มโนและตีความหนัง — สปอยล์ทั้งเรื่อง
เหมาะแก่การดูหนังมาแล้วมาอ่านทีหลัง
------------------------------
หนังจากค่าย A24 กำกับโดย เดวิด ลอเวอรี่ คือถามว่าโนเนมมั้ยก็ไม่ เพราะเคยกำกับหนังให้ดิสนีย์เรื่อง Pete's Dragon อิ๋ว เป็นหนังที่จาจาเคยให้นิ้วกลางไปเพราะน่าเบื่อมาก นำแสดงโดย แคซี่ แอฟเฟล็ก และ รูนีย์ มาร่า ในส่วนของเรื่องนี้คือชื่อเรื่องเหมือนเป็นหนังผี แต่การออกแบบผีนั้นห่างไกลจากหนังผีมาก เลยกลายเป็นว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่หนังผี แต่จะเป็นหนังรักมั้ยก็ไม่เชิง เป็นหนังที่หาแนวไม่ได้ แถมยังผิดธรรมเนียมหนังคนปกติไปหมด คือใช้อัตราส่วน 1.33:1 หรือ 4:3 ซึ่งหนังโรงเค้าไม่ใช้กันมานานแล้ว อาจจะทำให้หนังมันดูเหมือนเป็นแฟลชแบ็คหรืออะไรซักอย่าง อีกอย่างคือการแช่กล้องไว้นานเกินไป แบบแช่กล้องให้เห็นนางเอกนั่งกินพาย 6 นาทีแบบทำไปเพื่ออะไร คือคนปกติเค้าไม่ทำอะไรกันแบบนี้ เค้าจะไม่อวยอะไรแบบนี้ มันไร้สาระมาก แต่โดยรวมหนังมันไม่ได้แย่ถึงขั้นจะให้นิ้วกลาง คือเป็นหนังที่คนปกติจะไม่ถูกจริตแน่นอน เหมาะกับพวกฮิปสเตอร์ที่อยากดูไว้เพิ่มเลเวลของตัวเอง ให้ดูโก้เก๋ยูโรก้าเอาไปอวดชาวบ้านได้
แต่หนังไม่ได้มีแค่ดูไว้อวด มันยังแฝงเมสเสจเอาไว้อีก เป็นเมสเสจที่ค่อนข้างแปลกแต่กระนั้นก็น่าสนใจ หลังดูจบจาจางงมาก เลยไปหาอ่านที่เขาตีความกัน ก็กลายเป็นงงเข้าไปอีกเพราะใช้ภาษาชั้นสูง ต้องแปลไทยเป็นไทยอีก ก็เลยต้องมโนเอาเองว่าหนังมันเกี่ยวกับอะไรกันแน่ เรื่องราวคือ ซี และ เอ็ม คู่รักคู่หนึ่งย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ซี เป็นนักแต่งเพลงตกอับ วันหนึ่งเขาถูกรถชนตาย กลายเป็นวิญญาณ แต่ในความอะไรซักอย่างก็ทำให้เขาเดินกลับบ้านไปเฝ้าดู เอ็ม เมียของเขาที่ก็นั่งกินพายแล้วก็เศร้าโศกที่ผัวตาย เลยไปหาผู้ชายคนใหม่ พาเข้าบ้าน วิญญาณซีก็เลยอาละวาดกวาดชั้นหนังสือลงมาเพื่อบอกเมสเสจแก่เมียรักว่าเขาหวงมาก เมียรักก็ไม่พอใจ เขียนโน้ตสอดไว้ในขอบประตูแล้วย้ายออกไปตามผู้คนใหม่ ปล่อยให้วิญญาณซีอยู่อย่างโดดเดี่ยว ต่อมาวิญญาณซีพยายามแงะเอากระดาษออก ก็ไม่ทัน มีครอบครัวใหม่ย้ายเข้ามาเช่าบ้านต่อ ก็ทาสีทับช่องประตู ระหว่างนั้นวิญญาณซีก็เจอวิญญาณอีกตนนึงอยู่ข้างบ้าน ส่งภาษาทักทายกันบอกว่าเธอก็มารอใครซักคนอยู่เหมือนกัน ต่อมาวิญญาณซีก็อาละวาดทำลายข้าวของเพื่อย้ายครอบครัวนี้ให้ออกจากบ้าน ซึ่งก็ทำสำเร็จ
ต่อมามีครอบครัวใหม่ย้ายเข้ามา แล้วครอบครัวนี้ก็จัดปาร์ตี้ มีชายหน้าตาไม่หล่อคนนึงมาพูดพล่ามๆ ยาวๆ เรื่องเกี่ยวกับผู้สืบทอด และความเป็นเจ้าของบลาๆ ต่อมาพอวิญญาณซีรู้ตัวอีกทีบ้านก็เก่าโทรมแล้ว ก็เลยรีบไปแงะเอากระดาษออกมาจากซอกประตูก็ไม่ทัน บ้านโดนทุบ บ้านข้างๆ ก็โดนทุบเหมือนกัน วิญญาณบ้านข้างๆ บอกกับวิญญาณซีว่า คนที่เธอรอคงไม่กลับมาอีกแล้ว แล้ววิญญาณข้างบ้านก็สลายหายไป วิญญาณซีที่ยังคงเร่ร่อนอยู่ที่เดิมก็พบว่าบ้านเข้าโดนทุบ เปลี่ยนไปเป็นตึก เปลี่ยนไปเป็นเมืองใหญ่ ฮีทนไม่ไ้เลยขึ้นไปบนตึกเพื่อกระโดดลงมา วูบอีกที ก็ตื่นขึ้นมา ณ ที่แห่งเดิมที่เป็นอดีตในยุคประมาณปี 1800 ตรงนี้เป็นพื้นที่รกร้าง และเพิ่งมีครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานอยู่ ต่อมาครอบครัวนี้ก็ตาย แล้วเหตุการณ์ก็กลับมาตรงที่เขาเห็น ซี และ เอ็ม ที่ยังมีชีวิตอยู่ ย้ายเข้ามาในบ้าน ใช้ชีวิตในบ้าน และซีก็ตายกลายเป็นวิญญาณ วนตามลูปเวลา เอ็มก็ย้ายบ้านออกไป วิญญาณซีก็ได้โอกาสเข้าไปแงะกระดาษโน้ตอ่านเจอในที่สุด แต่หนังไม่ได้บอกว่านางเขียนอะไรไว้ แล้วจู่ๆ วิญญาณซีก็สลายหายไป ทิ้งห้องว่างๆ แล้วหนังก็จบ งงมั้ย ถ้างงจะวิเคราะห์ให้ฟัง
เรื่องก็คือวิญญาณซีตอนตายแล้วก็ยังมีความเป็นห่วงเมีย ยังมีความผูกพันกับบ้านตรงนี้ ทำให้วิญญาณยังกลับมาอยู่ที่บ้าน เร่ร่อนไม่ไปไหน แล้วพอเมียเขาหนีไปมีผัวใหม่ เขาก็ยงคงรอคอยอยู่ว่านางอาจจะกลับมา แต่บทพูดคนเดียวของชายคนไม่ล่อที่งานปาร์ตี้ก็บ่งบอกประมาณว่าเราจะเป็นเจ้าของสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปตลอดไม่ได้ ถ้าวันนึงเราตายไปแล้วไม่มีผู้สืบทอด ใครจะเป็นเจ้าของ แถมพอวิญญาณข้างบ้านบอกว่าคนที่เธอรอคงไม่กลับมาแล้ว เธอก็สลายตัวไปเลย ทำให้ตอนท้ายที่หนังไม่ได้บอกว่าในโน้ตของนางเอกเขียนอะไร ก็คงพอจะเดาได้ว่านางต้องเขียนประมาณว่า ชั้นจะไม่กลับมาแล้ว ทำให้วิญญาณซีสลายตัวไปในทันที เมสเสจที่น่าสนใจของหนังคือ อย่ายืดติดกับอะไรนานเกินไป ในหนังเน้นว่าเป็น "สถานที่" คือสถานที่มั้นอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว เรามาอยู่อาศัย แล้วก็ตายจากไป คนใหม่ก็จะย้ายเข้ามาทับที่เราแทน และก่อนหน้าที่เราที่ย้ายเข้ามา ก็มีคนก่อนหน้าย้ายเข้ามาก่อน แล้วก็ตายจากไป เราก็ย้ายมาทับที่ต่อ นั่นคืออย่ายึดติดว่านี่เป็นที่ของเรา นี่เป็นของๆ เรา เมื่อเวลามันหมดลงแล้ว ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป ก็เหมือนความสัมพันธ์ที่ถ้าเราจบกับใครไปแล้วก็จะไปเคลมเขาอยู่เหมือนเดิมก็ไม่ได้ ต้องปล่อยไป จริงๆ วิญญาณในหนังก็คล้ายๆ วิญญาณตามความเชื่อแบบไทย คือเศษเสี้ยวความรู้สึกที่ยังห่วงอะไรบางอย่าง ซึ่งถ้าปล่อยวางได้ก็จะสลายหายไป เหมือนพอแล้ว
สรุปคือเป็นหนังที่คนปกติไม่น่าจะชอบ เพราะจาจาก็ยังไม่ชอบเลย แต่เมสเสจในหนังก็แปลกแต่ลึกซึ้งดี ชวนให้มองย้อนกลับมาดูตัวเองได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in