ดูเหมือนว่านางจะสั่นมากขึ้นเพียงแต่ว่าการสั่นเล็กน้อยอาจดูไม่ออกเมื่อมองจากภายนอก
นางได้ยินตนเองตอบกลับไป “อืม”
แล้วชายหนุ่มที่อยู่ในสายตาก็หันหลังกลับแล้วอุ้มผู้หญิงอีกคนเดินห่างออกไปช้าๆ
หนิงเจิงยืนอยู่กับที่ด้วยตัวที่แข็งทื่อนางสงสัยว่าบาดแผลที่ไหล่เปิดออกอีกแล้ว ไม่เช่นนั้นจะรู้สึกเจ็บได้อย่างไร
แต่ก็รู้สึกว่าไม่ได้เจ็บที่ไหล่ ไม่รู้เหมือนกันว่าความเจ็บปวดนี้มาจากทางใดมันเจ็บแปลบๆ…
บนไหล่พลันรู้สึกหนักอึ้ง มีคนนำผ้าคลุมมาคุมไหล่ของนาง
นางหันกลับไปมองพบว่าชายหนุ่มรูปงามดูอบอุ่นคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า “อะไรกัน หรือว่าข่าวลือจะเป็นความจริงเจ้ากับไท่จื่อมีบางอย่างกันจริงๆพอเห็นเขาอุ้มหญิงสาวอื่นเดินจากไปก็รู้สึกเศร้าถึงเพียงนี้เชียวรึ”
หนิงเจิงเก็บสายตา “
เขากล่าวเสียงเรียบนิ่ง “ข้าส่งเจ้ากลับไปดีกว่า”
นางขยับริมฝีปาก “
เซียวหลินโหลวขมวดคิ้วอย่างเบาแทบไม่อาจสังเกตเห็นได้
หลังจากหนิงเจิงกลับมา นางนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงจนกลางดึกแล้วก็ยังนอนไม่หลับมีความคิดนับไม่ถ้วนผุดขึ้นภายในหัว
นางนึกถึงเซียวหนานสวิน นึกถึงซูซีรั่วถึงกระทั่งนึกถึงหลินซิวกับเซียวเหลียนอี…
ความคิดสุดท้ายคือความคิดที่น่าขำที่สุดโดยที่นางก็คิดไม่ถึง
นางคิดฟุ้งซ่านอยู่อย่างนั้นตกภวังค์ทั้งคืนจนเวลาล่วงเลยไป
ท้องฟ้าเริ่มสว่าง นกน้อยเริ่มส่งเสียงอยู่ด้านนอกหนิงเจิงไม่คิดหลับต่อ กำลังจะลุกจากเตียงพลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นตรงประตู
นางสูดหายใจและหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว
เซียวหนานสวินเดินเข้ามาในห้องเห็นว่านางนอนหลับอยู่บนเตียงนิ่ง ดวงตามืดลงพร้อมเดินเข้าไปข้างๆ เตียง
นางกำลังลังเลว่าจะตื่นขึ้นมาหรือไม่
เมื่อหกคำถูกกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบขนตาพลางสั่น นางไม่สามารถแกล้งหลับต่อไปจึงลืมตาขึ้น
เซียวหนานสวินมองใบหน้าที่ตื่นตะลึงพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย“ข้าก็เลยอยู่ที่นั่นทั้งคืน”
หนิงเจิงคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้
เขาลูบคลำผมของนางพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
เมื่อหนิงเจิงเห็นใต้ตาดำคล้ำสีจางๆ ของเขาเตรียมจะเอ่ยบางอย่างแต่ก็กลืนเข้าไปแล้วกล่าว “ท่านเหนื่อยมาทั้งคืน พักผ่อนก่อนเถอะ”
เซียวหนานสวินตาลุกวาวเล็กน้อย
นางชะงักครู่หนึ่งถึงพยักหน้าแล้วจึงขยับพื้นที่ให้เขาชายหนุ่มโน้มตัวนอนลงพร้อมโอวเอวของนางไว้ด้วย
หนิงเจิงตัวแข็งเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว ภาพที่เขาอุ้มซูซีรั่วเดินจากไปเมื่อคืนพลันแวบเข้ามาแต่พอนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้นอนทั้งคืนนางก็ไม่ขยับออกไปและทำตัวนิ่งยอมให้เขากอดต่อไป
นางกล่าวขึ้นภายในใจแล้วยิ้ม
เซียวหนายวิน “
เขายังไม่ทันกล่าวตอบ เสียงประตูก็ดังขึ้น
หนิงเจิงชะงัก มือของชายหนุ่มกดลงที่เอวนางหนึ่งทีจากนั้นเอ่ยถามคนที่อยู่ด้านนอก “
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อยหนิงเจิงกดมือเขาเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว
เมื่อได้สบตากับสายตาที่มืดมนและลึกลงไปของเขาใจของนางพลางกระตุกอย่างไม่รู้ตัว แต่สายตานั้นกลับมองเขาอย่างไม่หลบเลี่ยง
ชายหนุ่มขมวดคิ้วย่น “หนิงเจิง…”
นางถึงกระทั่งคิดถึงด้านที่แย่ที่สุด ตอนท่านอยู่เฝ้าไม่เห็นตื่นพอท่านเดินจากไปก็ตื่นซะงั้น บางทีเขาอาจไม่อยากพบหน้าท่าน
หนิงเจิงพลันยิ้มพร้อมกับคลายมือออก
ชายหนุ่มไม่ได้ขยับตัวทันที
เขามองนางอยู่ครู่หนึ่งถึงลุกขึ้นลงจากเตียงจากนั้นช้อนตัวหญิงสาวขึ้นจากเตียงโดยที่หญิงสาวไม่ทันระวังตัว และกล่าวบังคับ
ความรู้สึกโกรธพลันผุดขึ้นภายในใจของหนิงเจิงราวกับว่าเพิ่งรู้สึก…ไม่ ความรู้สึกที่กลั้นเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนจนทำให้นางนอนไม่หลับทั้งคืนตอนนี้อยากพักยังแทบไม่มีเวลา แล้วใครจะว่างไปเยี่ยมไข้กับเขา!
หนิงเจิงยิ้มประชดอีกครั้ง
นางจ้องเขาด้วยแววตาที่ราวกับว่าแบ่งแยกขาวกับดำออกอย่างชัดเจนและกล่าวออกไปชัดถ้อยชัดคำ “
แววตาของชายหนุ่มชะงักอึ้งเล็กน้อย
เมื่อมองใบหน้าที่ถูกระบายด้วยความโกรธจนเป็นสีแดงก่ำหางตากับหางคิ้วที่ดูเหมือนจะมีการเหน็บแนมซ่อนอยู่ของนาง นางระงับความโกรธแบบไหนเอาไว้กันนะถึงสามารถบอกให้เขาพักผ่อนและบอกว่าอยากกินขาแพะย่างด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งเพียงนั้น
ลูกกระเดือกของเขาขยับ จากนั้นพลันดึงนางเข้ามาที่อ้อมอก“ไปกับข้าไว้กลับมาแล้วข้าจะบอกเจ้าว่าตอนนั้นเกิดสิ่งใดขึ้น หืม”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in