต้องดูข่าวไปด้วยตามปริยาย เอาจริงคือทุกวันมีแต่ข่าวคนตาย ข่าวคนสิ้นหวังกับการใช้ชีวิต ฉันดูแล้วฉันเศร้ามากเลย ฉันโคตรรู้สึกสิ้นหวังกับชีวิตนี้อะ เมื่อไรจะตายวะ ฉันว่าแล้วว่าตัวเองไม่เหมาะกับการดู TV จริงๆ ตลอดเวลาที่ฉันต้องดู TV ตามพี่โอ๋ฉันไม่มีความสุขเลย ข่าวก็มีแต่ข่าวชวนสิ้นหวัง ละครก็มีแต่บทบ้งๆ ชวนปวดหัว ช่วงเดียวที่ฉันไม่ต้องเครียดตอนดู TV คือช่วง O shopping ตอนเดียวเท่านั้น ไม่เอาแล้วไม่อยากดู TV แล้ว แต่จะบอกห้พี่น้อยเลิกดูก็ไม่ได้ เพราะ TV ก็เป็นหนึ่งในความสุขไม่กี่อย่างของพี่น้อยระหว่างกักตัวเหมือนกัน ฉันไม่อยากพรากความสุขของใครไปเลย ฉันคงได้แต่หวังว่าเวลาจะผ่านไปไวๆ อย่างน้อย ฉันก็แค่ต้องรออีก 2 วันให้พี่น้อยกับพี่โอ๋ออกไปจาก hospitel ก่อน แล้วหลังจากนั้นฉันสาบานว่าฉันจะไม่เปิดหรือดู TV อีกเลย ฉันจะบ้าตาย ฉันคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ว่ายิ่งอยู่ไปเรื่อยๆ ก็จะมีแต่เรื่องแย่ๆ เกิดขึ้น คนเราเนี่ย เกิดมาเพื่อต้องเจ็บปวดจริงๆ
ปล 2. เอาจริง จากวันแรก(ช่วงแรก) ที่ฉันเคยเขียนว่าฉันไม่อยากอยู่ห้องเดียวกับพี่โอ๋พี่น้อย แต่มาถึงวันนี้ฉันรู้สึกดีใจมากเลยนะที่ฉันได้มาอยู่กับทั้งสองคนนี้ เพราะอย่างน้อยการอยู่กับพี่ทั้งสองคนก็ทำให้ฉันยิ้มได้ ช่วงเวลาที่ได้นั่งคุยเล่น ดูละคร นั่งกินข้าวแกงปักษ์ใต้ นั่งบ่นข้าว hospitel ด้วยกัน มันก็ทำให้ฉันสนุกมากเลย ถ้าฉันไม่ได้อยู่ห้องกับทั้งสองคนนี้ฉันต้องเป็นบ้าตายไม่ก็ซึมตายไปก่อนแน่เลย (ถึงจะรำคาญละครที่พี่น้อยเปิดก็เถอะ แต่มันก็สนุกดีเวลานั่งดูละครไป ด่าตัวละครไปพร้อมกับพี่น้อยกับพี่โอ๋ 555 แล้วฉันยังได้วิเคราะห์ละครเป็นงานอดิเรกอีกด้วย อย่างเรื่องวนิดาไรงี้ก็คือนั่งดูไปวิเคราะห์ไปว่าสังคมในสมัยนั้นเป็นอย่างไงบ้าง)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in