รอยยิ้มบนใบหน้าหนิงเจิงชะงักเล็กน้อย
จู่ๆนางก็รู้สึกว่าตัวเองรีบดีใจเกินไปหน่อยหรือไม่
นางก้มหน้ามองนิ้วตัวเองที่ยังเกี่ยวเข็มขัดของชายหนุ่มเอาไว้นางแลบเลียริมฝีปาก แล้วเตรียมตัวถอยไปเงียบๆ
ทว่านางยังไม่ทันได้ขยับเขยื้อนก็ได้ยินเสียงดัง “เพี๊ยะ” จากนั้นข้อมือของนางก็ถูกชายหนุ่มจับไว้แน่น
หนิงเจิงหายใจเฮือกช้อนสายตาขึ้นมา
“ไท่จื่อ?”
“เจ้าไม่ได้ยินที่เปิ่นกงถามหรือไง”
“...”
นั่นเรียกว่าถามหรือ
จะให้นางตอบคำถามแบบนั้นยังไงเล่า
หนิงเจิงกัดริมฝีปากนางกะพริบตาปริบๆ อย่างน่าสงสาร “กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจ...”
ชายหนุ่มจ้องนางด้วยสีหน้ามืดครึ้มน้ำเสียงข่มขู่ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างเห็นได้ชัด“ถ้าหากเจ้าบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ แล้วสามารถแตะเนื้อต้องตัวเปิ่นกงเปิ่นกงก็คงเป็นไท่จื่อผู้ไร้ค่าใช่หรือไม่”
หนิงเจิง “...”
นางแตะเนื้อต้องตัวตอนไหนไม่ทราบ
อย่างมากก็แค่เฉียดนิดๆหน่อยๆ เท่านั้น!
หนิงเจิงพยายามระงับอารมณ์แต่ก็ยังระงับไม่อยู่ “ไท่จื่อ” นางพูดอย่างโมโห “หากกระหม่อมมองไม่ผิดดูเหมือนพระองค์เอามือมาวางบนบ่าของกระหม่อมก่อน ส่วนกระหม่อม อย่างมากก็แค่...”
“หมายความว่าเปิ่นกงทำได้เจ้าก็ต้องทำได้งั้นหรือ”
ชายหนุ่มแสยะยิ้มและตัดบทนาง“นั่นเพราะเปิ่นกงคือไท่จื่อ ทำไมเจ้าไม่เป็นไท่จื่อด้วยเลยเล่า”
โอ้โห ไอ้...
หนิงเจิงเบิกตากว้าง“เรื่องสถานะมีมาตั้งแต่ชาติกำเนิด กระหม่อมอยากเป็นก็เป็นได้ด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวหนานสวินหัวเราะเยาะ“เจ้ารู้ก็ดี เพราะฉะนั้น เรื่องที่เปิ่นกงทำได้ ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะทำได้เข้าใจไหม”
แต่ว่าร่างกายของนางก็เป็นของนางนี่นา
เขาสัมผัสนางก่อนแล้วยังไม่อนุญาตให้นางสัมผัสเขากลับงั้นหรือ!
หนิงเจิงอึ้งไปชั่วขณะ“ตอนนี้พระองค์กำลังปล่อยให้ขุนนางวางเพลิง แต่ไม่ยอมให้ชาวบ้านจุดตะเกียง
“แล้วจะทำไม”
“...???”
อยู่ยากแล้วตู
จู่ๆหนิงเจิงก้เถียงไม่ออก ทำไมเมื่อครู่นี้นางถึงคิดว่าไท่จื่อเป็นคนดีไปได้นะนี่เห็นได้ชัดว่าเป็นบุคคลอันตรายเสียยิ่งกว่าเซวียนเช่อเฟยอีก
“เช่นนั้น...พระองค์จะเอายังไง”
จู่ๆนางก็รู้สึกใจสลายเป็นเสี่ยงๆ นางทำแก้มพองลมแล้วจ้องเขาด้วยสายตาขลาดกลัวระคนไม่พอใจ “ในเมื่อกระหม่อมแตะต้องตัวพระองค์ไปแล้วต่อให้นึกเสียใจทีหลังก็คงไม่ทันแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เซียวหนานสวิน“...”
เอ่อ...
ชายหนุ่มทั้งโกรธทั้งขำ
เจ้าสุนัขรับใช้สมควรตายคนนี้ยังกล้าเถียงเขาคอเป็นเอ็นอีกหรือ
นี่เขาคิดจริงๆหรือว่าเปิ่นกงไม่กล้าทำอะไรเขา ถึงได้กล้าต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้
ใบหน้ารูปงามของชายหนุ่มปกคลุมไปด้วยความเจ้าเล่ห์ทันใดนั้นก็รวบกำข้อมือนางแน่นอย่างแรง ก่อนเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “วันนี้เปิ่นกงจะทำให้เจ้ารู้ว่าอะไรคือที่ต่ำที่สูง...”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำสุดท้าย เขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกรีดร้องของหนิงเจิง“อ๊ะๆๆ...เจ็บ!”
สีหน้าของเซียวหนานสวินเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วเผลอผ่อนแรงโดยไม่รู้ตัว
แต่เมื่อเขารู้ว่าเขาทำอะไรลงไปเขาก็ยิ่งหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที
เพราะเหตุใดเขาถึงปล่อยมือ
ทำไมเขาต้องดีกับเจ้าสุนัขรับใช้คนนี้ด้วย
ก็เพราะเขาปล่อยให้ได้ใจไปครั้งสองครั้งเจ้าสุนัขรับใช้คนนี้ถึงได้นับวันยิ่งกำเริบเสิบสาน เล่นกับหมาหมาเลียปาก
วันนี้เขาจะต้องกำราบเจ้าสุนัขรับใช้คนนี้ให้อยู่หมัดแน่นอน
“ไท่จื่อ”ขณะนั้นเอง หนิงเจิงเงยหน้าหน้าขึ้น มองเขาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ“ไม่ว่าพระองค์ทรงลงโทษอย่างไร กระหม่อมมิเคยบ่น!
เซียวหนานสวิน“...”
ไม่คิดแล้วตอนนี้จะเอ่ยถึงทำไม
เจ้าสุนัขรับใช้คนนี้นี่ปากว่าตาขยิบ คำพูดไร้ความจริง!
แต่ว่า
เซียวหนานสวินมองนัยน์ตาแดงก่ำราวกับวินาทีต่อมาจะร้องไห้ดวงเนตรของเขาก็ลุ่มลึกไปหลายส่วนโดยไม่รู้ตัว
แล้วจะลงโทษเช่นไรดีล่ะ
จะฆ่าให้ตายจริงๆหรือ
เขาหลุบตาสายตาลุ่มลึก ลูกกระเดือกกลิ้งหลายครา
วินาทีถัดมาเขาก็ผ่อนแรงที่มืออย่างสมบูรณ์
“อื้อออ
เสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดดังขึ้น
ดวงตาของหนิงเจิงเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ริมฝีปากอย่างไม่ทันตั้งตัวและมองความหล่อเหลาอันน่าตกตะลึงที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ!
เมื่อกี้...เขา...เขา...กัดนางหรือ
ใช่ ถูกต้องเขากัดปากนาง!
ที่สำคัญดูเหมือนตอนนี้เขาไม่มีทีท่าจะปล่อยนางด้วย!
ลูกตาของหนิงเจิงแทบถลนออกมาร่างกายแน่นิ่งไม่ไหวติง ความคิดสับสนปนเปกันไปหมด
“หนิงเจิง”
จนกระทั่งชายหนุ่มถอนตัวแล้วเปล่งเสียงนางจึงได้สติกลับมา
เซียวหนานสวินมองใบหน้าตกตะลึงของนางขมวดคิ้ว แล้วบีบคางของนาง “หนิงเจิง”
“อ๊ะ...”
นางกะพริบตาปริบๆมองเขาด้วยความงุนงง
เซียวหนานสวินยิ่งขมวดคิ้วมุ่นทำไมเจ้าสุนัขรับใช้คนนี้ถึงได้ดูซื่อบื้อทุกครั้งหลังเขาจุมพิตด้วย
เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์“ต่อไปเจ้ายังจะกล้าอีกหรือไม่”
หนิงเจิง “...”
ถ้าหากนางยังกล้าอีกเขาก็จะลงโทษนางแบบนี้อย่างนั้นหรือ
หนิงเจิงอดตัวสั่นไม่ได้และรู้สึกสับสนเป็นอย่างยิ่ง
ไท่จื่อไม่ธรรมดาเลยจริง...นี่เขาต้องเสียสละตัวเองเพื่อลงโทษนางครั้งสองครั้งแล้ว
อาจเป็นเพราะสายตาของนางเปิดเผยเกินไปสันกรามของเซียวหนานสวินเกร็งขึ้นทันใด เขาจึงตำหนิเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าสุนัขรับใช้ใครใช้ให้เจ้ามองเปิ่นกงด้วยสานตาเช่นนี้”
ดูเหมือนเขาเอาเปรียบนางอย่างไรอย่างนั้น
หนิงเจิงถูกสายตาน่ากลัวของเขาจ้องมองจึงเผลอกันริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเจ็บจี๊ดจนหน้านิ่วคิ้วขมวด“ไท่จื่อ พระองค์จะกัดที่อื่นไม่ว่า แต่ปากต้องใช้กินข้าวใช้พูดพระองค์ทรงทำเช่นนี้ กระหม่อมไม่สะดวกนะพ่ะย่ะค่ะ!
สายตาของเซียวหนานสวินวูบไหวสีหน้าของเขาดูไม่เป็นธรรมชาติ น้ำเสียงยิ่งฟังดูเคร่งขรึม“เปิ่นกงจะทำให้เจ้าเข็ดไปอีกนาน จะได้ไม่ทำผิดซ้ำซากอีก
หนิงเจิง “...”
ทันใดนั้นนางด้วยสีหน้าจริงจัง
เซียวหนานสวินขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ“จะทำอะไร”
หนิงเจิงกล่าว“ถ้าหากอนาคตกระหม่อมทำผิดโดยไม่ตั้งใจอีก...พระองค์ก็จะลงโทษกระหม่อมแบบนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวหนานสวิน“...”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in