ทำไมชื่อไทยมันแบ๊บบบ 555555555 ไม่ได้เขียนอันนี้นานมาก ตั้งแต่เขียนแนะนำเรื่อง
The lunchbox หนังอินเดีย แน่นอนว่าเราเขียนอันนี้ตัดหน้าทุกอย่างที่ดองไว้อีกแล้ว
เพราะตอนนี้คือวันคริสต์มาสยังไงล่ะ! เย้ว จิงกาเบล จิงกาเบล จิงเกิลออลเดอะเวย์~~ พอเถอะ
วันนี้จึง ชวนมาดู The Holiday ภาพยนตร์โรแมนติคคอมเมดี้จากปี 2006 ภาพยนตร์น่ารักใสใสเหมาะกับคนไม่ออกไปไหนในวันหยุด..อย่างดิฉันเอง...
จริงๆแล้วดูเรื่องนี้นานแล้ว แต่จู่ๆก็เห็นคนในทวิตพูดถึงอีกว่าหนังเรื่องนี้ควรดูในวันคริสต์มาส เลยเอามารีรันดูอีกรอบ ที่น่าประหลาดใจคือ กลับมาดูอีกรอบในตอนที่เราโตขึ้นแล้วเราดันเข้าใจหนังเรื่องนี้มากกว่าครั้งแรกเยอะเลย มา! ใครไม่เคยดู มาลองดูเทรลเลอร์เรื่องนี้กัน
The Holiday เป็นเรื่องราวของผู้หญิงสองคนที่ต่างคนต่างมีปัญหาในความรักของตัวเอง ไม่ว่าจะอกหักรักคุดหรือผัวนอกใจ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงวันหยุดยาวคริสต์มาสจนถึงวันคืนปีใหม่ และบังเอิญว่าพวกนางเลยตัดสินใจสลับบ้านกันอยู่ในช่วงคริสต์มาสผ่านเว็บอะไรสักอย่าง โดยที่พวกนางอยู่คนละฟากของโลก ก็คือ อเมริกาและอังกฤษ!
นำแสดงโดย เคท วินส์เลต แม่โรสแห่งชู้รักเรือล่ม คาเมรอน ดิแอซ เจ้าแม่หนังรอมคอมอีกหนึ่งท่าน พี่จู๊ดลอว์สุดหล่อแสนดีของดิชั้ง และพี่แจ็คแบล็ก มือวางอันดับหนึ่งในความเป็นพระเอกตลกของฮอลลีวูดจ้ะ
แค่นักแสดงก็คุ้มแล้วอะ โดยเฉพาะเคทวินส์เลตนี่ฉีกทุกมุม เรื่องนี้นางรั่วมาก เนี่ยสินะเค้าเรียกนักแสดง ต้องฉีกทุกบทบาท ฉากที่อกหักรักคุดนี่ก็คือนางเป็นบ้าไปเลยอ่ะ 5555555555555555555
พี่จู๊ด หล่อมาก จบ
คาเมรอนดิแอซกับแจ็คแบล็กนี่รู้ฝีมือสองคนนี้ในหนังรอมคอมอยู่แล้ว ฮาแตก555555
ซึ่งสารภาพบาปนะ ทีแรกไม่คิดจะดูเรื่องนี้ เพราะตัดสินจากโปสเตอร์ (ทำไมชั้นเหี้ย) แต่สุดท้ายก็เลือกดูนะ ครั้งแรกก็เฉยๆ แต่พอครั้งนี้ หนังที่ใช่มักจะมาในจังหวะชีวิตและเวลาที่ใช่จริงๆแหละค่ะ
กลายเป็นว่า การดู The Hoiday คราวนี้ เรากลับเข้าใจอะไรหลายอย่างในหนังมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะชีวิตก็ผ่านไปอีกปีเรียนรู้อะไรไปเยอะ กลับมาดูหนังเก่าในอายุใหม่ก็เข้าใจชีวิตมากขึ้นอะเนอะ (บร๊ะ)
เอนี่เวยยยย์ เรื่องมันมีอยู่ว่า ไอริส (เคท) รักเพื่อนร่วมงานของตัวเอง แต่เขาดันไปแต่งงานกับคนอื่นซะได้ ไม่ต้องมีดนตรี ใช้ตีกาละมัง สามช่าดังๆ ให้กลบเสียงบ้านใกล้ คืนนี้ เขามีงานแต่งกัน เจ้าสาวคนนั้น เพื่อนฉันใช่ใคร เอ้วๆๆ ----ไปอยู่เมกา ก็ไปเจอกับคุณตาคนนึง อาเธอร์ซึ่งเป็นคนเขียนบทที่ดังมากในสมัยก่อน น่าแปลกที่ครั้งแรกเราไม่ได้อะไรมากกับฉากเหล่านี้ ก็แค่คิดว่าเคทไปสนิทกับคุณตาเฉยๆ ตอนนี้เรากลับมาดูแล้วพบว่า อาเธอร์ได้สอนอะไรหลายๆอย่างให้กับไอริสผ่านหนังเก่าๆที่เขาแนะนำให้ดู ไอริสเองก็ช่วยให้อาเธอร์กลับมามีความสุขกับชีวิตอีกครั้ง เราว่าประเด็นนี้มันทัชมากเลย เลยอยากให้ทุกคนได้ดูว่ามันน่ารักขนาดไหน
มีประโยคนึงที่เราชอบ อาเธอร์บอกว่า "ในหนังทุกเรื่องต้องมีนางเอก ต้องมีเพื่อนนางเอก ไอริส เธอเป็นนางเอกได้ แต่ทำไมต้องทำตัวเป็นเพื่อนนางเอกด้วย" อาเธอร์พยายามทำให้ไอริสกลับมามองเห็นคุณค่าของตัวเองอีกครั้งในตอนที่เธอคิดว่าตัวเองไม่เหลืออะไรแล้ว หนังทุกเรื่องที่แนะนำให้ดูก็เป็นหนังที่มีนักแสดงหญิงแสดงเป็นตัวละครที่มีความเป็นผู้หญิงสตรอง เรายังคิดเลยว่าถ้าเราได้เจอคนแบบอาเธอร์ก็คงจะดี ;___;
แล้วตัวไอริสเองก็บอกกับอาเธอร์ว่า ทรมานตัวเองมาสามปี ไปหาจิตแพทย์ แต่แพทย์ไม่เคยอธิบายได้ชัดเจนขนาดนี้มาก่อนเลย เจ็บแต่จริง 55555555555555555555
แล้วเมื่อไอริสเจอความรักครั้งใหม่นี่เราก็เขินมาก แบ๊บ ผู้ชายอีกคนที่เข้ามาในชีวิตไอริสเป็นคนแต่งเพลงในหนังค่ะ ซึ่งแฟนดาราสาวของเขาก็ไม่สนใจเขา เหมือนกับตอนไอริสชอบแฟนเก่าตัวเองนั่นแหละ แฟนเขาไม่เคยสนใจในงานอะไรของผู้ชายคนนั้นเลย แต่ไอริสสามารถคุยทุกเรื่องกับเขาได้ อย่างงี้
เราก็เลยรู้สึกว่า เอ้อออ คนที่เหมาะกับเราบางทีก็ต้องสนใจในความชอบของเราบ้างอะเนอะ ต่อให้ไม่ชอบ อย่างน้อยก็ไม่ต้องทำเมิน เข้าใจกันและกันนี่ดีสุดแล้ว
ในขณะที่อีกคน ผู้หญิงบ้างานที่ทำงานตัดต่อเทรลเลอร์หนังนี่ก็ตลก ชีวิตนางเวลานอน ยังมีเสียงพากย์เทรลเลอร์หนังเลย เราตลกซีนนี้มาก 55555555555 ไปอังกฤษก็เพื่อหนีผู้ชายเลวที่นอกใจ แต่ไปๆมาๆวันนึงผู้ชายแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้ดันมาโผล่ที่ประตูหน้าบ้านเฉย ความรักก็เบ่งบาน มีดราม่านิดหน่อยกรุบกริบ เพราะความเป็นผู้ใหญ่และความที่อีกไม่นานก็ต้องจากกัน พวกนางก็ไม่รู้ว่าจะรักษาความรักอันหวานชื่นนี้ด้วยระยะทางที่ห่างกันตั้ง 6000 ไมลส์ได้ยังไง อะไรแบบนี้ คู่นี้ก็จะเป็นประเด็นเรื่องความรักของคนสองคนซะมากกว่าค่ะ แต่ก็ดีนะคะ สองคนนี้เป็นตัวละครที่นิสัยแตกต่างกันมากแต่เข้ากันได้อย่างลงตัวเพราะทั้งสองคนตรงไปตรงมา คุยกันตรงๆตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลยว่าเราควรมีเซ็กส์กันมั้ย โว้ย55555
และตอนสุดท้ายที่รู้ใจกันและกันนี่แหละ เป็นฉากที่ดีมากๆ
เพราะอะแมนด้า(คาเมรอน ดิแอซ) ไม่เคยร้องไห้เลยตั้งแต่แม่เสีย แต่พี่จู๊ดนี่เป็นผู้ชายร้องไห้เก่ง
แต่สุดท้ายเธอก็มาร้องไห้ตอนที่รู้ว่าตัวเองควรตัดสินใจเลือกทางไหนในความรักครั้งนี้เนี่ย มันดีมากๆ ไปดู๊ อยากสปอยจังเลยค่ะ ฟสส่ดง่หดก่เงวดกหฟเ่หกสกห
เราชอบมากที่ได้เห็นพัฒนาของตัวละคร การตัดสินใจในชีวิตแต่ละอย่างของตัวละคร การเอาชนะใจตัวเองและทิ้งความเฮงซวยไป ใช้ความช่างแม่งในชีวิตเนี่ยแหละ หนังมันถึงจะสะใจ (ดูเอามันส์มาก โดยเฉพาะฉากที่ไอริสยืนด่าผัวเก่าแบบไม่มีคำหยาบแต่เจ็บมาก555555555)
พลอตเรื่องแม่งโคตรเป็นไปไม่ได้ในชีวิตจริง มันเวอร์วังมาก แต่เป็นพลอตขายฝัน และเป็นหนังสูตรสำเร็จของฮอลลีวูด ดูไปยังไงก็เดาพลอตได้ แต่หนังกลับสัมผัสในหัวใจเราลึกๆในเรื่องความรัก (ถึงฉันจะไม่มีผัวก็เถอะค่ะ ทำไมพิมพ์ถึงตรงนี้แล้วมันอยากร้องไห้)
หวังว่า ทุกคนที่เผลอเข้ามอ่านบล็อกนี้จะได้หนังเรื่องใหม่ไปดูในวันหยุดยาวนี้นะคะ
ขอให้มีความสุขเหมือนกับที่เราได้ดูหนังเรื่องนี้ และสุขสันต์วันคริสต์มาสค่ะ :)
บ๊ะบัยยย *จุดพลุ*
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in