หมายเหตุ: งานชิ้นนี้เคยถูกเผยแพร่เมื่อ 15 มิถุนายน 2566 โดย thisable.me
เขียน จินต์จุฑา พันธุ์ทองคำ และ พลอยวรินทร์ ชิวารักษ์
ประเภท บทความ
ลองจินตนาการว่านี่คือวันทั่วไปวันหนึ่ง คุณกำลังเดินทางไปเรียนที่มหาวิทยาลัย คุณอาจต้องออกจากบ้านและเดินไปสักระยะหนึ่งเพื่อขึ้นรถสาธารณะและต่อขึ้นรถไฟฟ้า หลังถึงสถานีที่หมาย คุณต้องเดินไปที่จุดรอรถที่บริการภายในมหาวิทยาลัยเพื่อขึ้นรถคันนั้นไปยังคณะที่คุณกำลังศึกษาอยู่อีกทีหนึ่งและรีบขึ้นไปยังชั้น 10 ของอาคารเพื่อเข้าเรียนวิชาแรก
ทุกอย่างดูราบรื่นดีแต่ถ้าหากเราลองเพิ่มเงื่อนไขว่า คุณกำลังตาบอดหรืออาจต้องนั่งรถเข็น การเดินทางมามหาวิทยาลัยจะยังคงสะดวกสบายเช่นเดิมหรือไม่
การเข้าไม่ถึงการศึกษาอย่างสะดวกสบายจึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งทำให้คนพิการจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เพียงร้อยละ 0.18 ของคนที่มีบัตรประจำตัวคนพิการเท่านั้น
ซาบะ - มานิตย์ อินทร์พิมพ์ นักเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิคนพิการ ผู้ก่อตั้ง Accessibility Is Freedom และ วิทยากรหลักโครงการ Chula Walk (โครงการสำรวจพื้นที่ในบริเวณจุฬาฯ ว่าเอื้อต่อการใช้ชีวิตของคนพิการ หรือไม่) ระบุว่า การเดินทางมายังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผ่านทางเท้านั้นไม่เอื้อต่อคนใช้รถเข็นและคนพิการ ทางสายตา ทางเท้าไม่มีทางเดินสำหรับคนตาบอด และมีสภาพไม่สมบูรณ์ทั้งลาดเอียง หรือมีสิ่งกีดขวาง ทางลาดลงถนนใหญ่แคบเกินไป ไม่สามารถรองรับรถเข็นขนาดใหญ่ได้ และทั้งสะพานลอยและอุโมงค์ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้ข้ามฝั่งถนนเป็นหลักนั้นไม่เอื้อต่อผู้ที่ใช้รถเข็นเลย เพราะไม่มีทางลาดสำหรับขึ้นสะพานและ ลงอุโมงค์ให้
พลอย - สโรชา กิตติสิริพันธุ์ คนพิการทางสายตา จบการศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และปัจจุบันกำลังศึกษาในระดับปริญญาโทที่คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าให้เราฟังว่า เวลารถ ปอ.พ. (รถโดยสารภายในจุฬาฯ) ไม่มาหรือฝนตกเลยไม่มีรถ เราต้องเดินจากคณะไปรถไฟฟ้าก็ไปคนเดียวไม่ได้ (เพราะไม่มีสัญลักษณ์บอกทาง) ต้องขอให้คนช่วยพาไปหรือช่วยเรียกรถให้แม้ว่าพลอยจะโชคดีที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนักจึงสามารถนั่งรถต่อเดียวถึงได้ แต่เมื่อเข้ามาในบริเวณมหาวิทยาลัยก็ยังต้องเผชิญความลำบากในการไปยังที่ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง และต้องมีคนนำทางหรือคอยให้ความช่วยเหลือเป็นส่วนใหญ่อยู่ดี
ชีวิตแบบใด... ที่นิสิตพิการต้องเผชิญ
จากการสัมภาษณ์พลอย ซาบะ การเก็บรวบรวมข้อมูลจากโครงการ Chula Walk และการลงพื้นที่สำรวจของผู้เขียน พบปัญหาสภาพแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อคนพิการทางการมองเห็นและคนพิการทางการเคลื่อนไหวในพื้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังนี้
การเดินทางภายในมหาวิทยาลัย
สิ่งอำนวยความสะดวก (บริเวณคณะอักษรศาสตร์)
และยังมีปัญหายิบย่อยอีกมากมายที่กระทบต่อการใช้ชีวิตของคนพิการ
ปัญหาพื้นที่แก้ได้! ขอเพียงใส่ใจมากเพียงพอ
สุจิตรา จิรวาณิชกุล สถาปนิกประจำศูนย์ออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า สภาพแวดล้อมภายในจุฬาฯ ถือว่ามีความพยายามในการจัดการให้คนพิการสามารถใช้งานได้สะดวกและยังมีการแก้ไขจุดที่บกพร่องอยู่เรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม สุจิตราพบปัญหาสำคัญคือการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ นั้นไม่เชื่อมต่อกัน เช่น จากอาคารหนึ่งไปยังอาคารหนึ่ง โดยคนพิการทางสายตาอาจเผชิญปัญหาว่าไม่สามารถไปด้วยตัวเองได้ในครั้งแรกเพราะไม่รู้ทางและคนพิการทางการเคลื่อนไหวอาจเผชิญปัญหาความไม่สะดวกต่าง ๆ ดังที่ระบุไปข้างต้น
สุจิตราเสนอวิธีแก้ไขปัญหาเป็น 2 ข้อหลัก ข้อแรก คือ การปรับปรุงพื้นที่ให้สอดคล้องตามกฎหมาย เช่น แก้ไขทางลาดที่ชันเกินไป รวมถึงการมีป้ายบอกทางว่าทางเข้าอาคารหรือทางขึ้นสำหรับคนพิการทางการเคลื่อนไหวนั้นต้องไปทางไหน ข้อสอง คือ การจัดทำแผนผังหรือแผนที่สำหรับคนพิการทางสายตาที่ระบุว่าแต่ละอาคารอยู่ที่ไหน และภายในอาคารห้องต่าง ๆ อยู่จุดไหนบ้าง เพื่อให้คนตาบอดเกิดภาพจำได้ว่าจุดที่ต้องการไปอยู่ตรงไหน และสามารถไปถึงด้วยตัวเองได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น
ในด้านของซาบะ ซาบะเน้นย้ำให้แก้ไขจุดที่อันตรายก่อนเป็นอันดับแรก เช่น การข้ามถนนที่ยังไม่ปลอดภัย หรือทางลาดที่ชันจนทำให้ผู้ใช้รถเข็นอาจทำรถล้มลงมาได้แล้วหลังจากนั้นจึงควรแก้ไขจุดต่อ ๆ ไปตามลำดับ
อย่างไรก็ดีในด้านการนำไปปฏิบัติจริง สุจิตราพร้อมกับศูนย์ออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน จุฬาฯ เคยนำเสนอปัญหาที่พบในบริเวณมหาวิทยาลัยแล้ว พร้อมเสนอตัวช่วยเหลือในการออกแบบพื้นที่ใหม่ร่วมกับสำนักบริหารระบบกายภาพ แต่ด้วยข้อจำกัดทำให้ปรับปรุงแล้วเสร็จได้เพียงไม่กี่ที่เท่านั้น ทางซาบะพร้อมกับ Accessibility Is Freedom ก็เช่นกัน ที่ได้มีการสำรวจพื้นที่ในโครงการ Chula Walk พร้อมกับสำนักบริหารระบบกายภาพแต่ยังไม่มีการดำเนินการใดต่อ
ซาบะเสริมข้อกังวลว่าจากประสบการณ์ของตนนั้น การปรับปรุงพื้นที่ให้เข้าถึงคนพิการนั้นมีรายละเอียดมาก และจำเป็นที่จะต้องติดตามงานกันอย่างใกล้ชิด มิเช่นนั้นอาจพลาดในรายละเอียดเล็กน้อยแต่ส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการที่เป็นคนพิการได้เขาเคยพบการลืมติดราวจับในห้องน้ำ หรือติดผิดจุดและไม่สามารถแก้ไขภายหลังได้เนื่องจากกระทบมาตั้งแต่การติดตั้งท่อน้ำ
วิธีการเข้ามาเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนคนพิการนั้นไม่ซับซ้อนนัก เพราะจุฬาฯ ไม่มีโควตาพิเศษสำหรับคนพิการ โดยคนพิการต้องสอบเข้าในรอบต่าง ๆ เช่นเดียวกับนักเรียนท้ังประเทศได้ โดยไม่มีเกณฑ์กำหนดไว้ว่าสามารถเรียนในคณะใดได้บ้าง แต่วิธีการเรียนการสอนและสภาพแวดล้อมเป็นเหมือนมาตรฐานกลาย ๆ ว่าบางคณะไม่ได้ให้การต้อนรับนิสิตคนพิการ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายทุนการศึกษาและบริการนิสิตจุฬาฯ ให้ความเห็นว่าคนตาบอดอาจเรียนได้เฉพาะในคณะที่เน้นการฟังบรรยายเป็นหลักเท่านั้น เพราะไม่สามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ในห้องเรียนได้สะดวก
ในปีการศึกษา 2565 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีนิสิตคนพิการกำลังศึกษาอยู่เพียง 9 คนจาก 7 คณะเท่านั้น (คณะวิทยาศาสตร์, คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา, คณะครุศาสตร์, คณะจิตวิทยา, คณะศิลปกรรมศาสตร์, คณะ พาณิชยศาสตร์และการบัญชีและคณะนิติศาสตร์) โดยมีการมอบทุนการศึกษาสำหรับนิสิตพิการ ครอบคลุมค่าเล่าเรียนทั้งหมดตลอดการศึกษา และนิสิตพิการยังสามารถขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้จากฝ่ายทุนการศึกษาและบริการนิสิตจุฬาฯ เช่น การจัดหาหอพักนิสิต เป็นต้น ส่วนการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะแก่ความต้องการของแต่ละคนนั้นจะเป็นการจัดการภายในคณะและการตกลงกับครูผู้สอนเอง
‘มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์’ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าศึกษา โดยมีโครงการรับนักศึกษาพิการครั้งแรกตั้งแต่ปี 2546 โดยรับทั้งคนพิการทางการมองเห็น ทางการเคลื่อนไหว และทางการได้ยินที่สามารถใช้เครื่องช่วยฟังได้ โดยในแต่ละปีมีโควตารับทั้งหมด 63 คนใน 19 คณะ มากที่สุดในกลุ่มมหาวิทยาลัยเปิด โดยเมื่อรับเข้ามาจะมีศูนย์บริการนักศึกษาพิการช่วยเหลือในเรื่องสื่อการสอน ทุนการศึกษา อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ไปจนถึงการประเมินผลการเรียนนักศึกษาพิการเพื่อเร่งเข้าช่วยเหลือในการอำนวยความสะดวกให้การเรียนเป็นไปได้ อย่างราบรื่น
ด้านการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย ศูนย์บริการฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมโดยให้เรียนรู้เส้นทาง และอาคารต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย รวมถึงจัดหาหอพักในมหาวิทยาลัยให้พร้อมบัดดี้พักร่วมได้และยังมีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในบริเวณมหาวิทยาลัยตลอดทุกปี เช่น เพิ่มปุ่มกดอักษรเบรลล์ และเสียงบอกชั้นในลิฟต์ ปรับปรุง ห้องน้ำคนพิการ และเพิ่มเบรลล์บล็อกนำทาง
เรื่องของคนพิการไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แม้เราอาจไม่ได้เป็นคนพิการในวันนี้แต่ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งเราอาจเกิดอุบัติเหตุจนขาหักเคลื่อนไหวไม่ได้ชั่วคราว หรือเจ็บตาจนทำให้การมองเห็นไม่เหมือนเดิม แต่ก็ยังคงต้องมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเหมือนปกติการออกแบบพื้นที่เพื่อรองรับการใช้งานของคนทุกกลุ่มอย่างแท้จริงจึงจะกลับมาส่งผลต่อตัวเราเองในวันที่เราอาจจำเป็นต้องใช้มันด้วยเช่นกัน
“เดินทางได้คือพัฒนาได้ การช่วยเหลือคนอย่างยั่งยืนไม่ใช่การให้เงิน แต่เป็นการให้โอกาสการเดินทาง ให้โอกาสการเข้าถึงสถานที่ต่าง ๆ” ซาบะกล่าวถึงความสำคัญในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อคน พิการ และเข้าถึงคนทุกกลุ่ม โดยที่ทุกคนมีอิสระที่จำดำรงชีวิตด้วยตนเอง เขาฝากว่าการช่วยเหลือกันนั้นเป็น สิ่งที่ดีแต่หากคนพิการต้องพึ่งความช่วยเหลือจากผู้อื่นเพียงอย่างเดียวโดยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ก็จะ ถือเป็นการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ลงไปเช่นกัน
การจัดสรรพื้นที่และออกแบบการศึกษาให้เอื้อต่อคนพิการ และเข้าถึงคนทุกกลุ่ม จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยควรรับไปพิจารณาแก้ไขอย่างเร่งด่วน และเป็นปัญหาที่เราทุกคนสามารถร่วม กันจับตามอง และช่วยส่งเสียงไปยังผู้มีอำนาจได้เพราะเราทุกคนเป็นคนเท่ากัน จึงต้องมีสิทธิในการเข้าถึงการ ศึกษาและการใช้ชีวิตที่เท่าเทียมกัน
อ้างอิง
คชรักษ์แก้วสุราช. “ธรรมศาสตร์ทำอย่างไรถึงเป็นมหาวิทยาลัยที่คนพิการอยากมาเรียน.” [ออนไลน์]. เข้า ถึงได้จาก https://thisable.me/content/2020/03/602
ฝ่ายทุนการศึกษาและบริการนิสิตจุฬาฯ. สัมภาษณ์, 2 พฤษภาคม 2566.
มานิตย์อินทร์พิมพ์. นักเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิคนพิการ ผู้ก่อตั้ง Accessibility Is Freedom. สัมภาษณ์, 15 พฤษภาคม 2566.
สโรชา กิตติสิริพันธุ์. บัณฑิตคณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คนพิการทางสายตา. สัมภาษณ์, 28 เมษายน 2566.
สุจิตรา จิระวาณิชย์กุล. สถาปนิกประจำศูนย์ออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สัมภาษณ์, 2 พฤษภาคม 2566.
องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.). “10+ ปัญหาที่คนพิการต้องเจอจากการสำรวจ บริเวณจุฬาฯ ฝั่งเล็ก.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/sgcu.chula/ posts/pfbid032u1v3uhQ1fG2Ap3S7RUMZ89mfDRkKZkbwdfFQtZwc4zmX5DTFFMT pSdSrDmLNUFel
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in