เนื้อเรื่องคร่าวๆหลังจากดูไปได้1ตอน นับสิบจะจูบเป็นเรื่องราวของ จีน นักเขียนคนหนึ่งที่จำใจจะต้องเขียนนิยายวาย?เพราะทางสำนักพิมพ์ขอร้องเพราะเขาเขียนได้ดีมากจนหนังสือของเขาได้ถูกทำไปเป็นซีรีส์ ทำให้เขาได้ไปพัวพันและได้แชร์ห้องพักกับนับสิบ พระเอกของซีรีส์ที่สร้างมาจากนิยายของเขา และความรักก็น่าจะเกิดขึ้นจากตรงนี้
สิ่งที่ผมตั้งคำถามเกี่ยวกับแนวคิดของคนเขียนบทเรื่องนี้ก็คือ ประมาณนาทีที่ 7 หากรับชมทางเว็บไซต์WeTv ตอนที่จีนคุยกับพี่บัว บก.ของเขาว่าเขาอยากเขียนนิยายแฟนตาซีสยองขวัญ แต่พี่บัวอยากให้เขียนนิยายวาย เพราะนิยายวายขายได้มากกว่า มันทำให้ผมตั้งคำถาม ณ จุด ๆ นี้ว่า นิยามคำว่า "นิยายวาย" ของผู้เขียนบทเป็นอย่างไร ทำไมคำว่านิยายวายจึงถูกกล่าวถึงในความหมายของนิยายRomanceที่มีตัวละครเอกเป็นผู้ชายทั้งคู่ หากตัวละครบัวอยากให้จีนเขียนนิยายวาย แต่ตัวจีนเองอยากเขียนนิยายแฟนตาซีสยองขวัญ ทำไมจึงไม่เขียนนิยายวายแนวแฟนตาซีสยองขวัญ ซึ่งสามารถทำได้ แต่ใจของผู้เขียนเองได้ผูกคำว่าวายเข้าไว้กับนิยายRomanceไปแล้ว เมื่อเห็นการผลิตซ้ำแนวคิดแบบนี้แล้วทำให้ผมกังวลเกี่ยวกับความก้าวหน้าของวงการนิยายวายไทย และเริ่มตั้งข้อสงสัยว่านักเขียนท่านอืื่น ๆ มีความเห็นอย่างไรกับเกี่ยวนิยายวายกันแน่
อีกช่วงที่ผมรู้สึกสนใจและขำเล็กน้อยเมื่อได้ดูคือ ช่วงประมาณนาทีที่ 21 ช่วงที่จัดออดิชั่นนักแสดง ในช่วงนี้มี "บอส"เข้ามาออดิชั่น โดยบอสไม่ได้อ่านบทมา และเมื่อกรรมการขอให้แสดงให้ดูเขาก็แสดงแข็งมาก ซึ่งจุดนี้ผมเห็นถึงความIronyที่ไม่ได้ตั้งใจของซีรีส์ นักแสดงที่เล่นเป็นบอสที่แสดงแข็ง แสดงดีกว่าตัวพระเอกของเรื่องเสียอีกในความเห็นของผม การแสดงของพระเอกของเรื่องที่เข้ามาออดิชั่นหลังจากบอสนั้นไม่มีอารมณ์ใด ๆ อยู่ในเวลาตาและน้ำเสียงเลย ทำให้ดูแล้วหงุดหงิดเล็กน้อย และทำให้ตั้งคำถามในใจว่าทำไมซีรีส์วายต้องมีพระเอกที่แสดงไม่ดีไปซะส่วนใหญ่
ในช่วงที่บอสกำลังออดิชั่นอยู่ กรรมการได้บอกให้เขาแสดงเป็นตัวของตัวเอง ทำให้เขาแสดงออกมาแบบFeminineขั้นสุด ทั้งทำเสียงทำท่าแบบ"กะเทย" (ในความคิดของคนทั่วไปเมื่อคิดถึงกะเทย เช่น การท้าวเอว ทำเสียงดัง ยักไหล่ ดัดเสียง twerking) จนทำให้กรรมการเรียกเขาว่า "ลูกสาว" จุดนี้ผมคิดว่าเป็นการล้อเลียนและการStereotypeการแสดงออกทางเพศของเกย์ กะเทยอย่างชัดเจน แม้ จีน ที่เป็นตัวเอกของเรื่องจะทำหน้าไม่เห็นด้วย แต่ผมไม่เห็นความสำคัญของการใส่ฉากเหยียดเพศแบบนี้เข้ามาในซีรีส์ที่ควรจะสร้างความเข้าใจให้กับเกย์เลย มันยิ่งตอกย้ำการแบ่งแยกความเป็นชายความเป็นหญิงในเกย์ และยังผลิตซ้ำแนวคิดบูชาผู้ชายในสังคมไทย ที่ถ้าเป็นเกย์แต่ยังคงการแสดงออกแบบผู้ชายก็จะได้การยอมรับมากกว่าในสังคม
ประเด็นนี้ถูกพูดถึงขึ้นมาในเรื่องในนาทีที่ 27 โดยที่กรรมการตัดสินการออดิชั่นจะมาเลือกกันว่าใครจะมารับบทอะไร ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมยอมรับไม่ได้ที่สุดในซีรีส์ เพราะเมื่อมีคนแนะนำว่าบอสเหมาะจะรับบทพระเอกของเรื่อง แต่ผู้กำกับกลับโพล่งขึ้นมาว่า ไม่ได้ เพราะบอสเป็นเกย์ที่มีความเป็นผู้หญิงมากเกินไป มันแสดงให้เห็นถึงการโดนกีดกันของเกย์ กะเทย เพราะจริง ๆ แล้วการแสดงออกทางเพศไม่ได้เกี่ยวข้องกับทักษะการแสดง เกย์ที่มีความFeminineสูงหากมีความสามารถก็สามารถแสดงเป็นพระเอกได้ และเหล่ากรรมการยังพยายามJustifyตัวเองอีกว่า ที่ต้องทำแบบนี้เพราะมันขายได้ มันยิ่งชัดเจนเข้าไปอีกเมื่อกรรมการอีกคนแนะนำ "เอ๋ย" ที่มีลักษณะนิสัยคล้ายกับบอส แต่ต่างกันตรงที่ผู้กำกับรับที่เอ๋ยตุ้งติ้งได้เพราะมันไม่มากเกินไป ตรงนี้ยิ่งตอกย้ำความเป็นชายตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นเข้าไปอีก
เมื่อมาถึงจุดนี้ทำให้ผมสนใจว่าเนื้อเรื่องของ นับสิบจะจูบ จะไปในทิศทางไหน จะเป็นการตีแผ่วงการซีรีส์วายจริงหรือไม่ จะมีการพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้อีกไหม เพราะถ้าจะบอกว่าเป็นอย่างงั้นจริงก็ยังคงย้อนแย้งอีกตามเคย เพราะหากซีรีส์ต้องการตีแผ่วงการซีรีส์ที่มีการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มLGBTQจริง ทำไมนักแสดงนำของเรื่องอย่าง อัพ ภูมิพัฒน์ หรือ เก้า นพเก้า ต่างก็เป็นผู้ชายแท้ด้วยกันทั้งคู่ ทำไมไม่เลือกคนที่เป็นเกย์จริง ๆ มารับบท
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in