การมาเยือน
การมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์รอบนี้ก็มีครอบครัวผม แม่ พี่สาว และพี่เขย และ เพื่อนๆ อีก
มาก แดดออกทุกวัน อุณหภูมิกำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาวเอ่ออ ดี แต่จริงๆพวกเราก็แอบเช็คพยากรณ์อากาศที่ Zermatt อย่างใกล้ชิดว่าวันที่เราไปพักนั้น มีเมฆมาก ส่วนตัวผมไม่ได้มีปัญหาหรอก แต่ครอบครัวผมนี่น่ะซิ เดินทางมา 10 กว่า ชั่วโมงจากประเทศไทย ถ้าไม่ได้เห็น Matterhorn คงต้องน้ำตาตกในกลับบ้านแน่นอน สิ่งที่ทำได้ก็คือ ภาวนา…
โรงแรมที่พวกเราพักมีระเบียงที่โผล่หน้าออกไปดูวิว Matterhorn
วันที่สองสภาพอากาศก็ยังดีอยู่ แต่ในโทรศัพท์ขึ้นเตือนว่าหิมะตก...ได้แต่คุยกับพี่สาวว่า “เอ่อตกกี่โมง สงสัยจะตกบนภูเขา” ด้วยความที่อากาศค่อนข้างดี แต่เมฆยังเยอะอยู่พวกเราเลยตัดสินใจขึ้นรถไฟขึ้นไปที่ Gornergrat โดยที่ไม่รู้หรอกว่าอากาศในเวลาต่อมาจะเป็นยังไง แอบกระซิบว่าคราวนี้เราซื้อตั๋ว Half Pass Swiss มาเราเลยได้ลดครึ่งราคาในการขึ้นรถไฟไป Gornergrat ราคาลองเช็คในเว็บดูนะ
พวกเราออกจากโรงแรมตั้งแต่ 8 โมงเช้า ขึ้นมาจนสุด และระหว่างทางก็พบว่าหิมะตกจ้า... ความหวังในการเห็น Matterhorn ริบหรี่มากกก ฉันได้แต่คิดในใจว่า “เชี่ยแล้วไง” แต่ก็ได้พูดปลอบทุกคนว่า อากาศมันเปลี่ยนเร็วนะไม่แน่หรอก เดี๋ยวก็ได้เห็น อื้มมม นั่นแหละ คนเรามันต้องมีความหวังเนอะ
ถึงอย่างนั้นพวกเราก็เล่นหิมะอย่างสนุกสนาน นี่เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวผมได้เห็นหิมะที่ตกลงมาจริงๆ ตกแบบเยอะพอที่จะเล่นได้ ถ่ายรูปสวยงามตามประสาคนไม่เคยเจอหิมะ ตัวผมก็จอยไปด้วย ได้แต่คิดในใจ (อีกครั้ง) ว่า ‘ยังดีที่มีหิมะให้เล่น ให้ถ่ายรูปถือว่าเป็นเรื่องปลอบใจ’ พอเราถ่ายรูปชมวิวเล่นหิมะจนหนำใจก็เริ่มเหนื่อย จึงเข้าไปพักในอาคาร Gornergrat นั่นแหละ หาอะไรกินตอนเที่ยงมานั่นจิบชา กาแฟ และได้แต่ภาวนา (อีกตามเคย) ว่าเออเราคงจะได้เห็น น้อง Matterhorn ซักนาทีก็ยังดี
พวกเรารอคอยไปถึง 2 ชั่วโมง แต่น้องไม่มีวี่แววยลโฉมพวกเราจึงตัดสินใจที่จะกลับโรงแรม แต่แล้ว ณ ขณะที่กำลังไปที่สถานี อยู่ดีๆ เมฆที่หนาทึบก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกวินาทีนั้นคือเรามีหวังมากกก และแล้วทุกคน ไม่ใช่แค่ครอบครัวผมแต่ทุกคนที่อยู่บนนั้นคือ Wowwwww ว้าวววว น้องออกมาแล้วทุกคนรีบคว้ากล้อง ถ่ายรูป Matterhorn กันอย่างไม่ละสายตา โอ้ยยยยแต้มบุญเรายังเหลือ วินาทีนั้นคือ ดีใจมาก พวกเรามาไม่เสียเที่ยวแล้ว น้ำตาจะไหล มันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขแบบเหมือนถูกหวย เหมือนสอบติดมหาลัย สีหน้าทุกคนมีรอยยิ้มแล้วความสุขกันจนอธิบายไม่ถูกแต่หารู้ไม่ว่า มันคือความสุขสุดท้ายก่อนที่เรื่องเฮงซวยจะเกิดขึ้น
พอพวกเราเต็มอิ่มกับ Matterhorn แล้วพวกเราก็เดินทางกลับลงมายังโรงแรม Matterhorn ก็เข้าสู่สถานะหมอกเมฆบังตามเคย วิวหลักล้านจากโรงแรมมันช่างเสียเงินเปล่าเสียจริงๆ ได้แต่บอกกับตัวเองว่า ‘
วันต่อมาพวกเราตื่นมาพร้อมกับฝนที่ตกแบบ ไม่หยุด ทีแรกพวกเรามีแพลนที่จะขึ้นกระเช้าไปดู
ในคืนนั้นเองผมก็สังเกตได้ว่าหิมะมันเริ่มตกลงมา แต่ด้วยความที่เรามาเที่ยวเดือนเมษายนมันคืออะไร มันคือฤดูใบไม่ผลิ มันมีโอกาสที่หิมะจะตกนะแต่มันจะตกกันซักแค่ไหนเชียว จากประสบการณ์ผู้อยู่ยุโรปมา
เออเอาซี้ มันจะอะไร กับจิ๊บจ้อยมาก แม่ชั้นผู้ตื่นมาตี
แม่: “กัน กัน หิมะตก ไฟดับ”
ฉัน: “ยังตกไม่หยุดอีกหรอ?”
ชั้นตัวเด้งขึ้นมาจากเตียงออกไปดูที่ระเบียง “โอโห้.....” อิเชี่ยขาวเต็มเมือง
“แม่ไม่เป็นไรเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”
สภาครองเกรสได้เปิดขึ้นโดยไม่มีแม่ ผมคุยกะพี่สาวและเพื่อนๆ เอายังไงกันดี “รอดูพรุ่งนี้
โรงแรมที่ผมอยู่ถือว่าจัดการปัญหาได้ดีในระดับนึงพอมีไฟฟ้าสำรองใช้ และมีการ Update
และก็เป็นไปตามคาดเมืองถูกตัดขาดจากภายนอกโดยสมบูรณ์ เช้าวันถัดมา หิมะไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกแถมยังหนักขึ้นกว่าเดิม ผมกับเพื่อนพี่สาวรีบตื่นมาตั้งแต่
ในเมื่อเราออกจากเมืองไม่ได้เราเลยสนุกกับหิมะไปเลยทุกแอคทิวิตี้บนภาคพื้นดิน พวกเราทำมันให้หมด ปั้นหิมะ ปาหิมะ นอนกลางหิมะ เอ่อเล่นให้โลกรู้ว่ากูเจอหิมะแล้วโว้ยยย
ก่อนที่จะเช้าวันสุดท้ายของการอยู่
พวกเรามาถึงมิลานด้วยสภาพกึ่งดีใจกึ่งเหนื่อยล้า แต่ก็ยังอยากเที่ยวอยู่ เลยได้มีโอกาศไปเดินเล่นเล็กน้อยก่อนที่พวกเราจะกลับบ้านในวันถัดไป ประสบการณ์ครั้งนี้สอนอะไรหลายอย่างมากอย่างแรกเลย ประกันการเดินทางสำคัญมากจริงๆ สองการตัดสินใจที่เด็ดขาดและไม่หวังน้ำบ่อหน้าเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆถ้าคุณจ่ายไหว ไปก่อนเลยอย่ารอ และสาม ควรเผื่อวันเดินทางอย่างน้อย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in