เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LOVE & FATE of Yuri 'ยูริ'i3e-dwz
YURI : 05 : 'คนที่งดงาม อ่อนโยนและแสนดีชนิดที่ไม่ควรแตะต้อง'
  • พออายุสิบเก้า ผลงานด้านกีฬาก็ส่งผลให้วิคเตอร์ถูกทาบทามให้เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในโซล เขากลายเป็นนักว่ายน้ำดาวรุ่ง เป็นหนุ่มหล่อที่สาวๆ แทบทั้งมหาวิทยาลัยตกหลุมรักและในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเขายังเป็นของยูริทั้งตัวและหัวใจ ยูริที่มักจะมาโผล่ในฝันของเขาแทบทุกคืน และเป็นยูริคนเดียวกับที่สอนให้เขาได้เข้าใจความหมายของคำว่าคิดถึงได้อย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าพี่สาวแท้ๆ ของเขาเองซะอีก

    วันหยุดของเขาหมดไปกับการซ้อม วิคเตอร์รู้ตัวดีว่าเขาอยู่ในน้ำมากกว่าอยู่บนบกซะอีก แล้วเขาก็รู้ตัวเหมือนกันว่าการที่เขาไม่สามารถกลับบ้าน ไม่สามารถกลับไปใช้เวลาว่างทำเรื่องไร้สาระกับยูริที่แสนคิดถึงได้มันมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ยูริไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่พอใจเขาได้ง่ายๆ เลย

    เขาคิดว่าสักวันหนึ่งต้องกลับไปหายูริ ไปกอดให้หนำใจ แม้ว่าจะต้องถูกโค้ชด่าแล้วก็ทำโทษเท่าไรก็จะยอมแลก แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ยูริจับรถไฟขบวนแรกของวันมาหาเขาถึงที่...ปกติแล้วคนนอกที่ไม่ใช่นักศึกษาจะไม่สามารถเข้ามาในสระว่ายน้ำของมหาวิทยาลัยได้ แต่วันนั้นยูริกลับยืนอยู่ตรงทางเข้าแล้วก็มองมาที่เขาซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยพวกผู้หญิงที่แวะมาหาเขาในช่วงเวลาพัก พวกเธอมักจะมาพร้อมกับขนมเค้กอบเอง ผ้าเช็ดหน้าปักลาย จดหมายรักและรอยยิ้มเขินอายต่างๆ นานา ทุกคนในชมรมชินกันแล้ว เขาเองก็ชินและมีวิธีรับมือกับพวกเธอ

      แต่ยูริไม่ชิน…
    เพราะฉะนั้นถึงได้เดินกลับออกไปทันทีที่สบตากับเขา

    “ยูริ!!! ยูริ!!! หยุดก่อน!”

    ยูริเร่งฝีเท้า เดินหนีเขา

    “ยูริ!! คิมแจจุง!!”

    จนกระทั่งพยายามที่จะวิ่งหนีเขาแต่คนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลยจะไวไปกว่านักกีฬาได้ยังไง

    “ฉันบอกให้หยุดไม่ได้ยินหรือไงยูริ”

    “ฉันนึกว่านายพูดกับสาวๆ ของนายซะอีก”

    “นายกำลังเข้าใจผิดนะยูริ”

    “ที่ไม่กล้าโดดซ้อมสักครั้งเพราะกลัวว่าจะไม่ได้เจอกับผู้หญิงพวกนั้นใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องเอาโค้ชมาอ้างหรอก”

    “ไปกันใหญ่แล้ว ฟังก่อนได้ไหม…”

    “นายใจร้ายกับฉันนะวิคเตอร์”

    “ฉันขอโทษ...แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงพวกนั้น ก็แค่รู้สึกขอบคุณที่พวกเขาชอบฉัน แต่ฉันไม่ได้ชอบเขาตอบซะหน่อย”

    เขามองเข้าไปในตาของยูริ จ้องลึกจนพบความอ่อนแอและหวั่นไหวที่ยูริพยายามซุกซ่อนเอาไว้กับตัวตลอดเวลา และเขามักจะเป็นคนเดียวที่มองเห็น

    “หายโกรธได้ไหม หืม?”

    “ไม่! จนกว่านายจะไปเปลี่ยนชุดแล้วออกมาหาฉันอีกครั้ง”

    “แต่ว่าฉันซ้อมอยู่...อีกชั่วโมงเดียวก็เลิกแล้ว เอาอย่างนี้ได้ไหมยูริ เอากุญแจหอฉันไปแล้วก็รออยู่ในห้อง...ไหนๆ ก็ต้องเอาของไปเก็บอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”

    “อีกแค่ชั่วโมงเดียวจริงหรือเปล่า”

    “จริงๆ สัญญาเลย”

    ยูริยังคงหน้าบูด แต่ถึงอย่างนั้นก็ลืมตัวไปกุมมือคนรักเอาไว้

    “อืม ฉันจะรอ”

    ตอนที่วิคเตอร์ตามง้อยูริอยู่กลายๆ นั้น เขาไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเท่าไรนัก เหตุผลแรกก็เพราะเขาบริสุทธิ์ใจ ถึงภาพมันจะออกมาดูชวนเข้าใจผิดแค่ไหนแต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยนอกจากรับน้ำใจของพวกเธอเอาไว้ เขาไม่เคยปิดบังกับใครเลยว่าเขามีเจ้าของแล้ว จะว่าไปข่าวนี้ก็ชัดเจนจนเกินจะเป็นแค่ข่าวลือด้วยซ้ำ และอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งสำคัญที่สุดแล้วก็คือเขาเชื่อใจว่ายูริเองก็เชื่อใจเขาไม่แพ้กัน 
    พวกเขาต่างเชื่อใจกัน เหมือนที่เป็นมาตั้งแต่วันที่ตกลงเป็นเพื่อนกัน จนกระทั่งมาจนถึงวันนี้มันก็แน่นอนอยู่แล้วว่าต่อให้จะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหนหรือต่างคนต่างต้องตั้งใจกับอะไร สุดท้ายเมื่อพบกันอีกครั้ง พวกเขาก็มักจะเข้าใจและเชื่อใจในกันและกันเหมือนเดิม



    - YURI -


    “ยุนโฮมาที่นี่?”

    เสียงเปียโนหยุดลงทันทีที่ชางมินรายงาน ยูริลุกจากเก้าอี้พลางครุ่นคิดก่อนที่จะพูดประโยคน่าขัดใจสำหรับพ่อบ้านทั้งสองออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ อย่างเคย

    “ให้เขาเข้ามา”


    ยุนโฮเก้ๆ กังๆ ในมือเขามีคุ้กกี้ธัญพืชที่แอบหยิบมาจากในครัวของแม่ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็มีดอกกุหลาบสีแดงดอกเดียวเหมือนอย่างเคย เขาขับรถมาถึงหน้าบ้านผีสิง กดกริ่งแล้วก็สูดหายใจลึกสุดปอดก่อนที่จะมีเสียงถามออกมาจากลำโพง 
    เขายอมรับว่าเขาหน้าด้านหน้าทน แต่เขาก็ยินดีให้ตัวเองเป็นคนแบบนั้นถ้ามันจะแลกกับการที่เขาได้เจอกับคุณยูริอีก เรื่องวันนั้นมันยังค้างคาและคอยสะกิดใจเขามาตั้งแต่วันนั้นที่เขาถูกไล่ออกมาอย่างแสนสุภาพตามประสาเจ้าของบ้านว่าเขาควรขอโทษหรือทำอะไรดีๆ บ้างก่อนที่จะสายไป แล้วคุณยูริก็ยังเป็นคนใจดีคนเดิมที่เขารู้สึกคุ้นเคย เขามั่นใจอย่างนั้นตอนที่ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดโดยพ่อบ้านหน้ายักษ์ที่คุ้นเคย

    “คุณท่านบอกให้คุณรอสักครู่ตรงปากทางเข้าสวนครับ”

    เป็นที่ปากทางไปที่แปลงดอกไม้อีกเหมือนเคยที่เขายืนรอเขาอยู่ หลังจากยืนตะอากาศเรี่ยพื้นไปสะเปะสะปะจนเกือบจะเมื่อยในที่สุดคุณยูริก็มาถึง วันนี้เธอสวมโอเวอร์โค้ทสีเบจและยังมีรอยยิ้มให้เขาเหมือนเคย นั่นเองที่ตอกย้ำอีกครั้งว่าเธอใจดีเสมอ แม้จะกับคนอย่างเขาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นสำหรับความใจดีของเธอ...

    “ชางมินบอกว่าเธอถือคุ้กกี้มาฝาก น่ากินทีเดียว...คุณแม่เธอทำหรือ”

    “ครับ”

    “ฉันอาจจะได้เก็บไว้กินกับน้ำชา ขอบคุณมากนะ”

    “ครับ”

    “แล้วก็ นั่นดอกกุหลาบอีกแล้วหรือ”

    “ครับ”

    “ยุนโฮ…”

    “ครับ”

    “ฉันจะไม่เสียเวลาเล่นเปียโนมาฟังเธอพูดคำว่า ‘ครับ’ อย่างเดียวหรอกนะ”

    พอทำตัวเหมือนเด็กแถมอากาศก็ยังงี่เง่าแบบนี้เขาก็ลัวว่าคุณยูริจะขอตัวกลับไปในบ้าน แล้วก็ส่งพ่อบ้านสองคนมาผลักใสเขาอย่างนุ่มนวลเหมือนครั้งที่แล้วอีก พอได้ยินแบบนั้นก็เลยรีบตั้งตัวใหม่ไม่ให้เสียทีก่อนจะยื่นดอกกุหลาบที่ถือมาให้กับอีกฝ่ายอย่างที่ตั้งใจ

    “ขอบคุณนะ”

    “ยินดีครับ”

    “ไปเดินเล่นกันเถอะ...ว่าแต่ยังไม่เบื่อสวนของฉันใช่ไหม”

    “ไม่เบื่อหรอกครับ”

    คุณยูริยิ้มหวาน ก่อนจะเริ่มเดินเมื่อเขาผายมือออกเล็กน้อยให้เจ้าของบ้านเดินนำ ระหว่างที่ย่างเท้าไปเรื่อยเธอก็กวาดสายตามองไปยังต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ริมทางเดิน ยุนโฮสังเกตได้ว่ากับดอกต้นไม้ ดอกไม้ หรือแม้แต่ดอกหญ้าที่เขาคิดว่าไร้ค่าก็มักจะได้แววตาเมตตาอารีของคุณยูริไปหมด 
    เธอบอกว่าเธอรักต้นไม้เพราะ ‘เขา’ ก็เหมือนกับที่เธอต้อนรับยุนโฮเข้ามาในบ้านนี้เพราะ ‘เขา’ และนาทีนั้นเองที่ยุนโฮรู้สึกว่าตัวเองต้องขอบคุณผู้ชายที่ชื่อวิคเตอร์คนนั้นที่สุดที่ให้เขาได้อาศัยเงาเพื่อมายืนตรงนี้

    “สองคนนั้นคงจะอึดอัดน่าดูที่ฉันไม่ให้ตามมาด้วย”

    “อึดอัดที่ผมมาต่างหากครับ”

    “จะเพราะอะไรก็ช่าง ฉันไม่ให้เจ้าสองคนนั้นตามมาด้วยเพราะพวกเขาจะประคบประหงมฉันมากเกินไป...ยิ่งวันนี้อากาศเย็นลงมากซะด้วย”

    เธอบอกตอนที่หยุดดูดอกไม้ เหมือนกับเธอกำลังพูดกับดอกไม้ ไม่ใช่ยุนโฮ

    “ก็เหมือนดอกไม้พวกนี้ที่คุณต้องการจะประคบประหงมตลอดเวลายังไงล่ะครับ”

    “ดอกไม้พวกนี้ถ้าไม่ประคบประหงมอย่างดีก็อาจจะชีวิตสั้น ฉันแค่ต้องการอยากให้มันสวยได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้”

    “คุณยูริครับ…”

    “หืม?”

    เธอหันมา ดวงตาสีสวยนั้นทำเอายุนโฮสะท้านไปทั้งร่างอีกครั้ง เขาเคยตกหลุมรัก...และจำได้ว่ามันไม่ได้เป็นแบบนี้ เขาแค่รู้สึกมีความสุข มีความทะเยอทะยาน ไม่ได้รู้สึกทรมานแบบที่กำลังรู้สึกตอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคุณยูริ บางที...ครั้งนั้นอาจจะไม่ใช่การตกหลุมรัก  หรือไม่...มันก็ไม่ได้มากเท่ากับครั้งนี้

    “ขอโทษนะครับ”

    “เรื่องวันนั้นใช่ไหม...ไม่เป็นไร ฉันลืมไปแล้วด้วยซ้ำ”

    “จริงหรือครับ ผมรู้สึกค้างคามาตลอดที่ไม่ได้ขอโทษคุณ กลัวว่าคุณจะโกรธผมจนไม่อนุญาตให้ผมเข้ามาพบอีก”

    “ฉันไม่ใช่คนใจร้าย หรือว่า… ดูไม่เหมือนหรือไง”

    “ไม่ใช่ครับ”

    “ดังนั้นเลิกกังวลได้แล้ว ฉันอยากเห็นเธอที่กระตือรือร้นอยากจะคุยกับฉันมากกว่าตอนนี้นะ”

    “ผมรู้สึกผิด...แต่คุณยูริครับ ผม--”

    “เดินอีกหน่อยเถอะ พอดีฉันมีเรื่องอยากจะรบกวนเธอ”

    เธอตัดบทยุนโฮด้วยความนุ่มนวลแบบนั้น ก่อนที่จะก้าวนำและเดินตรงไปข้างหน้า 
    ในมือคุณยูริมีดอกกุหลาบของเขา เธอถือมันไว้อย่างทะนุถนอมเหมือนที่เขาคิดเอาไว้ว่าคนรักต้นไม้อย่างเธอจะดูแลมันอย่างดีแม้ว่าจะไม่ใช่ดอกไม้ในสวนของตัวเองก็ตาม

    เป็นใครก็คงสังเกตได้แน่นอนว่าวันนี้ยุนโฮพูดน้อยกว่าทุกวัน แม้ว่าคุณยูริจะรับคำขอโทษของเขาเอาไว้แล้ว หรือแม้ว่าเธอจะยิ้มให้เขาเหมือนเคยก็ไม่ได้ช่วยให้เขาเลิกกังวลอะไรต่างๆ นานาได้มากนัก แต่กับคุณยูริที่เป็นผู้ใหญ่กว่าเขาในทุกด้านคนนี้ใช่ว่าสมควรแล้วที่เขาจะไปคาดคั้น  ไม่ว่าเธอจะว่าอย่างไร...ก็เป็นต้องยินยอมเห็นด้วยไปทุกเรื่อง


    บ้านผีสิงกว้างใหญ่ไม่ใช่แค่คำเล่าลือ แต่มีเนือที่กว้างมากซะจนคาดไม่ถึง สวนของคุณยูริที่ว่าสมบูรณ์มากแล้วก็ยังไม่หมดเท่านั้น วันนี้ยุนโฮยังได้ตะลึงกับทะเลสาบที่เจ้าของบ้านเคยพูดถึงอยู่ครั้งหนึ่งด้วย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าพอเดินตัดสวนและแปลงกุหลาบของคุณยูริมาแล้วจะยังมีทะเลสาบและท่าเรือส่วนตัวเล็กๆ อยู่ด้วย พอหันหลังกลับไปมองก็ยังเห็นหลังบ้านในระยะเดินได้สบายๆ เขาถึงตระหนักได้ว่าแม้แต่ตัวบ้านที่เงียบและเต็มไปด้วยของมีค่านั้นก็ใหญ่โตกว่าที่คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้เสียอีก

    เขาหันไปหันมาระหว่างบ้านและทะเลสาบ ท่าทางคงประหลาดมากเสียจนเจ้าของบ้านต้องกลั้นหัวเราะ

    “ขายที่ดินไปทำสวนสนุกยังได้เลยนะครับเนี่ย”

    “ไม่ได้ยินเขาพูดกันหรือว่าแทบทุกตารางนิ้วในรั้วบ้านฉันมีสมบัติเต็มไปหมด ดังนั้นให้ฉันขุดใช้จนหมดก่อนเถอะค่อยคิดเรื่องขาย”

    “แปลกดีนะครับ คุณไม่ออกไปไหนแต่รู้เรื่องที่คนซุบซิบกันเยอะน่าดู”

    “หนุ่มน้อย ฉันรู้จักอินเตอร์เน็ตแล้วก็เป็นสมาชิกรายปีของนิตยสารแฟชั่นด้วย ไม่ได้เคยบอกไปแล้วหรอกหรือ”

    ยุนโฮยิ้มรับ คุณยูริไม่เหมือนคนอายุสี่สิบอีกแล้วในความคิดเขา 

    วันนี้อากาศเย็นลงอีกนิด...เธอซุกมือเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ท แก้มเธอแดงสู้กับริมฝีปาก แล้วก็ดูเหมือนตุ๊กตามากกว่าจะเป็นผู้ใหญ่วัยสี่สิบตามจริง
    เขาดูรู้ว่าเธอพยายามที่จะมองข้ามเรื่องวันก่อนไป หรือไม่เธอก็คงโตพอที่จะมองข้ามไปแล้วจริงๆ เป็นเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้เองที่ยังคงซื่อบื้อแล้วก็ไม่หลุดพ้นเสียที แต่ในเมื่อคุณยูริก้าวพ้นไปแล้วเขาก็ไม่อยากจะทำลายช่วงเวลาและความสัมพันธ์ที่ดีและหายากแบบนี้ไปเพื่อที่จะกลับมาเสียดายในวันข้างหน้า พอเห็นว่าคุณยูริยิ้มแบบนั้นก็พยายามบอกตัวเองให้แกล้งลืมเรื่องคาใจแล้วทำตัวติดตลกไปบ้าง...น่าจะดี

    “มีอะไรจะให้ผมช่วยครับ หรือว่า! หรือว่าจะให้ช่วยขุดสมบัติครับคุณยูริ?”

    “บ้าน่า...ฉันหมายถึงนั่นต่างหาก”  

    เธอพยักเพยิดไปที่ท่าเรือ มีเรือเครื่องติดหลังคาลำเล็กๆ จอดเอาไว้ตรงนั้นและโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรให้ชัดเจน ยุนโฮก็รู้ในทันที


    เมื่อคืนคุณแจจุงนอนไม่หลับ แล้วโคมไฟที่หัวเตียงก็เป็นอุปกรณ์แก้เบื่ออย่างดี แม้ว่าการเปิดและปิดสวิทช์ไปเรื่อยๆ จะไม่ช่วยอะไรแต่มันก็ฆ่าเวลาได้อย่างดี
    แจจุงหรือยูริกำลังคิดว่าตัวเองกำลังอ่อนแอ 
    ทำไมถึงอ่อนแอ? ใช่เพราะอายุที่มากขึ้นมาถึงสี่สิบปีแล้วหรือเปล่า...ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ทั้งจิตใจและความคิดแน่วแน่มาตลอด ต่อให้มีเรื่องกวนใจแค่ไหนก็เล็กน้อยและจัดการได้เสมอ อีกทั้งบรรดาพืชพรรณในสวนและหนังสือหรือแม้แต่เปียโนก็มักจะเป็นตัวเรียกสมาธิกลับมาได้ทุกครั้ง

    ความรักที่มีต่อวิคเตอร์หนักแน่นมาเสมอ แม้ว่าเขาจะเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดก็ยังคงยืนยันว่ารักเขาหมดหัวใจ การเพิกเฉยต่อบุคคลหรือกาลเวลาที่หมุนนอกบ้านก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ทำให้มีชีวิตอยู่ได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวด ไม่รู้จักใคร ไม่พบใคร ไม่ผูกพันและไม่เจ็บปวดมาตลอดหลายปี…แต่ทำไมถึงได้คิดว่าที่ต้องรู้สึกแบบที่รู้ตัวดีว่ากำลังเอาตัวเข้าไปใกล้ความเจ็บปวดอยู่ทุกขณะแบบนี้ก็เพราะทำตัวเองนั่นแหละ 


    วิคเตอร์ไม่อยู่แล้ว ไม่ได้อยู่ข้างกายยูริตั้งนานแล้วแต่ที่เห็นยุนโฮแล้วอยากเจอเขาใกล้ๆ ก็เพราะว่าอยากให้เขากลับมาอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิมตลอดเวลา

    แล้วก็เพราะว่าที่จริงแล้วยังไม่หายเจ็บ ไม่เคยหายดีเลยตั้งแต่ที่ไม่มีวิคเตอร์แล้วก็ดูเหมือนว่าหัวใจไม่ฟังเสียงและพร้อมที่จะเจ็บปวดเพราะความรักอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ใครจะรู้ดีไปกว่าตัวเอง


    “ขับเป็นแน่นะ?”

    “รับประกันครับ”

    ยูริเชื่อใจเขาในทันที จึงวางมือลงบนฝ่ามือของเขาเพื่อให้เขาคอยช่วยพยุงตอนที่กำลังลงเรือ

    “ถ้าพ่อบ้านของคุณรู้ว่าเรากำลังทำแบบนี้อยู่พวกเขาคงจะอยากฆ่าผมแน่”

    “ไม่หรอก แต่เรามีเรืออยู่ลำเดียว ฉันขอแค่เจ้าสองคนนั้นที่แอบดูอยู่จากที่ไหนสักที่ไม่ลงแรงว่ายน้ำมาตามมาก็พอ”  

    “นั่นสินะครับ”

    “ไปเถอะ ปกติชางมินจะขับให้...แต่ตั้งแต่ที่เข้าหน้าหนาวเขาก็ไม่ยอม และฉันรู้ว่าเธอจะช่วยฉันได้”

    ยูริพูดจบ ยุนโฮที่ประจำที่คนขับก็เริ่มติดเครื่องก่อนที่จะขับออกจากท่าไป
    คุณยูรินั่งอยู่ข้างหลัง เธอมองไปยังวิวรอบข้าง ลมเย็นๆ นั้นทำให้เส้นผมลู่ไปกับแก้มของเธอบ้างแต่ก็ยังงดงามอยู่ดี ยุนโฮแอบหันไปมองอยู่บ้างแล้วนั่นก็ทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้เลย เมื่อเห็นว่าคนอายุสี่สิบยิ้มกว้างเหมือนกับเด็กๆ ที่กำลังตื่นเต้นเมื่อได้ล่องอยู่เหนือน้ำ เขาขับวนไปหนึ่งรอบแล้วก็กลับมาที่ตรงกลางทะเลสาบและปล่อยให้เรือลอยอยู่อย่างนั้นแล้วตัวเขาเองก็ลุกมาจากที่ท่ามกลางแววตาสงสัยของคุณยูริ ถึงจะไม่ได้เอ่ยถามอะไรแต่แววตาของเธอก็อ่านง่ายว่าเป็นอย่างนั้น ก่อนที่ยุนโฮจะตอบโดยการแก้ผ้าพันคอของตนออกและผูกมันเอาไว้กับคอของคุณยูริแทน

    “มันหนาวนะครับ คุณอาจจะเป็นหวัดได้”

    “ให้ฉันแล้วเธอจะไม่หนาวหรือ ทั้งที่นั่งอยู่ข้างหน้า…”

    “ผมไม่เป็นไรครับ”

    เขาตอบสั้นๆ แล้วก็นั่งลงข้างคุณยูริแทน
    ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้น และทิ้งช่วงแบบนี้ไปอีกครู่หนึ่ง เจ้าของบ้านถึงได้เอ่ยออกมาก่อนขณะที่มองดอกกุหลาบจากเขาเอาไปพลาง

    “ฉันขอโทษนะยุนโฮ”

    “........”

    “ทั้งที่เป็นคนดึงเธอเข้ามาในบ้านนี้ตั้งแต่แรกแท้ๆ”

    “ผมก็ยังอยากจะขอโทษคุณเหมือนกันครับ...ที่เสียมารยาทกับคุณขนาดนั้น”

    “พูดก็พูดเถอะนะ เธอน่ะทำให้ฉันคิดถึงตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นเลย การมีเธออยู่ข้างๆ ทำให้ฉันนึกถึงเวลานั้นอยู่บ่อยๆ เหมือนกับว่าเขากำลังอยู่ข้างๆ ฉัน แล้วก็คอยทบทวนเรื่องพวกนั้นไปด้วยกัน…”

    “ผมถามพ่อและแม่ว่าบางทีบ้านเรามีคนชื่อชองแทโฮบ้างหรือเปล่า”

    “คำตอบเป็นยังไง”

    “ไม่มีครับ พ่อบอกว่าไม่มีเลย แม่ก็บอกว่าบ้านแม่แทบจะมีแต่ลูกสาว...ผมถึงได้นึกขึ้นได้ว่าสมัยเด็กๆ ทุกคนรักผมในฐานะหลานชายคนเดียวแค่ไหน”

    “ต่อให้มีก็คงไม่ใช่แทโฮหรือวิคเตอร์ของฉันแน่”

    “ทำไมคุณถึงมั่นใจนักล่ะครับ”

    “วิคเตอร์กับพี่สาวน่ะ...พวกเขาอยู่ที่โบสถ์มาตั้งแต่เล็กจนพี่สาวอายุยี่สิบถึงได้ตัดสินใจใช้ชีวิตของตัวเองได้ แม่ของเขาเป็นวัณโรคแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่วิคเตอร์ยังไม่ทันพูดได้ ส่วนพ่อก็เป็นลูกชายตระกูลทหารที่ตายในหน้าที่ เขาไม่มีญาติที่ไหน เพราะแบบนี้พี่สาวของเขาก็เลยรักฉันเหมือนน้องแท้ๆ คนอื่นๆ ในเมืองก็รักพวกเขาเหมือนเป็นคนในครอบครัว มันเหมือนในนิยายประโลมโลก...ทุกอย่างดีไปหมดในตอนนั้น เธอพอจะนึกออกไหม”

    “ครับ”

    “อยากฟังต่อไหม”

    “ถ้าคุณจะกรุณา...”

    “ไม่ต้องพูดเพราะขนาดนั้นหรอก” 

    เธอยิ้มให้เขาแล้วพูดต่อ

    “เขาดูสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น...ตัวสูง หน้าตาดี และที่สำคัญก็นิสัยดีด้วย...วิคเตอร์เป็นคนที่สามารถอยู่บ้านคนเดียวโดยที่ไม่มีอาหารอยู่ในตู้เย็นเลยก็ได้ เพราะคนละแวกนั้นรักเขากันหมดพอที่จะแบ่งของจากในครัวตัวเองให้กินทั้งที่เขาไม่ได้ร้องขอ ฉันกับเขาเรารุ่นเดียวกัน ฉันเข้ากับทุกคนไม่ค่อบได้...เพราะบางคนก็กลัวฉันแต่เขามองว่าฉันพิเศษ พอเราคุยกันไปเรื่อยๆ ตามประสาเด็กฉันกับเขาก็เลยกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ฉันเคยเป็นคนที่เอาแต่อ่านหนังสืออยู่กับบ้านไม่ว่าจะหลังเลิกเรียนหรือวันหยุด แต่วิคเตอร์กลับมาชวนฉันไปดูดอกไม้ป่าตรงเชิงเขา ชวนฉันปลูกต้นไม้ ลากฉันไปผจญภัยตามใจตัวเองอยู่บ่อยๆ กลายเป็นว่าทุกวันนี้ฉันเป็นคนรักต้นไม้อย่างที่เธอว่า…”

    “เขาชอบคุณ”

    “หืม?”

    “ตั้งแต่ตอนแรกครับ ผมคิดว่าตั้งแต่ตอนแรกเลยที่เขาชอบคุณ…”

    “ฉันไม่เคยสังเกตเลย รู้แต่ว่าฉันเองชอบเขา ตอนแรกก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะ แต่มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พอเราโตขึ้นเรื่อยๆ วิคเตอร์ก็เนื้อหอมมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน เขาเรียนเก่งเป็นที่หนึ่ง เล่นกีฬาก็เก่งมาก แถมเพราะรูปหล่อขนาดนั้นก็เลยเป็นขวัญใจของสาวๆ ใครๆ ก็ชอบวิคเตอร์ ฉันเองก็พยายามแล้วที่จะไม่ชอบเขาแล้วเพราะคิดว่าเขาคงอยากจะเป็นเพื่อนกับฉันและไปเป็นแฟนกับพวกสาวๆ มากกว่า”

    “แล้วเขาก็เลือกคุณใช่ไหมครับ”

    “ดีแล้วที่เธอพูด เพราะถ้าฉันพูดเองคงดูหลงตัวเองพิลึก  ฉันคิดว่าเธอคงเข้าใจที่ว่าตอนเป็นวัยรุ่นคนเราจะมีความดันทุรังกับทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องความรัก มันหนักหนามากเชียวล่ะ”

    “ครับ”

    “ยุคของฉัน ไม่เหมือนยุคพวกเธอ...เราไม่มีอะไรที่จะย่นเวลาเพื่อที่จะได้คุยกัน ฉันนอนคุยโทรศัพท์กับเขาทั้งคืนไม่ได้เพราะค่าโทรศัพท์คงจะแพงกว่าเดี๋ยวนี้มากแต่ยังดีที่พวกเราอยู่ใกล้ๆ กัน ฉันกับวิคเตอร์ก็เลยดันทุรังมากที่สุดตอนที่ออกมาเจอหน้ากันตอนดึกๆ เขาจะมาหาฉัน ยืนอยู่อีกฝั่งของรั้ว แค่คุยกันสองสามประโยคก็ทำให้นอนหลับฝันดีแล้ว กว่าเราจะจูบกันครั้งแรกก็ตั้งหนึ่งปีหลังจากที่คบกันจริงจัง เป็นเด็กสมัยนี้คงเบื่อกันซะก่อนเลยล่ะมั้ง”

    “ผมถามได้ไหมครับว่าตอนนั้นคุณอายุเท่าไหร่…ตอนที่มีจูบแรก”

    “สิบแปด…” คุณยูริแอบหัวเราะน้อยๆ ด้วยความเขิน “ฉันล่ะจูบไม่เป็นเลย ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง มันน่าอายมากแต่เขาก็ไม่เคยหัวเราะหรือเอามาล้อฉันเลย ฉันแอบขอบคุณสวรรค์ด้วยนะสำหรับเรื่องนี้”

    คุณยูริมองไปไกลๆ ยิ้มหวานที่มักจะมีตอนมีพูดชื่อนั้นออกมาฉายชัดอยู่บนใบหน้า มากจนยุนโฮรู้สึกอิจฉาคนที่เขารู้จักผ่านเรื่องเล่าเท่านั้นอย่างห้ามไม่ได้

    “ทุกอย่างไปได้ดีเชียวล่ะ ทั้งความรักแล้วก็ชีวิตของเรา เขาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ...วันที่แข่งแล้วก็ได้เหรียญทองระดับเขตก็ถูกทาบทามให้ไปเรียนในมหาวิทยาลัยดังๆ ฉันไม่ยอมไปส่งเขา เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว ไม่เอาไหนเลย...ใจจริงฉันอยากเห็นแก่ตัวขอให้เขาอยู่ใกล้ๆ กันเหมือนเดิมแต่ก็ทำกับอนาคตของเขาไม่ลง”

    ยุนโฮทำตัวไม่ถูกทันทีเมื่อเห็นว่าจู่ๆ คุณยูริร้องไห้ เธอร้องไห้ทั้งที่ไม่ได้อยากจะร้อง...พอน้ำตาจะไหลออกมาก็รีบปาดทิ้งอย่างไม่ไยดีและถึงเสียงจะสั่นจนแทบจะพูดอะไรไม่ได้อีกก็ยังหันมายิ้มให้ยุนโฮก่อนจะพยายามเล่าต่อไป

    “ความคิดถึงมันทรมานนะยุนโฮ”

    “ผมรู้ดี”

    “แต่มันก็ทำให้คนอย่างฉันกล้าขึ้นรถไฟแล้วก็ไปหาเขาตามลำพัง ฉันทำแบบนั้นอยู่หลายครั้งจนคุณแม่ว่า...แล้วก็คงจะไม่ได้หยุดแน่ๆ ถ้าคุณแม่สั่งห้ามซะก่อน วิคเตอร์ไปเรียนได้สองปีฉันกับคุณแม่ก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ มันเป็นบ้านที่พ่อแม่แท้ๆ ของฉันสร้างเอาไว้แล้วก็เขียนในพินัยกรรมว่าจะยกให้เป็นของฉันก็ต่อเมื่อฉันอายุยี่สิบแล้วเท่านั้น เมื่อก่อนฉันตื่นเต้นกับที่นี่มาก...ก่อนเป็นเรือแบบนี้ก็เป็นเรือพาย ฉันคิดภาพฉันกับเขามาใช้เวลาด้วยกันในวันใดวันหนึ่ง...เราคงจะมีความสุขมากแต่มันก็ไม่เคยมีวันนั้นเลย ต้นซากุระที่เธอเห็น...มันไม่งามเท่าไหร่ตอนที่ปลูกแรกๆ พอถึงเวลาก็ไม่ยอมออกดอก ใครๆ ก็แนะนำให้ฉันโค่นทิ้งแต่ฉันไม่ยอม  ไม่ว่ามันจะไม่ออกดอกหรืออะไรก็แล้วแต่ฉันก็ตั้งใจว่าจะเก็บมันเอาไว้เพราะวิคเตอร์เป็นคนปลูกเองกับมือ เขาให้ฉันเป็นของขวัญ และวันนั้นยังเป็นวันที่เขาบอกกับฉันเป็นครั้งแรกด้วยว่ามีจดหมายเรียกตัวมาแล้ว…”

    “กรมทหารสินะครับ”

    “เขาไม่เคยอยากเป็นทหารแต่ก็ต้องไป...ฉันก็ต้องจำใจบอกลาเขา ก่อนจะจากกันจริงๆ ฉันกลั้นน้ำตาและบอกเขาว่าคุณพ่อของฉันเป็นทหารที่หล่อและเก่งมากแค่ไหน ทั้งที่ฉันไม่อยากให้เขาไปเลย มันไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะคิดถึงกันแต่เพราะเป็นห่วงเรื่องความเป็นอยู่ของเขา ตอนนั้นมันน่ากลัวกว่าทุกวันนี้ซะอีกนะ ที่เขาบอกว่าสงครามพร้อมจะปะทุได้ตลอดเวลาน่ะมันฟังดูเครียดว่าสมัยนี้เยอะ ฉันถึงได้เป็นห่วงเขามากๆ แต่เขาก็คือวิคเตอร์ที่ไม่ทำให้ใครผิดหวัง เขาทำได้ดี...ได้ยินว่าแม่นปืนที่สุดในหน่วยซะด้วย ที่นั่นทุกคนชื่นชมเขา รักเขาเหมือนกับทุกๆ ที่ที่เขาไปอยู่ เราติดต่อกันทางจดหมายมากกว่าโทรศัพท์ ถึงจะช้าแต่ก็ดีตรงที่ได้คิดทบทวนอย่างดีก่อนที่จะส่งไป ฉันว่าถ้าเราพูดโทรศัพท์กันบ่อยๆ คงเผลอร้องไห้ให้เขาได้ยินแน่”

    “ผมเองก็หวังว่าจะทำได้ดีอย่างที่เขาทำนะครับ...มีต่อไหมครับ หัวข้อความรักของยูริน่ะ”

    “นั่นสินะ ต้องใช้หัวข้อนี้ถึงจะเหมาะกับวันนี้” 

    เธอยิ้ม ทั้งที่น้ำตายังไม่ทันแห้งไปด้วยซ้ำ

    “เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ฉันก็รู้สึกสบายใจกับกรมทหารมากขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ได้ดูผอมลงมากเท่าที่ฉันคิด สีหน้าก็ดูดี เขาแทบไม่บาดเจ็บตรงไหนเลยตอนที่ออกมาเจอกัน เขาเขียนจดหมายมาอวดเรื่องการได้ยศทหารชั้นเยี่ยม คอยส่งข่าวว่าอีกกี่วันถึงจะได้เลื่อนยศ จากสิบตรี สิบโท ในที่สุดก็เป็นสิบเอก...เขายังพูดเลยว่าเขาไปอยู่ในนั้นก็เป็นคนดังเหมือนกัน ถ้าฉันไม่รู้จักเขาคงคิดว่าหมอนี่ขี้โอ่เกินไปแล้ว”

    “เขาทำได้ดีจริงๆ ครับ”

    “ใช่ เขาทำได้ดี...ดีมาตลอดเลยจนกระทั่งเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะปลดประจำการ จู่ๆ… เขา…เขาก็”

    คราวนี้คนเล่าระเบิดอารมณ์ออกมาทั้งหมด ราวกับน้ำตาที่ถูกกลั้นเอาไว้เอาชนะทุกปราการแล้วไหลล้นออกมาไม่ขาดสายจนเปรอะแก้มไปหมด 

    “คุณยูริ!”

    “ฉันเจ็บ ยุนโฮ...ฉันรักเขามาก...ฉันเจ็บที่มันกะทันหัน ฉันกำลังนับวันรอไปรับเขาแท้ๆ แต่นี่มันเกินไป ฉันรับไม่ไหว...ยังไงฉันก็--”

    ยูริละล่ำละลักออกมาแทบไม่เป็นภาษา ขณะนั้นดวงตาสีเทามองยุนโฮพร้อมกับม่านน้ำตาที่บดบังจนเกือบจะมองไม่เห็นอะไรแล้ว แต่ในตอนนั้นสัมผัสอื่นๆ ยังคงเป็นปกติดี เมื่อยุนโฮเช็ดน้ำตาให้ด้วยปลายนิ้วหัวแม่มือและเข้าจูบยูริที่จมอยู่กับความเจ็บปวดตรงหน้าโดยกะทันหันนั้นเจ้าตัวเองก็รู้ดีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นระหว่างตนและชายหนุ่มตรงหน้า แล้วสติก็ยังพร้อมดีอยู่เช่นกันถึงได้รู้ว่าตัวเองกำลังต้องการอะไร  


    น้ำตาของยูริที่มีให้วิคเตอร์เอ่อท่วมใจ เช่นเดียวกับความรู้สึกที่มีให้กับยุนโฮอย่างท่วมท้น 

    ในตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นยูริของวิคเตอร์ หรือเป็นคุณยูริของยุนโฮอะไรก็จะอยากคว้าเอาไว้ทั้งนั้น!

    นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ผู้งดงามตอบจูบของชายหนุ่มแทบจะทันทีที่ใจสั่ง


    ครึ่งปีมาแล้วที่หมอบอกว่าสมองของยูริถูกเบียดเบียดด้วยก้อนเนื้อ มันเติบโตขึ้นทุกวันและจะมีผลกับชีวิตที่เหลือของยูริมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือก่อนที่มันจะพรากชีวิตนี้ไปในอนาคตอันใกล้นี้มันจะกัดกินและทำลายสัมผัสต่างๆ ในร่างกายไปทีละนิดละน้อย ร่างกายที่ถูกดูแลมาอย่างดีทั้งไม่กินเนื้อแดงและไม่แตะเหล้าหรือบุหรี่กำลังผุพังไปทีละนิดอยู่ภายในอย่างไม่ยุติธรรม แต่ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ที่พบว่าร่างกายของตนผิดปกติไปทีละน้อย หัวใจของยูริก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม...ยังเป็นดวงเดิมไม่ว่าอะไรจะหายไป 


    ซึ่งหัวใจของยูริ เคยเป็นของวิคเตอร์...คนเดียว



    ยุนโฮคุกเข่าอยู่กับพื้น และมอบจูบให้กับคุณยูริที่โน้มคอลงมาหาอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน เขาไม่ได้จูบใครต่อใครพร่ำเพรื่อ อย่างน้อยก็ไม่เคยจูบทั้งที่หัวใจรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ คุณยูริเองก็เจ็บปวด น้ำตาพวกนั้นไม่เคยหยุดไหลในระหว่างที่เธอจูบตอบ มันยังคงพรั่งพรูออกมาเหมือนกับความรู้สึกของเธอที่เขาสามารถรับรู้ได้ในทันที 

    “ยุนโฮ…”

    “ครับ”

    พวกเขารู้ดีว่าไม่อยากถอนจูบจากกัน ขณะนั้นที่เอ่ยออกมาก็ใช่ว่าริมฝีปากจะเป็นอิสระจากกันแล้วโดยสมบูรณ์

    “อย่ามาที่นี่อีกเลยนะ เราอย่าเจอกันอีกเลย ฉันรู้แล้วว่าฉันมีใจให้เธอ...แต่ว่าฉันก็ยังมีใจให้วิคเตอร์อยู่ ฉันไม่อยากเห็นแก่ตัวและไม่อยากเจ็บอีกแล้ว”

    “แต่ผมมาถึงขนาดนี้แล้ว พอผมไปคุณก็จะยังเจ็บอยู่ดีไม่ใช่หรือครับ”

    “ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เจ็บกว่านี้…มีคนอื่นที่เหมาะกับเธอมากกว่าฉัน อย่างน้อยเขาก็คงอายุพอกับเธอ อนาคตเขาจะมีลูกให้เธอ...และอาจจะเป็นคนที่สดใสกว่าฉัน--”



    ยุนโฮไม่อยากฟังและพูดอะไรต่อ เขาจูบซ้ำที่ริมฝีปากของคุณยูริผู้แสนสวย ย้ำหนักอีกครั้งถึงความรู้สึกที่พรั่งพรูกับคนที่ไม่น่าเป็นไปได้อย่างคุณยูริ 



    คนที่งดงาม อ่อนโยนและแสนดีชนิดที่เขาไม่ควรแตะต้อง ไม่ควรอาจเอื้อม เขารู้ดี… 



    แต่หัวใจของเขาไม่เคยรับฟัง







    “จะอยู่หรือไป ความจริงก็คือผมก็รักคุณยูริไปแล้วครับ”






    tbc
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in