เธอกำลังทอดเครปในกระทะ ขณะที่เพื่อนของเธอกำลังเก็บของสะสมสุดรัก คุณผีนั่งรออยู่ที่โต๊ะ นัทหิ้วบรรดาตุ๊กตาต่างๆ เข้ามา “ปีนี้คนเยอะมั้ย โทษทีนะที่ไม่ได้อยู่ช่วย” เธอแซะแผ่นแป้งเทลงในจาน “เรื่อยๆ น่ะ ยายสบายดีก็ดีแล้ว”
เขาหันไปมองของสะสมต่างๆ “ Tim Burton? ” เขาถาม เขาเองก็ชื่นชอบอนิเมชั่น stop motion ของผู้กำกับคนนี้เช่นกัน อีกฝ่ายยิ้มกว้างอย่างถูกใจ ก่อนจะเริ่มคุยกันอย่างออกรส เธอยิ้ม ฟังไปเรื่อยๆ มือก็ทอดและแซะเครปแผ่นแล้วแผ่นเล่าลงจาน อันที่จริงเธอก็ชอบ stopmotion เช่นกัน อนิเมชั่นประเภทนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัว เธอชอบการขยับเคลื่อนไหวของตัวละครต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์และความเงียบงันที่แฝงอยู่ในเรื่อง ตั้งแต่เรื่อง Wallace and Gromit ที่เป็นอนิเมชั่นสั้นๆ สี่เรื่อง จนถึงหนังใหญ่ ลุกลามไปจนถึงเรื่องอื่นๆ และบรรดาผลงานของทิม เบอร์ตัน มือแซะแผ่นแป้งออกจากกระทะอีกแผ่น The nightmare before Christmas เองก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ติดอยู่ในความทรงจำ โดยเฉพาะฉาก Jack’s lament ที่เธอเปิดดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสมัยที่เธอเหนื่อยหน่ายกับงานประจำ เธอคิดว่าเธอเข้าใจความรู้สึกว่างเปล่าที่แจ็คพูดถึงดีอยู่
เครปแผ่นแล้วแผ่นเล่าวางกองสุมกันสูงขึ้นเรื่อยๆจนเธอตัดสินใจว่ามากเพียงพอแล้ว เธอหันไปเรียกเขาที่กำลังคุยกับเพื่อนของเธออย่างสนุกสนานว่าหากเอ็ดเวิร์ดหลุดเข้าไปอยู่ในเรื่องSweeny todd แล้วจะเป็นอย่างไร “มาช่วยฉันได้แล้ว” เธอกล่าว
เขาจับชามอ่าง ส่วนเธอใช้ตะกร้อมือตีวิปครีมด้วยความชำนาญ วิปครีมตั้งยอดในเวลาไม่นานนัทมองอยู่ห่างๆ หลุดปากออกมา “อย่างกับฉากเล่นเปียโนใน The corpse bride เลย” ก่อนจะทำหน้าตกใจ “อ๊ะ โทษที”
“ช่างเหอะ” เธอถอนหายใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่เธอดูไปแล้วไม่สามารถทำใจกลับมาดูซ้ำได้อีก ไม่ใช่เพราะไม่ชอบ แต่เป็นเพราะมันเจ็บปวดเกินไปสำหรับเธอต่างหาก เอมิลี่เจ้าสาวไร้ชีวิตคนนั้นถูกทรยศหักหลังตลอดมาตั้งแต่สมัยยังมีชีวิต และแม้จะตายไปแล้วก็ยังอุตส่าห์มีชายหนุ่มอีกคนหลุดหลงมาทำลายความเชื่อใจของเธออีกครั้ง แต่เธอก็ยังคงให้อภัยและมอบความสุขให้แก่คู่บ่าวสาวในตอนท้ายก่อนจะสลายไป
สำหรับเธอนั้น เพียงแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว
เธอยกตั้งแผ่นแป้งมา ลงมือปาดครีมลงบนเครปแล้ววางอีกแผ่นทับลงไป ทำซ้ำเช่นนี้แผ่นแล้วแผ่นเล่าจนเป็นตั้งสูง เธอปาดครีมลงบนหน้าเครปแผ่นสุดท้ายก่อนจะยกเครปเค้กก้อนแรกที่สำเร็จแล้วเข้าตู้เย็นเธอวางแผ่นเครปใหม่ เตรียมปาดครีมอีกครั้ง พอดีกับที่เพื่อนของเธอพูดขึ้น“ขอโทษที่ทำให้คิดนะ”
“อืม ไม่เป็นไรหรอก” เธอตอบ อย่างน้อยทุกอย่างก็เป็นแค่แผลเป็นแล้ว
“แต่ขอพูดตรงๆ ในฐานะเพื่อน จะไม่ลองเริ่มต้นใหม่อีกเลย?”
เธอปาดครีม “อยู่อย่างนี้ก็สบายใจดีแล้วนี่” เธอทำซ้ำขั้นตอนเดิมอีกรอบ เครปเค้กก้อนที่สองสำเร็จในเวลาไม่นานถูกส่งเข้าไปวางให้เซ็ตตัวในตู้เย็นเช่นเดียวกับก้อนแรก เธอล้างมือ ตั้งหม้อบนเตา เทสตรอเบอร์รี่แช่แข็งและน้ำตาลลงในหม้อ เตรียมเคี่ยวทำซอสราด บรรยากาศในห้องเงียบไป ไม่คึกคักอีกแล้ว
เป็นเขาที่ทำลายความเงียบเป็นคนแรก “ขอโทษที่แอบฟังโดยไม่ตั้งใจครับ”“แบบนี้ไม่เรียกแอบแล้ว ลืมไปเลยว่ามีนายอยู่ด้วย” นัทโวยวาย เธอหัวเราะออกมาได้“ช่างเถอะ เรื่องเก่าแล้วน่ะ” เธอกล่าว
“เรื่องนี้ จริงๆ แล้วเป็น Russian Jewish folk tale มาก่อนครับ”เขากล่าวต่อ “ในเรื่องไม่ได้บอกว่า corpse bride ตายเพราะอะไร เจ้าบ่าวไม่ได้ลงไปใช้ชีวิตกับตัว corpse bride หลังจากสวมแหวนไปเขาไปหาแรบไบเพื่อช่วยกันหาทางออก เจ้าสาวก็มาด้วย แรบไบตัดสินว่าเขาแต่งงานกับเธอจริง แต่คนตายไม่มีสิทธิที่จะอยู่กับคนเป็น corpsebride เสียใจมาก เจ้าสาวกอดเธอ รับปากว่าจะใช้ชีวิตในส่วนความฝันของเธอให้และจะไม่ลืมเธอ ให้เธอ rest in peace และทำหลุมศพให้ใหม่ ตกแต่งสวยงามเธอจากไปอย่างสงบ” เขาหยุดนิดหนึ่ง มองผู้ฟังทั้งสองที่จ้องเขาเป็นตาเดียวก่อนจะพูดต่อ “ส่วนที่มาของนิทานมาจาก anti-semitism ในยุคนั้นขบวนเจ้าสาวชาวยิวเลยถูกดักฆ่าเจ้าสาวแล้วฝังทั้งชุดในระหว่างทางครับ”
นัทกลอกตา “ทำลายบรรยากาศจริงๆ เนิร์ดเอ๊ย” ซอสบนเตาเดือดปุดผสมเป็นเนื้อเดียวกันพอดี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in