เล่ม 1 ตอนที่ 14 แต่เจ้าเดิมพันด้วยชีวิต
ทันใดนั้นเถ้าแก่เจ้าของบ่อนก็ชักสีหน้า“ข้าว่า ท่านชายน้อยชักจะมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นแล้ว
“ตกลง
“เรื่องนี้หรือ...”
หนิงเจิงลูบคางมองสถานการณ์รอบๆ จากนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ยว่า“ในเมื่อที่นี่เป็นบ่อนพนัน เช่นนั้นเล่นพนันกันดีหรือไม่”
ทันทีที่สิ้นเสียงของนางทุกคนต่างก็ตกตะลึง
ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้จักบุคคลเหล่านี้ทว่า...เมื่อครู่ท่านชายชุดม่วงก็ได้เล่นที่นี่ไปหลายตาแล้วนั่นน่ะเป็นเทพเจ้าแห่งการพนันที่ชนะทุกตาเชียวนะ!
“องครักษ์ตัวเล็กๆผู้นี้ปากแจ๋วไม่เบาเลยนี่นา!”
“เขาไม่เห็นเมื่อครู่ท่านชายวางเดิมพันเยอะก็ได้เยอะวางเดิมพันน้อยก็ได้น้อย มิฉะนั้นคงไม่กล้าพูดออกไปเช่นนั้นหรอก
“แต่ตอนนี้เอ่ยปากไปแล้วก็คืนคำมิได้!สงสัยกระบี่เล่มนี้คงตกไปเป็นของท่านชายชุดม่วงเป็นแน่!”
“...”
เสียงซุบซิบนินทาของคนแถวนั้นได้ยินเข้าหูนางไม่หยุดซึ่งพวกเขาดูถูกนางอย่างเห็นได้ชัด!
แต่ถึงกระนั้นหนิงเจิงก็หาได้สนใจไม่นางกะพริบตา และทันใดนั้นก็หันไปมองชายหนุ่มที่ไม่มีปากมีเสียงข้างกาย
“ท่านชายท่านว่าแบบนี้ดีหรือไม่”
จนป่านนี้แล้วให้เขาพูดจะมีประโยชน์อะไร
เซียวหนานสวินมีสีหน้าเย็นชาประสานแววตามั่นใจของนาง ทว่าสุดท้ายเขาก็มิได้ขัดนางแต่อย่างใด “อืม”
เซียวเฉิงอิ่งเลิกคิ้ว“คนที่พนันกับเจ้าคือข้าต่างหาก เจ้าจะถามเขาทำไม”
หนิงเจิงหันกลับมามองหน้าเขา“อ้อ ดังนั้นเจ้าก็เลยไม่กล้างั้นสิ” นางเอ่ยเสียงราบเรียบ “ข้ายังไงก็ได้แพ้ก็แค่เปลี่ยนไปทำอย่างอื่น”
ไม่กล้าอย่างนั้นหรือ
ทันใดนั้น เซียวเฉิงอิ่งก็แสยะยิ้มด้วยความโมโห“ไม่มีใครในบ่อนกล้าพูดจาเยี่ยงนี้กับข้า!”
เขาหรี่ตา“ในเมื่อพนันกันแล้ว เรามาเล่นอะไรที่มันใหญ่หน่อยดีกว่า...คนแพ้ไม่เพียงแต่ยอมยกกระบี่มั่วเหยียให้เท่านั้น ยังจะต้องจ่ายเงินค่ากระบี่ด้วยเจ้ากล้าหรือไม่”
นางมีอะไรไม่กล้าบ้างล่ะ
ลูกเต๋าที่นางเล่นตั้งแต่เล็กจนโตเยอะมากจนจะก่อเป็นสะพานได้อยู่แล้วมิฉะนั้นนางคงไม่เอาชีวิตไปเดิมพันหรอกนะจะบอกให้!
แต่ว่า...
“ตกลง”
นางยังไม่ทันหันกลับไปถามเสียงแหบทุ้มของคนข้างๆ ก็ดังขึ้นเสียก่อน
หนิงเจิงตาเป็นประกายและรีบหันไปแสดงความจงรักภักดี “ท่านชายโปรดวางใจ ข้าน้อยไม่มีทางพ่ายแพ้แน่นอน”
อันที่จริงเซียวหนานสวินไม่ได้เชื่อใจนางเมื่อเทียบกับผีพนันอย่างเซียวเฉิงอิ่ง หนิงเจิงไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเขาด้วยซ้ำ
แต่ชีวิตของสุนัขรับใช้คนนี้ยังแขวนอยู่บนเส้นด้ายเมื่อเทียบกับคนผู้นี้ นับประสาอะไรกับเงินสามหมื่นตำลึง
เขาแสยะยิ้มมุมปาก“อย่างไรเสีย อย่างมากข้าก็แค่เสียกระบี่ไปหนึ่งเล่มเท่านั้นแต่สิ่งที่เจ้าเดิมพันคือชีวิตของเจ้าเชียวนะ”
หนิงเจิง “...”
นางยังคงประเมินความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของไท่จื่อสูงเกินไป
เซียวเฉิงอิ่งขมวดคิ้วมองพวกเขา“ชีวิตอะไร”
หนิงเจิงโกรธแต่ไม่กล้าทำอะไรเซียวหนานสวินจึงทำได้เพียงถลึงตาจ้องเขา “เป็นบุรุษมัวพูดพร่ำทำเพลงอยู่ได้เจ้าตั้งใจแข่งขันเถิด ระวังแพ้ไอ้ลูกหมาอย่างข้าก็แล้วกัน
เซียวเฉิงอิ่ง“...”
มารดาเจ้าสิ
เซียวเฉิงอิ่งหน้าซีดจากนั้นก็โอบกอดฮว๋าหรงซังอย่างหงุดหงิดแล้วเดินเข้าไปยังโต๊ะว่างเพียงโต๊ะเดียวในมุม
คนอื่นๆรอบข้างหันมามองหน้ากัน หลังจากนั้นก็เดินตามเข้าไปราวกับกำลังดูเรื่องสนุกๆ
ทันใดนั้นบรรยากาศรอบด้านก็น่าอึดอัดแทบขาดอากาศหายใจ
เซียวเฉิงอิ่งยืนตรงขอบโต๊ะจ้องหน้าหนิงเจิงแล้วเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “เล่นอย่างไร วางเดิมพันเท่าไหร่”
“อย่าเพิ่ง”หนิงเจิงส่ายหน้า “การเล่นที่ไม่มีทักษะการเล่นแบบนี้ข้าเชื่อว่าแม้แต่เจ้าก็สามารถเดาได้”
“...”
แม้แต่เขาก็เดาได้อะไรกัน
เซียวเฉิงอิ่งโกรธนางจนแทบอกแตกตายเขาตวาดลั่น “เจ้ากำลังพูดกับคนที่มีทักษะอยู่นี่ไง!
หนิงเจิงขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่งจู่ๆ ก็หยิบถ้วยลูกเต๋าบนโต๊ะขึ้นมา แล้วหันไปสั่งเด็กรับใช้ข้างๆให้ไปหยิบลูกเต๋าจากโต๊ะข้างๆ มา
จากนั้นจึงพูดว่า“ตอนนี้มีลูกเต๋าทั้งหมดหกลูก เรามาทอยลูกเต๋ากัน...ใครก็ตามที่ทอยลูกเต๋าได้แต้มต่ำกว่าจะเป็นผู้ชนะเอาแบบนี้ดีไหม”
สายตาของเซียวเฉิงอิ่งเต็มไปด้วยความดูถูก“ก็เอาซี่!”
หนิงเจิงพยักหน้ายิ้มตาหยีแล้วยื่นถ้วยลูกเต๋าไปให้“เพื่อความยุติธรรม ข้าเป็นคนคิดกติกาการแข่งขันขึ้นมาดังนั้นจึงให้เจ้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน”
ทุกคน “...???”
นี่ไปเรียนความยุติธรรมมาจากสำนักไหนเนี่ย
ทว่าเซียวเฉิงอิ่งก็ไม่เก็บมาใส่ใจเขาแสยะยิ้มเย็นชา แล้วรับถ้วยลูกเต๋าขึ้นมาทอย
ลูกเต๋าดังลั่นถ้วยอย่างดุเดือดทันที!
ฝูงชนจ้องมองตาไม่กะพริบ
จากนั้นก็เห็นเขาวางถ้วยลูกเต๋าลง
“เปิดให้ข้า
เมื่อเขาออกคำสั่ง ก็มีคนมาเปิดถ้วยให้เขาทันที
ทันทีที่ลูกเต๋าปรากฏขึ้น ทุกคนก็อ้าปากค้างพร้อมกัน
ลูกเต๋าทั้งหกออกลูกละหนึ่งแต้ม ซึ่งรวมทั้งหมดเป็นหกแต้ม!
นี่คือจุดที่เล็กที่สุดเลยนี่นา!
แม้ว่าองครักษ์นั่นจะทอยได้หกแต้มอย่างมากก็แค่เสมอกันเท่านั้น...ยิ่งไปกว่านั้น หกแต้มไม่ได้ทอยง่ายๆ ขนาดนั้นแล้วก็ไม่ได้เกิดมาเป็นเทพเจ้าแห่งการพนันทุกคนด้วย!
ทุกคนรอบข้างต่างพากันส่ายหน้าและถอนหายใจ
เซียวหนานสวินมีสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อยแล้วแลมองหนิงเจิง
เขารู้อยู่แล้วว่าสุนัขรับใช้คนนี้ทำไม่ได้หรอก
ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ยังจะฝืนเอาชนะอีก ตอนนี้แทบจะรักษาชีวิตไม่ได้แล้ว
“เป็นไงยอมแพ้ไหม”
เซียวเฉิงอิ่งเลิกคิ้ว“ถ้าหากตอนนี้เจ้าคุกเข่าก้มหัวยอมรับผิดให้ข้า ข้ายกเงินสามหมื่นตำลึงให้ก็ได้ เจ้าจะได้ไม่ต้องกลับไปรับโทษสองเด้งไงเล่า”
หนิงเจิงกลอกตา“ต่อให้เจ้าคุกเข่าก้มหัวยอมรับผิดให้ท่านชายของข้าเขาก็จะไม่เสียเงินสามหมื่นตำลึงเพราะเจ้า ฉะนั้นเจ้าฝันไปเถอะ”
เซียวเฉิงอิ่งหน้าดำคร่ำเครียด
หนิงเจิงถอนสายตากลับมาแล้วรีบรับถ้วยลูกเต๋า แล้วจับมันเขย่ากลางอากาศต่อเนื่อง
ทว่าคราวนี้สีหน้าของทุกคนกลับไม่ได้ดูตื่นเต้นอยากรู้อยากเห็นเรื่องสนุกๆ เหมือนคราวแรก
“ปัง...”
เสียงวางหนักๆลงบนโต๊ะ หนิงเจิงกวักมือเรียกเด็กรับใช้ในบ่อนมา “พี่ชายเปิดให้ถ้วยข้าบ้างได้ไหม”
เพื่อความยุติธรรมในเมื่อเซียวเฉิงอิ่งเรียกเด็กรับใช้คนนี้มาเปิดให้ แน่นอนว่านางก็ทำเหมือนกันบ้าง
เด็กรับใช้พยักหน้าด้วยความเคารพเดินไปข้างหน้านางแล้วโน้มตัวลงไป จากนั้นก็ค่อยๆ เปิดฝาถ้วยลูกเต๋าออก...
วินาทีถัดมา เขาก็เบิกตากว้างขึ้นทันใด!
“ซี้ดดดด”
แม้ว่าทุกคนจะห้อมล้อมเขา แต่มือของเขาบังสายตาของทุกคนดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นสถานการณ์เฉพาะข้างใน ดังนั้นเขาจึงอดกังวลไม่ได้
“พวกเราต่างรู้ดีว่าองครักษ์ต้องแพ้โดยมิต้องสงสัยเจ้าไม่ต้องช่วยเขาปิดบังหรอก รีบเปิดเร็วเข้า!”
เด็กรับใช้คนนั้นยังคงตัวแข็งทื่อแล้วส่ายหน้าด้วยความตกตะลึง “ไม่ ไม่ ไม่...เอ่อ...คือว่า...”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in