แต่เป็นเพราะ…สิ่งที่เขาคิดหากจ้าวซู่ไม่เข้ามากลับไม่ใช่ผลักบ่าวชั้นต่ำนั่นออก
เหมือนคราวก่อนที่ถูกเซียวเหลียนอีจับได้ที่พระราชวังตอนนั้น
หากจ้าวซู่ไม่มาจริงๆ…จะเป็นอย่างไรนะ
เซียวหนานสวินหลับตาลง สีหน้ามืดมนราวกับจะบีบน้ำหมึกออกมาอย่างไรอย่างนั้น
“
ยังไม่ทันไปถึงห้องโถงรับแขกก็มีเสียงทักทายดังมาจากข้างในแล้ว
เซียวหนานสวินหยุดฝีเท้าลง
แววตาของเขาเฉียบคมมองไปทางต้นเสียงนิ่งๆ “เฮ่อกงกงมีเรื่องอันใดนั้นหรือ”
เฮ่อเหวินจงมีคำพูดติดอยู่ในปากแต่เมื่อเห็นว่าเส้นผมที่เปียกชุ่มทั้งสองคนเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
สภาพเช่นนี้ ดูเหมือนเพิ่งออกจากห้องอาบน้ำ…แต่ทว่าไท่จื่อกับเจิงเอ๋อร์อาบน้ำในเวลาเดียวกันบังเอิญเพียงนี้เชียวหรือ
ทว่าเขาชะงักไปเพียงครู่เดียว จากนั้นก็กล่าวว่า
คำพูดนี้ออกไป สีหน้าของทั้งสามก็พลันเปลี่ยน
ในจวนไท่จื่อที่เป็นสมาชิกในครอบครัวที่เป็นหญิงก็มีเพียงเซวียนเช่อเฟยแล้ว
ทว่าเซวียนเช่อเฟยกระทำผิด จึงถูกกักบริเวณอยู่
เซียวหนานสวินขมวดคิ้ว “รบกวนเฮ่อกงกงกลับไปทูลให้ทีว่าเหลียงเซวียนไม่ว่าง”
เฮ่อเหวินจงขำขัน “ไท่จื่อใช่ว่าข้าน้อยไม่ยอมไปทูลแทนพระองค์แต่อย่างใด เพียงแต่…กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงสืบเรื่องจนรู้หมดแล้วจึงได้ไปอ้อนวอนขอร้องฝ่าบาท…บอกว่านางเองก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องจวนไท่จื่อรอให้จบงานพรุ่งนี้แล้ว ไท่จื่อสามารถลงโทษเซวียนเช่อเฟยต่อได้ ฝ่าบาททรงอนุญาตถึงได้สั่งให้ข้าน้อยมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของเซียวหนานสวินขรึมลง
สีหน้าของหนิงเจิงยิ่งดูไม่ดีกว่าแม้นอวิ๋นกุ้ยเฟยจะบอกว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องในจวนไท่จื่อแต่หากฝ่าบาททรงเห็นเซวียนเช่อเฟยแล้วการจะลงโทษต่อไปหรือไม่นั้นยังยากที่จะมั่นใจได้
จากที่คนสูงใหญ่เหล่านั้นมองเซวียนเช่อเฟยเพียงแค่รังแกองครักษ์คนหนึ่งเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นองครักษ์ของเขาคนนี้ยังกระโดดโลดเต้นไปมาได้
ดังนั้นงานเลี้ยงน้ำชาพรุ่งนี้สามารถยืนยันเบื้องต้นได้ว่าเซวียนเช่อเฟยจะถูกปล่อยตัว
หนิงเจิงถอนหายใจลับๆ
อวิ๋นกุ้ยเฟยคนนี้น่ารำคาญจริงๆ วันๆ เอาแต่คิดอะไรแผลงๆ
แล้วก็องค์ชายสามนั่นด้วย…ต้องเป็นเพราะเขาไม่พอใจดังนั้นจึงไปหาเสด็จแม่ของเขาให้แก้แค้นสินะ!
เหตุใดจึงมีคนปัญญาอ่อนเช่นนี้นะ
สู้ไม่ไหวเลยฟ้องบิดามารดา!
…
หนิงเจิงกลับถึงห้องก็ขึ้นเตียงไปด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนักขณะที่กำลังจะนอนก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“
“
หนิงเจิงตะลึงงัน ลงจากเตียงแล้วสวมชุดใหม่อีกครั้งขณะที่เดินไปตรงหน้าประตูก็ยกมุมปากขึ้น อดไม่ได้ที่จะพูดแซว
จ้าวซู่มองนางด้วยแววตาคับแค้นใจ “
อะไรไม่เหมือนเดิม
หนิงเจิงงงงัน “หา?”
จ้าวซู่ยิ่งคับแค้นใจ “ไม่กล้าไม่เคาะประตูอีกแล้วหากเห็นอะไรไม่ควรอีกครั้ง ไท่จื่อจำต้องควักตาข้าทิ้งแน่ๆ”
หนิงเจิง “…”
“
นางหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที แล้วพูดขวยเขินว่า
จ้าวซู่มองนาง แล้วถอนหายใจเบาๆ “
หนิงเจิง “…”
หนิงเจิงอยากจะเตะเขาให้ปลิวเลยจริงๆ
ทว่าไม่รอให้นางได้ลงมือก็เห็นจ้าวซู่ยกมือส่งสัญญาณ
สิ้นเสียงก็มีสาวใช้สองคนมือถือเสื้อสองตัวเข้ามาตรงหน้านาง
หนิงเจิงตะลึงอีกครั้ง “นี่คืออะไรนั้นหรือ”
จ้าวซู่ตอบจริงจัง “ไท่จื่อบอกว่านี่เป็นชุดใหม่ทั้งหมดและยังให้ความอบอุ่นได้ดี ต่อไปเจ้าอย่าใส่ผ้าเน่าๆ อีกหากขนาดไม่พอดีก็ให้คนมาวัดตัวเจ้า แล้วค่อยไปตัดใหม่”
หนิงเจิงตะลึงงัน สายตาเบนเบี่ยงไปที่เสื้อพวกนั้นโดยสัญชาตญาณ
ไม่คิดว่าคำพูดลอยๆ ของนาง ไท่จื่อจะนำไปคิดด้วย และยังให้คนส่งเสื้อมาให้นางอีก
จ้าวซู่กระซิบข้างหูนาง แล้วพูดตักเตือนเบาๆ
หนิงเจิง “…?”
เรื่องอย่างว่า?
ใบหน้าของนางแดงก่ำ มองเขาอย่างไม่น่าเชื่อ “จ้าวกงกง ข้าบริสุทธิ์นะ!”
จ้าวซู่เม้มริมฝีปากดูสับสน “
หนิงเจิง “…”
…
เช้าวันรุ่งขึ้น
เพราะจะได้เข้าวัง ทำให้เยี่ยเหลียงเซวียนดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน
หลายวันมานี้ทรมานนางเสียจริง ถูกโบยไปสามสิบทีทำเอานางลงจากเตียงไม่ได้เลยแล้วไท่จื่อยังกักบริเวณนางอีกด้วย นี่มันเจ็บปวดทรมานใจเหลือเกิน
ในที่สุดวันนี้ก็มีโอกาสแก้ตัวเสียที!
ขอเพียงแค่นางปฎิบัติตัวดี ทำตัวน่าสงสารต่อหน้าฝ่าบาทการถูกปล่อยตัวก็เป็นเรื่องปลอกกล้วยเข้าปากมิใช่หรือ
เมื่อนึกถึงตรงนี้ นางจึงแต่งหน้าอ่อนๆ ให้ดูอ่อนแอไร้กำลัง
ทว่าเมื่อนางเห็นหนิงเจิงตรงหน้าประตู สีหน้าของเขาก็มืดมนในทันควัน
หากไม่ใช่เพราะสวะชั้นต่ำคนนี้นางจะถูกไท่จื่อโบยแล้วกักบริเวณเช่นนี้ได้อย่างไร
มาบัดนี้สวะนี้ยังกล้าปรากฏตัวต่อหน้านางอีก
หนิงเจิงทำปากแล้วชี้ไปยังขันทีร่างผอมสูงแปลกหน้าข้างๆ
เยี่ยเหลียงเซวียนมองตาม แล้วถามอย่างระแวง “นี่คือ…”
ขันที่คนนั้นตอบยิ้มๆ “ทูลเซวียนเช่อเฟยข้าน้อยเป็นขันทีรับใช้กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะพระองค์ทรงเรียกข้าน้อยว่าหวังสี่ได้กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงพูดแล้วว่าจะให้องครักษ์หนิงเข้าวังไปพร้อมด้วย”
สีหน้าเยี่ยเหลียงเซวียนแปรเปลี่ยน “
เมื่อหวังสี่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ จึงหัวเราะแห้ง
เยี่ยเหลียงเซวียนตะลึง ไม่กล้าพูดจาใดๆ อีก
บาดหมางกับอวิ๋นกุ้ยเฟย ไม่เป็นประโยชน์ต่อนางเลยสักนิด แต่ทว่า
ไม่เพียงแต่นางเท่านั้นแม้แต่จ้าวซู่ก็ยังจ้องหนิงเจิงด้วยความกังวลเช่นกัน
เมื่อวานตอนที่เฮ่อกงกงมาก็ไม่ได้บอกว่าเชิญหนิงเจิงไปด้วยนี่มาวันนี้อวิ๋นกุ้ยเฟยก็สั่งให้คนมาบอกให้หนิงเจิงเข้าวังพร้อมกันตอนที่ไท่จื่อไปเข้าเฝ้าอีก
แต่ไม่ว่าจะเจตนาร้ายอย่างไร หนิงเจิงก็ต้องไปสถานเดียว
ไท่จื่อไม่อยู่เขาที่เป็นเพียงบ่าวรับใช้จะกล้าขัดพระบัญชาของกุ้ยเฟยได้อย่างไร
แต่ตอนที่ออกจากจวนไท่จื่อ นางได้หันกลับไปทำปากให้กับจ้าวซู่ในตอนที่หวังสี่ไม่ทันสังเกตว่า‘ไท่จื่อ!’
จ้าวซู่ตกใจเล็กน้อย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in