เฮลโหลลลล
วันนี้เราจะมาบันทึกการเดินทางของเราบทความแรก เรื่องของเรื่องคือกำลังเคลียร์เมมกล้องแล้วก็รู้ตัวว่า“กูเที่ยวเยอะนะเนี้ย” เกิดอาการคันไม้คันมืออยากแชร์ประสบการณ์ที่ไม่น่าจะให้สาระอะไรเท่าไหร่ประกอบกับตอนนี้กำลังเรียนอยู่ต่างประเทศ เหงาเล็กน้อยถึงปานกลาง ปกติไปไหนมาไหนยังมีคนให้โม้ใส่บ้าง ครั้งนี้เลยเอาความเหงาทั้งหมดมาแปรเป็นตัวอักษรซะเลย
สำหรับทริปแรกเราจะพาไปลอนดอนค่ะ จุดเริ่มต้นของทริปนี้เกิดจากอาการผีบ้าหลังสอบ ความกังวลและความเครียดเป็นบ่อเกิดของการใช้เงินชั้นดี มือขวากดจอง มือซ้ายถือบัตรเครดิต ทั้งๆที่ยังไม่มีแพลนใดใดหรือความต้องการจะไปไหน แต่ความเหนื่อยกับการปรับตัวกับทุกอย่างก็กระตุ้นความอยากไปจากตรงที่อยู่เหลือเกิน
Day 1
เนื่องจากทริปนี้เรามีคอนดิชั่นกับตัวเองคือต้องประหยัดเพราะเป็นทริปปุ๊บปั๊บเพื่อสนองใจที่บอบช้ำกับข้อสอบผีๆ เราจึงกดจองรถรอบที่เช้าที่สุดเนื่องจากราคาถูกโดยไม่ได้คำนึงถึงสภาพอากาศอันหนาวเหน็บตอนตีห้า แถมยังลืมคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองที่ต้องผจญกับคุณโฮมเลสระหว่างทางเดินไปCoach station ที่รอดตายมาได้เพราะสภาพที่ไม่น่ามีอะไรให้ปล้นล้วนๆ
ในที่สุดเราก็ถึงลอนดอนตอนแปดโมงเช้าของวันศุกร์ ความผิดพลาดในการมาเช้าอีกอย่างคือสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่เปิดประมาณ10โมงและอากาศตอน8โมงเช้าก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆถึงแม้จะอยู่ในฤดูที่พวกชาวผู้ดีเรียกกันว่าซัมเมอร์ 10องศากว่าๆ ผิวหนังและชั้นไขมันอันหนานุ่มก็ไร้ค่าทันที
สำหรับทริปวันนี้เราเลือกสถานี Tower hill เป็นเป้าหมายแรก ซึ่งเราจะได้เจอกับ Tower of London เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่มีชื่อเสียงทั้งด้านสถาปัตยกรรมและเรื่องเล่าสยองขวัญ หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องของพระนางแอนโบลีน ควีนคนที่สองของพระเจ้าเฮนรี่ที่แปด ก็เป็นอีกคนที่ทรงพระอัธยาศัยดีออกมาทักทายบรรดานักท่องเที่ยวบ่อยๆ (จากตรงนี้ขอออกตัวเลยว่าไม่แม่นเรื่องประวัติศาสตร์ พอดีอยากพูดให้บล็อกดูมีภูมิขึ้นมาบ้างแต่จริงๆได้มาจากการอ่านเรื่องผีและติดซีรี่ย์)
นักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรเข้าชมข้างในทาวเวอร์ได้ ส่วนตัวเราวันนี้มาในคอนเซปต์ free entrance เท่านั้น
เดินตรงมาหน่อยก็จะเจอ pier และ Tower Bridge ค่ะ
ส่วนใหญ่ที่เที่ยวหลักๆในลอนดอนอยู่ละแวกเดียวกันหมด ถ้าดูตามTube mapเหมือนต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายสายซึ่งใครไม่ชอบเดิน Tubeเป็นตัวเลือกที่สะดวกมากๆ หรือจะแหวกแนวไปลงเรือ ขี่จักรยาน ดำน้ำดูปะการัง (อันหลังนี้ทำไม่ได้นะคะ) Transportationที่นี้สะดวกจนน่าอิจฉาเลยค่ะ
สำหรับเราใช้วิธีปักหมุดปลายทางแล้วเดินซึ่งdestinationครึ่งวันแรกของเราวันนี้คือ Borough Market เราจะไปหาข้าวเที่ยงกินที่นั้น แลนด์มาร์คจะครบหรือไม่ ช่างมัน !
ชัดเจนมากกับเรื่องกิน
รูปที่เที่ยวจะน้อยมากแต่ที่กินจะเยอะเป็นพิเศษ
เดินวนในตลาดเกือบสองชั่วโมงเพื่อจะตัดสินใจว่าจะกินอะไร สุดท้ายก็ได้แซนวิซชิ้นนี้มาครอบครองด้วยราคา 6 ปอนด์ถ้วน ตื่นตะลึงกับการเห็นเขาย่างหมูเป็นตัวเหมือนหมูหัน แค่เห็นหนังกรอบๆก็วิ่งเข้าใส่แบบไม่คิดหน้าคิดหลัง สำหรับเครื่องดื่มถ้าใครติดน้ำเปล่าเราแนะนำให้พกขวดแล้วเติมมาจากที่พัก เพราะที่นี้น้ำเปล่าแพงมาก จริงๆน้ำเปล่าทุกประเทศแพงหมดยกเว้นบ้านเรา ทำไม!? แต่ถ้าใครไม่เดือดร้อนมีขายทุกที่ค่ะ ราคาประมาณ 1-2 ปอนด์หรือ70กว่าบาท แต่เราอยู่ที่นี้อีกหนึ่งปีอะไรประหยัดได้ก็อยากประหยัด (แม่ฉันเห็นประโยคนี้แล้วต้องซึ้ง)
หลังจากอิ่มท้องแล้ว สถานที่ต่อไปของเราคือ Tate modern ซึ่งเดินออกจากตลาดไปประมาณ15นาที โดยเราใช้google mapเป็นการนำทางค่ะ ซึ่งที่นี้ค่อนข้างแม่นย่ำและป้ายสถานที่ท่องเที่ยวก็มีบอกตลอดทางอีกด้วย สบายใจไม่ต้องกลัวหลง และอยากแนะนำแอพตัวนี้เนื่องจากเราสามารถเซฟค่าใช้จ่ายได้เยอะเพราะความสามารถของนางคือช่วยแนะนำว่าการเดินแบบไหนที่จะคุ้มค่าใช้จ่ายและเวลา ทำให้เรารู้ว่าจริงๆหลายๆที่สามารถเดินได้โดยไม่ต้องเสียค่าtubeเลย
★ Recommend "Citymapper" ★
Tate modern Museum
แกลอรี่ที่รวมศิลปะร่วมสมัยตั้งแต่ยุค1900จนถึงปัจจุบัน ถ้าใครเป็นคนไม่ชอบพวก Art garallyผ่านมันไปได้เลยนะคะ จริงๆเราก็ไม่ใช่เด็กอาร์ตหรือมีความรู้ศิลปะใดใดแค่เราชอบเข้าพิพิธภัณฑ์ ชอบบรรยากาศ ชอบbuilding อีกอย่างชอบของฟรีค่าเพราะแกลอรี่นี้ไม่มีค่าเข้าแต่จะเปลี่ยนเป็นการโดเนทแทน ซึ่งอันนี้แล้วแต่ตามความสบายใจของคนเข้าชมเลยค่ะ
พอมาถึงสิ่งแรกที่เจอก็จะเป็นตึกหน้าตาประหลาด ที่นี้มีทั้งหมดด้วยกัน9ชั้นแต่บางชั้นอาจจะจำกัดแค่เฉพาะสมาชิก นอกจากแกลอรี่่ข้างในก็มีร้านอาหารและคาเฟ่ด้วย
อย่างที่บอกไปว่าไม่มีความรู้อะไรเลย เลยจะเน้นรูปมากกว่าบรรยายเพราะกลัวจะให้ข้อมูลผิดๆ T^T
เข้ามาข้างในก็จะเป็นสไตล์ลอฟท์ๆเท่ๆ แอบเป็นสถานที่เก๋ๆสำหรับคนชอบถ่ายรูป แต่อย่าไปถ่ายจนรบกวนคนที่เขามาเสพงานศิลปะจริงๆนะคะ เอาแบบพอดีๆเนอะ
เดินออกจากพิพิธภัณฑ์มาทางประตูหลังก็จะเจอกับสะพานMillenium บิดๆเก๋ๆที่ปรากฎในฉากหนึ่งของแฮรี่พอตเตอร์ภาคเจ้าชายเลือดผสมและถ้ามองจากฝั่งนี้ก็จะเห็นโบสถ์ St.pual ลิบๆ ซึ่งเป็นเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้เองค่ะ
นี้เป็นครั้งแรกของการมาเหยียบทวีปยุโรปของเรา อาจจะมีหลายที่ที่สวยกว่า แต่สำหรับเราที่เป็นครั้งแรกและด้วยความชอบส่วนตัวหลงใหลกับศิลปะฝั่งนี้มากๆ รู้สึกลอยเหมือนอยู่สวรรค์เลยค่ะ อ่อนไหวกับ traditional buildingมากๆ อยากจะร้องไห้ตลอดเส้นทางของการเดินทาง
ถึงเวลาอันสมควรที่จบทริปวันแรก เราก็นั่งtubeจากสถานี St.paulไปยังที่พัก หลายคนคงรู้จักAirbnbซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีอันนึงสำหรับการท่องเที่ยวต่างประเทศ และด้วยค่าครองชีพค่อนข้างสูงของประเทศอังกฤษโดยเฉพาะที่พัก ในตัวลอนดอนจึงค่อนข้างจะมีหลายบ้านที่หารายได้พิเศษให้นักท่องเที่ยวได้เช่าห้องกันในราคาที่ไม่สูงมาก แต่ถ้าใครไม่เดือดร้อนและมีเพื่อนเที่ยวการนอนโรงแรมดีๆก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่า ไม่ได้ถึงขนาดเอื้อมไม่ถึงนะคะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากเล่าประสบการณ์ครั้งแรกของที่พักAirbnbของเราค่ะ สำหรับห้องพักดีตามที่อธิบายไว้ในเว็บไซต์เป๊ะๆ สะอาด ครบครัน เจ้าของบ้านใจดี วอร์มเวลคัมประหนึ่งต้อนรับลูกสาวกลับบ้าน แถมเสริฟชาร้อนๆกับคุกกี้อร่อยๆ แต่ที่มีปัญหาคือทางเข้าบ้านค่ะ ระยะทางจากtubeที่บอกว่าเดิน5นาทีเป็นตามจริง ไม่ได้โม้ แต่สิ่งที่ไม่เคยจะบอกและเธอไม่เคยจะกล่าวคืออยู่ในย่านชุมชนที่ค่อนข้างจะเปลี่ยวและประเด็นไม่ใช่บ้านที่เจ้าของบ้านอยู่ประจำ ซึ่งสรุปได้ว่าคืนนั้นเราต้องอยู่คนเดียวววววววววว ! ตัวบ้านเป็นไม้สีขาวสะอาดสะอ้าน เดินขึ้นบันไดเสียงดังเอี๊ยดๆ ภายในห้องเตียงเดี่ยวสีขาว หน้าต่างประดับด้วยผ้าม่านลูกไม้ ความคลาสสิคที่ปนมากับความวังเวง เจ้าของบ้านเดินมาส่งในห้องพร้อมกับยื่นกุญแจให้ พร้อมประโยคที่เราควรจะรู้สึกดีใจ " Now this house is yours. Have a lovely night" พร้อมกับรอยยิ้มสองผัวเมียที่เย็นยะเยือกและเดินหันหลังออกจากบ้านไป ตกดึกคืนนั้นได้ยินเสียงคนอยู่ข้างนอกตลอดเวลา เสียงปิดประตู เสียงคนทำครัว หลอนจนต้องเปิดไฟไว้ทั้งคืน เปิดเพลงในโทรศัพท์กล่อมเป็นเพื่อน จะโทรกลับไทยก็ไม่มีใครตื่น สุดท้ายก็หลับไปคามือถือ รู้สึกขอบคุณความเหนื่อยที่ทำตัวเองเพลียร่างและหลับไปที่สุด เช้ามาเราจึงรีบทำทุกอย่างให้เสร็จเพื่อออกจากบ้าน ปัญหามันอยู่ตรงที่แล้วจะคืนกุญแจไงในเมื่อเจ้าของบ้านไม่อยู่ เลยตัดสินใจโทรถามคุณป้าเจ้าข้างบ้านและได้คำตอบที่อยากจะปาทุกอย่างและมุดผ้าห่มไปนอนต่อ "ฝากกุญแจไว้ที่ลูกสาวฉันห้องข้างๆเลยจ้า เธออยู่ในห้องตลอดแหละ" สรุป ทั้งหมดทั้งมวลที่หลอนมาทั้งคืน คือมึงนี้เอง อิเวนเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ชอบชุดคุณเจ้าหน้าที่ที่นี้มากเหมือนเข้าเมืองเวทมนต์ >____<
จากตรงนี้เราปักหลักไว้ที่ SOHO เพื่อที่จะไปหาข้าวเที่ยงทานที่นั้น (เรื่องกินเรื่องใหญ่) อยากสารภาพว่านี้เป็นเป้าหมายหลักๆในการมาลอนดอน เนื่องจากเมืองที่เราอยู่เป็นเมืองเล็กๆเลยไม่ค่อยมีช้อยส์กับเรื่องอาหารนัก เป้าหมายสำคัญในทริปจึงไม่พ้นการกินอาหารเอเชียดั้งเดิมอร่อยๆให้สะใจกันไป
*จากตรงที่เราเดินค่อนข้างไกลนะคะ ถ้าใครมากับครอบครัวแนะนำให้ใช้รถเมย์หรือTube ส่วนเส้นทางที่เราใช้เดินเริ่มจาก Parliament Square และย้อนไปทางทิศใต้ตามเส้น Whitehallค่ะ*
House Guard
ถนนเส้นนี้สวยทั้งเส้น เดินไปก็เหมือนได้เที่ยวไปในตัว
St. James' Park
ไม่รู้ว่าคิดถึงบ้านหรืออะไร ชอบบรรยากาศในSOHOมาก ถ่ายรูปมาเยอะเชียว นี้ก็กำลังงงๆกับตัวเองแล้วจะมาทำไมถึงอังกฤษไม่ไปเยาวราชวะ
ร้านอาหารแถวนี้ส่วนมากเปิดตอนเที่ยงซึ่งเรามาถึงตั้งแต่11โมง วินาทีนั้นรู้สึกเฟลเล็กๆเพราะหิวมาก เดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย แต่ตาก็เหลือบไปเห็นอาม่าอากงกำลังต่อแถวหน้าร้านติ่มซำตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำและจากทฤษฏีของเราเอง ร้านอาหารที่มีคนยอมรอมันต้องเป็นอะไรที่การันตีว่าร้านนี้อร่อยแน่นอน !
ตั้งแต่กินฮะเก๋ามาทั้งชีวิตก็บอกได้เลยว่านี้เป็นครั้งที่สองไม่นับรวมกับตอนไปฮ่องกง เป็นฮะเก๋าที่อร่อยมากกกกกกกกกกกกกก แป้งบาง กุ้งแน่นกัดเข้าไปคือเจอกุ้งตัวใหญ่ๆสองตัว ส่วนเป็ดเรายังไม่เคยลองเจ้าดังอย่างโฟร์ซีซั่น แต่ที่นี้ก็อร่อยมากสำหรับเราแล้วค่ะ เนื้อนุ่มไม่เหนียว น้ำราดหวานๆเค็มๆ มากับข้าวร้อนๆ แถมราคาไม่แพงมาก มื้อนี้หมดไป 10 ปอนด์ประมาณ400กว่าบาท (ถือว่าถูกในประเทศนี้แล้วนะคะ ฮ่าๆ)
ระหว่างขากลับเราก็เดินผ่าสวน st. james เพื่อกลับไปยังถนน Victoria ซึ่งเป็นสถานีที่เราจะออกจากลอนดอนค่า
แวบไปดู Buckingham Palace ก่อนกลับ เดี๋ยวเขาจะหาว่ามาไม่ถึงลอนดอน
ในที่สุดก็จบแล้วค่ะ ทริป2วัน1คืนในลอนดอน ขอบคุนทุกคนที่เสียสละเข้ามาอ่านหรือไม่อ่านเลื่อนดูรูปเฉยๆก็ดีใจแล้ว บทความนี้เป็นบทความแรกที่เขียนเรื่องของตัวเองซะเยอะ รู้สึกทำตัวไม่ถูกไม่รู้อะไรมากไปหรือน้อยไป ควรมีสาระหรือไร้สาระ ต้องขอโทษความเด๋อๆด๋าๆที่ทิ้งไว้ในตัวอักษร หลังจากนี้จะพยายามลงทริปอื่นๆเอาไว้บันทึกให้ตัวเองและแบ่งปันประสบการณ์(โง่ๆ) สำหรับตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาโอกาสเหมาะๆและเงินเหนาะๆสำหรับทริปต่อไป ว่าแล้วก็โทรไปขอเงินแม่ดีกว่าค่ะ บัยยยยยยยยย ~
หน้าแม่ยิ้มตอนขอเงิน พร้อมพูดเบาๆว่า "อิลูกชั่ว"
Thank you for coming and joining my journal (ノ・ω・)ノ♥
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in