เคยได้ยินคำพูดนี้ไหมคะ? คนไทยไม่ชอบเข้าพิพิธภัณฑ์ หลายคนคงเคยได้ยินกันหละสิ เราเองก็ได้ยินบ่อยเหมือนกัน ทำไมคนไทยถึงไม่ชอบเข้าพิพิธภัณฑ์น่ะหรอ คงเพราะเป็นสถานที่ให้ความรู้ ต้องน่าเบื่อมากแน่ๆ เลย ประวัติศาสตร์ วิชาการอะไรก็ไม่รู้ปวดหัว สถานที่ก็โทรม เก่าเชียว มีคนดูแลไหมเนี่ย น่ากลัวจริงๆ ไม่อยากเข้าไปเลย ไปสยาม ไปเดินพารากอน เดินเจเจดีกว่า
ตัวเราเองก็เคยเป็นแบบนั้น แต่พอถึงจุดนึงเราเริ่มเบื่อชีวิตการเดินสยาม เบื่อที่จะไปเจเจ เราพยายามหากิจกรรมอย่างอื่นทำแทน นั้นก็คือ ตะลุยเข้าพิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพฯ แต่บางคนก็ยังคงมีความสุขกับการเดินสยามเราก็ไม่ว่ากันเนอะ วันนี้เราเลยอยากจะเเนะนำ พิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน ให้ทุกๆคน ได้รู้จัก และได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้กันค่ะ
พิพิธภัณฑ์ตำรวจ ตั้งอยู่ในพื้นวังปารุสกวัน ดังนั้นเรามาทราบประวัติคร่าวๆ ของวังกันก่อนดีกว่า
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวังปารุสกวันขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ (พออ่านชื่อแล้วหลายๆ คนอาจนึกไม่ออกว่าท่านคือใครใช่ไหมหละ แท้จริงท่านเป็นต้นตระกูล จักรพงษ์ เริ่มคุ้นนามสกุลกันไหมคะ ถ้ายังไม่คุ้น ตระกูลนี้เป็นตระกูลของ จุลจักร จักรพงษ์ หรือชื่อที่คุ้นเคยกว่าคือ ฮิวโก้ นั้นเอง)
สถาปัตยกรรมอาคารวังปารุสกวันเป็นแบบตะวันตกคลาสสิก สูง 2 ชั้น ออกแบบโดยนายมาริโอ ตามาญโญ ชาวอิตาเลียน ภายในมีการตกแต่งในสไตล์อาร์ตนูโวและศิลปะบาโรกและรอกโคโค ซึ่งเป็นศิลปะที่นิยมในยุโรปช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เเรกเริ่มเดิมที่เป็นที่ประทับของ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ แต่พอเวลาผ่านไปหน้าที่ของวังก็เปลี่ยนเช่นกัน จากที่เป็นวังประทับก็กลายเป็นสถานที่รับรองแขกสำคัญนั้นเอง
ต่อมาในช่วง 2473 กรมตำรวจได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ตำรวจขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานที่รวบรวมวัตถุของกลางที่คนร้ายใช้ในการกระทำความผิด ปัจจุบัน วังปารุสกวัน จึงกลายเป็น สำนักข่าวกรองแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ตำรวจ และกองบัญชาการตำรวจนครบาลนั้นเองค่ะ
ช่วงนี้อาคารหลังนี้มีนิทรรศการ จักรพงษ์นิทรรศน์ เนื่องในโอกาสที่ท่านครบรอบ 134 ปี โดยนิทรรศการนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 ก.ค. - 30 ก.ย. 2560 เสียดายที่พี่ๆ เขาไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพข้างในมา ยังไงถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจประวัติศาสตร์ไทย ก็สามารถเข้าไปเยี่ยมชมกันได้นะคะ
พิพิธภัณฑ์ตำรวจ จะอยู่ด้านหลังวังเดินมาอีกนิดเดียวเราก็จะเจออาคารกระจกหลังนี้ค่ะ โดยมีพี่ตำรวจจ่าเฉย ยืนต้อนรับพวกเราด้านหน้าอาคาร พร้อมแล้วเข้าไปกันเลย
อ๋ออออ ลืมบอกไปเลย ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ตำรวจมีนิทรรศการ ร้อยปีสยามกับสงครามโลกครั้งที่ 1 จัดระหว่างวันที่ 23 ก.ค. - 30 ก.ย. 60 ภายในก็จะมีภาพถ่ายเก่าสมัยที่สยามเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย อาคารนี้สามารถถ่ายภาพได้ เราเลยถ่ายมาฝากเพื่อนๆ กัน ถ้าใครอยากดูมากกว่านี้ก็ไปก่อนสิ้นเดือนนี้นะ
ในที่สุดเราก็เข้าในส่วนของพิพิธภัณฑ์ตำรวจกันเเล้ว โดยภายในอาคารจะให้ความรู้ตั้งแต่ประวัติของตำรวจตั้งแต่สมัยสุโขทัย จนปัจจุบันกันเลย ถึงแม้สมัยสุโขทัย อยุธยา หน้าที่ของตำรวจนั้นยังไม่ชัดเจนเหมือนในปัจจุบัน แต่ก็มีการแบ่งหน่วยให้ดูแลความเรียบร้อย ทุกข์สุขของประชาชน แล้วรู้หรือไม่ ตำรวจคนแรกของคนไทยเราเป็นใคร แล้วรู้หรือไม่ตำรวจคนแรกนั้นไม่ใช่คนไทยนะ อ้าวววว ตกใจกันเลยหละสิ ตำรวจคนแรกของเราก็คือ นายร้อยเอก แซมมวล โจเซฟ เบิร์ด เอมส์ อดีตกัปตันเรือเดินสมุทร เป็นผู้จัดตั้งกองโปลิสคอนสเตเบิ้ลขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2403 นั้นเอง
นอกจากนั้นภายในอาคารยังให้ความรู้เรื่องประวัติของตำรวจ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เช่น ก่อนหน้าที่เราจะเรียกกรมตำรวจภูธร มีชื่อเดิมว่ากรมตำรวจภูธรและกรมตำรวจนครบาล หรือ ยศ เครื่องแบบของตำรวจ รวมถึงหน้าที่ต่างๆ ของพี่ๆตำรวจในประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งพิพิธภัณฑ์ที่นี้มีกิจกรรมให้เราได้ร่วมสนุกเช่น เกมส์ตามหาผู้ร้าย โดยให้จดจำหน้าตาคนร้าย แล้วนำมาสเก็ตภาพ หรืิอมีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ไปถ่ายรูปเล่นอีกด้วย
จริงๆ ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีอีกหลายอย่างเกี่ยวกับตำรวจมากเลย แต่ในบทความนี้เอาไปเป็นน้ำจิ้มก่อนและกัน ถ้าใครสนใจ หรืออยากไปพิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน ก็ง่ายนิดเดียว โดยตัวพิพิธภัณฑ์นั้นอยู่แถวพระบรมรูปทรงม้า อยู่ตรงถนนราชดำเนินนอก สามารถนั่งรถเมล์สาย 70 503 ตรงแถวแยกคอกวัว บอกพี่กระเป๋ารถเมล์ว่า ลงสวนอัมพร พระบรมรูปทรงม้าได้เลยจ้าาา ส่วนพิพิธภัณฑ์นั้นเปิดวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา 10.00 - 16.00 น. หยุดวันจันทร์ วันอังคาร และวันนักขัตฤกษ์
สุดท้ายนี้ อยากให้เพื่อนๆ หากิจกรรมอื่นๆ ที่นอกจากเล่นโซเชียล เดินสยาม หันมาสนใจพิพิธภัณฑ์บ้าง จริงๆ ก็นอกจากพิพิธภัณฑ์ตำรวจก็ได้นะ ไปพิพิธภัณฑ์ไหนก็ได้ หรือ นิทรรศการณ์ต่างๆ ถือว่าได้เปิดมุมมองอะไรใหม่ๆ ได้ความรู้ แถมยังสนุกอีกด้วย :3
ถ่ายรูปเก้็บไว้ก็เยอะ แต่ไม่ได้เขียนเป็นบทความบันทึกไว้ น่าเสียดายเหมือนกัน วันหลังไปไหนคงจะเขียนแบบนี้บ้าง
ผมว่าสถานที่แบบนี้มีอะไรให้เราเรียนรู้เยอะดีครับ สมกับที่เขาบอกว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตจริง ๆ
หาความรู้ประดับประดาตัวไว้ก็ไม่เสียหายจริงไหมครับ :)