เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เออร็อด นักเล่านิทานli_li_an
ปริศนาดวงตาของเออร็อด(จบ)

  •      ชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ในห้องรับรองของท่าหญิงแห่งทะเลสาบ เขาเป็นชายหนุ่มผิวคล้ำ รูปร่างไม่สูงไม่เตี้ย แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแปลกตาของคนต่างถิ่น และปกปิดดวงตาข้างหนึ่งไว้ด้วยเรือนผมสีดำสนิท

         ตรงข้ามเขามีสตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่งนั่งอยู่บนแท่นที่นั่งประธาน เจ้าหล่อนเชื้อเชิญให้นักเล่านิทานผู้เป็นแขกของตนจิบชา และทำตัวตามสบาย ก่อนเอ่ยเข้าประเด็นที่เชิญนักเล่านิทานแปลกประหลาดผู้นี้มาสู่ปราสาทของตน

         "ข้าเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับนักเล่านิทานตาบอดผู้หนึ่ง" นางว่าพลางมองถ้วยชาในมือตนอย่างอ้อยอิ่ง

         "เรื่องนั้นเล่าว่าเขาเป็นชายผู้เป็นลูกของราชา เคยต้องคำสาปจากปิศาจ เคยได้รับพรประหลาดจากห้วงสมุทร ทั้งยังเคยร่วมสงครามศักดิ์สิทธิ์ของมนุษย์และปิศาจ...อันที่จริงนักเล่านิทานผู้เก่งกล้านั่นยังทำอะไรอีกหลายอย่าง แต่ข้าขี้เกียจจะไล่ให้เจ้าฟัง..." ท่านหญิงเจ้าของปราสาทเอ่ย ดวงเนตรงามเลื่อนขึ้นมาสบกับดวงตาที่มีอยู่เพียงข้างเดียวของบุรุษผู้เป็นแขกของตน ก่อนเอ่ยถามด้วยเสียงราบเรียบเรื่องราวกับพูดคุยเรื่องลมฟ้าอากาศ หากแฝงไว้ด้วยความจับผิดจริงจัง

         "เจ้าคือนักเล่านิทานคนที่ว่านั่นใช่หรือไม่" เธอถาม มองไปยังนักเล่านิทานด้วยแววตาจับผิดสงสัย

         นักเล่านิทานหนุ่มสบตอบดวงเนตรจริงจังขุดค้นนั่น ก่อนตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใสอารมณ์ดี

         "เป็นข้าเองที่เล่าเรื่องเหล่านั้น"

         "เจ้ารู้หรือเปล่าว่ามีคนเอาเรื่องที่เจ้าเล่าไปล่ำลือต่างๆนานาถึงขั้นมีการพนันขันต่อกันใหญ่โตว่าเรื่องของเจ้าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริงกันแน่" เจ้าหล่อนถามต่อ น้ำเสียงราบเรียบจริงจัง แต่ฝ่ายที่ฟังอยู่นั้นกลับมีท่าทางต่างออกไป ใบหน้าสีน้ำตาลนั้นยกยิ้มเล็กน้อย พลางลูบคางงึมงำอย่างกระหยิ่มยินดี

         "นิทานของข้านี่มันดังจริงๆสิน๊า"

         เธอมองคนกระหยิ่มใจด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ แล้วว่าต่อ

         "มีคนมาท้าทายข้าด้วยปริศนาเกี่ยวกับดวงตาของเจ้า ข้าจึงเรียกเจ้ามาในวันนี้"

         นักเล่านิทานเลิกคิ้วขึ้นข้าหนึ่ง แล้วแย้มรอยยิ้มให้เธอ

         "เช่นนั้นท่านหญิงคงปรารถนาจะฟังนิทานเกี่ยวกับมัน" นักเล่านิทานยกมือขึ้นสัมผัสดวงตาข้างที่ถูกปกปิดไว้ของตน

         "นี่คือเรื่องที่ข้าได้ฟังมา" เขาเกริ่น

         สตรีผู้สูงศักดิ์มุ่ยหน้า

          "ข้าไม่อยากฟังนิทาน" เธอเอ่ย นักเล่านิทานเพียงตาทำตาแพรวพราว แล้วยกมือขึ้นจุ๊ปากปากเบาๆอย่างยียวน

          "ท่านหญิง ท่านเป็นผู้ปรีชา" ชายหนุ่มว่า "ท่านแยกออกอยู่แล้วว่าอันไหนเป็นคำตอบที่ท่านต้องการ และอันไหนเป็นนิทานเพื่อความบันเทิง" เขายิ้ม "หากข้าเป็นเพียงนักเล่านิทาน" นักเล่านิทานว่า "ดังนั้น โปรดให้ข้าได้เล่านิทาน"

          "นี่คือเรื่องที่ข้าได้ฟังมา" เขาเกริ่นอีกครั้ง แล้วว่าต่อ "ดังนั้น...หากมันจะมีคำโกหกใดปลอมปนอยู่ในสิ่งที่ข้าเล่า ก็ขอให้พวกท่านรู้ไว้ คำโกหกนั้น ไม่ได้มาจากข้าแต่อย่างใด" ชายหนุ่มกล่าวถ้อยคำอันเป็นธรรมเนียมของพวกนักเล่านิทาน แล้วเริ่มเรื่องของตน

         " มาจะกล่าวบทไป             เมื่อท่านถามไซร้
    ข้านี้จะเล่าแบ่งปัน

         เหตุที่ข้าป้อมป้องกัน           ดวงตาข้านั้น
    จากการประสบพบใคร

         เรื่องนี้ต้องเล่าย้อนไป          เมื่อข้านั้นได้
    ประสบพบท่านแสนงาม

         ใจข้าหวั่นไหวครืนคราม      หวิวไหววาบหวาม
    อยากเข้าปราศรัยทักทาย

         ยินมาผู้งามประกาย              นิยมท้าทาย
    เล่นปริศนาทายกัน

         ข้าจึงปิดตาข้านั้น                 สร้างปริศนาพลัน
    เล่าลือให้ขจรจาย

          หวังท่านผู้แสนงามได้         สงสัยเพรียกพราย
    ให้ข้าคลายปริศนาลง

         บัดนี้ข้าสมประสงค์               ได้พบสบตรง
    เบื้องหน้าท่านผู้แสนงาม

         ข้าจึงจะคลายลุกลาม            ปริศนาความ
    สู่ท่านด้วยสัตย์ซื่อตรง "

          นักเล่านิทานปัดผมขึ้น เผยให้เห็นดวงตาข้างที่เป็นปัญหา มันเป็นดวงตาสีทองแวววาวราวกับได้รับคำอวยพรจากทวยเทพ ในขณะเดียวกันมันก็นิ่งขึงเย็นชาราวกับเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจแห่งปิศาจ

          ชายหนุ่มปล่อยผมของตนให้ตกลงปิดดวงตานั้นดังเดิม แล้วว่าต่อ

         " ตานี้แท้จริงปลดปลง            มืดบอดลับลง
    ตั้งแต่ข้าเกิดเป็นกาย

         แต่มันยังคงพราวพราย           วิบวาวมิวาย
    ดังเช่นท่านยินข่าวลือ

         หากท่านผู้งามระบือ                ยังไม่เชื่อถือ
    เชิญท่านพิสูจน์โดยตรง

         ข้าผู้สัตย์ซื่อดำรง                     สนองประสงค์
    ให้ท่านได้พบสบตา"


    ----------------------------

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in