นางตกใจจนสะดุ้งตื่น
ระยะประชิดตรงหน้าเห็นเพียงสีหน้ามืดครึ้มราวกับถ่านของไท่จื่อ
ดวงตาของหนิงเจิงเบิกกว้าง มองเขาด้วยความตกใจ พร้อมกับมองรอบๆจากนั้นก็พบว่าตน…นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาหรือ!
ให้ตายเถอะ!
ดังนั้นที่นางลูบคลำไปเมื่อครู่คือหน้าอกของเขารึ
นางตัวสั่นเทา “ไท่…
เดิมเซียวหนานสวินคิดว่าจะโยนนางลงเตียงก่อนที่นางจะตื่นแต่คาดไม่ถึงว่านางจะตื่นขึ้นมากะทันหัน ทั้งยังลูบจนเขาตื่นด้วย
ก่อนนอนเมื่อคืน ทั้งๆ ที่เขาผลักคนออกไปชิดด้านในเพียงนั้นตรงกลางเป็นมีช่องว่างใหญ่ขนาดนั้นอีกแต่ทว่าตอนนี้คนคนนี้กลับปรากฏอยู่ในอ้อมกอดของเขา?!
หรือว่า…นางมีนิสัยเดินละเมอ
ความคิดนี้ทำเอานางตกใจเช่นกัน
หนิงเจิงเองก็อยากจะไปเหมือนกัน แต่นางกอดเซียวหนานสวินเข้าด้วยกันเมื่อครู่และเพราะว่าตกใจ มือข้างนั้นจึงได้วางอยู่บนตัวของเขา
สองคำที่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันราวกับออกมาจากลูกคอของชายหนุ่มสีหน้าของเขาดำมืดราวกับจะมีน้ำหมึกไหลออกมา
เซียวหนานสวินเสียใจทีหลังมาก เขาไม่ใช่คนใจดีมีเมตตาแล้วเหตุใดเมื่อคืนถึงได้เกิดเป็นคนดีขึ้นแล้วนำตัวบ่าวชั้นต่ำคนนี้ขึ้นมาบนเตียงได้อย่างไรกัน
สุดท้ายไม่เพียงแต่ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งกอดนอนทั้งคืนตอนนี้บ่าวชั้นต่ำคนนี้ยังแตะตัวเขาไม่หยุด!
กล่าวจบนางจึงออกแรงแล้วพลิกตัวออกจากเขาแทบจะกลิ้งตกเตียงไป
เซียวหนานสวินเห็นร่างกระวนกระวายของนางแววตาเคร่งขรึมจ้องนางตาเป็นมัน
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่พวกเขาก็ออกจากจวนมั่วแล้วเหตุใดเขายังต้องมีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับบ่าวชั้นต่ำผู้เป็นชายคนนี้อีก
ที่สำคัญคือบ่าวคนนี้ยังแตะเนื้อต้องตัวเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าและยังเป็นปฏิกิริยาจะ ‘หลบหนี’
ทั้งสองไม่ได้รับมื้อเช้าก็ออกเดินทางทันที
เซียวหนานสวินสีหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จากับนางตลอดทาง
หนิงเจิงอดทนจนกลับถึงจวนไท่จื่อ ในที่สุดก็หลุดพ้นแล้ว
แต่สีหน้าของเซียวหนานสวินยังไม่ดีขึ้น
ตามหลักแล้วนำผีเสื้อทองคำกลับมาได้ในครั้งนี้หนิงเจิงเองก็ลงแรงไปไม่น้อยควรต้องตบรางวัลให้กับนางเล็กน้อยด้วย
แต่ทว่า…เขาไม่มีความคิดนั้นเลย!
เซียวหนานสวินครุ่นคิด เตียงของเขามอบให้กับบ่าวชั้นต่ำนั่นทั้งสองคืนนี่เป็นพรจากสวรรค์ยังต้องการของรางวัลอะไรอีก
จ้าวซู่ยืนอยู่ข้างๆ มองดูสีหน้าของเจ้านายก็อดไม่ได้ที่จะถาม
ดวงตาของเซียวหนานสวินหยุดชะงัก เหล่มองเขาด้วยสายตาเย็นชา
จ้าวซู่มึนงง เขาเพียงแค่เป็นห่วงในสุขภาพของเจ้านาย ผิดตรงไหนเล่า
ชาแก้ร้อนในไม่ถูกหรือ!
หนิงเจิงกลับถึงจวนก็ตรงดิ่งไปที่สำนักหมอ
หมอคนนี้มีนามว่าหลินซิว และยังเป็นคนที่ตรวจระดูให้กับนางที่จวนตระกูลเฮ่อเมื่อสองวันก่อนด้วยคนคนนี้สนิทสนมกับพ่อบุญธรรมดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าเขาจะเชื่อถือไม่ได้
เพียงแต่คำพูดของหลินซิวกลับทำให้นางมึนงง
ถึงแม้หมอผู้นี้จะเชื่อถือได้แต่เรื่องระหว่างนางกับไท่จื่อยิ่งรู้น้อยก็ยิ่งปลอดภัยดังนั้นหนิงเจิงจึงไม่พูดตามตรง
นางครุ่นคิดอยู่นานถึงจะหาคำพูดที่อ้อมออกมาได้
หลินซิวมึนงง มองนางด้วยท่าทางตกใจ แล้วครุ่นคิด
หนิงเจิงได้ยินดังนั้นก็ตะลึงงัน “หมายความว่าอย่างไร”
หลินซิวถอนหายใจยาวเหยียด “เจ้ามีความรู้สึกที่ไม่อาจบอกผู้อื่นได้ต่อชายคนนี้เพียงแต่ว่าไม่สามารถแสดงออกมาได้ จึงได้เก็บไว้กลายเป็นโรคทางใจ และจะแสดงออกได้หลังจากที่หลับใหลไปแล้ว…”
ความรู้สึกที่ไม่อาจบอกใครได้อย่างนั้นหรือ
หนิงเจิงเบิกตากว้าง เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หลินซิวส่ายหน้า กล่าวจริงจัง “ในฐานะหมอข้าจะพูดจาเหลวไหลได้อย่างไรกัน จากที่ข้าดูแล้วเจ้าไม่ใช่โรคละเมออะไรหรอกแต่เป็นไข้ใจน่ะ”
อะไรนะ!
ใบหน้าของนางบูดเป็นวงกลม “ไม่มีทาง!”
หลินซิวกล่าวขึ้นอีก “หากไม่เชื่อเจ้าลองเปลี่ยนคนดูแล้วนอนกับอีกฝ่ายตอนกลางคืนดูว่าจะเกิดอาการละเมอเช่นนี้อีกหรือไม่!”
หนิงเจิง “…”
ลอง…ต้องลอง!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in